ตอนที่แล้วตอนที่ 248 ความผิดพลาดร้ายแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 250 ประเด็นสำคัญ

ตอนที่ 249 กระดิ่งนรก


ตอนที่ 249 กระดิ่งนรก

“จำเอาไว้ว่าจงเก็บไพ่ใบสำคัญเอาไว้ใช้ในช่วงที่สำคัญที่สุดเท่านั้น” เซี่ยเฟยพูดข้าง ๆ ศพของฟางหยวน แต่น่าเสียดายที่ชายอ้วนคงจะไม่สามารถนำคำสอนของเขาไปใช้ได้อีกแล้ว

ทันทีที่เซี่ยเฟยพูดจบเขาก็ใช้นิ้วผลักร่างของฟางหยวนเบา ๆ ก่อนที่ร่างของชายคนนี้จะเอนล้มลงไปพร้อมกับอวัยวะที่ถูกตัดแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ

เนื่องมาจากการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยรวดเร็วมาก ผู้ชมส่วนใหญ่จึงไม่เห็นว่าชายหนุ่มสามารถสังหารฟางหยวนได้อย่างไร พวกเขาเห็นแต่เพียงว่าจู่ ๆ ร่างของชายอ้วนก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกับร่างกายของเขาที่ถูกตัดขาดแยกออกจากกัน

ทั่วทั้งสนามประลองตกอยู่ในความเงียบสนิทในระหว่างที่เซี่ยเฟยเดินออกจากสนาม ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่กี่วินาทีต่อมาศิษย์ของสำนักเงาสังหารก็เริ่มรู้สึกตัว ก่อนที่พวกเขาจะตะโกนชื่อเงาโลหิตออกมาอย่างบ้าคลั่งและบางคนก็ไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาของพวกเขาเอาไว้ได้

การจู่โจมของเซี่ยเฟยเฉียบขาดมากจนเกินไป ซึ่งมันแตกต่างจากการต่อสู้อันดุเดือดที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้ มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงไปเป็นเวลานานแบบนี้

ตั้งแต่การยั่วประสาทคู่ต่อสู้ไปจนถึงการเคลื่อนไหวอย่างใจเย็นและทำการจู่โจมโต้ตอบในครั้งเดียว ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกวางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังเดินออกไปจากสนามประลองอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าศพที่เขาเพิ่งสังหารไปนี้เป็นเพียงแค่หนึ่งในซากศพที่เขาได้พบระหว่างเส้นทางชีวิตของเขาเท่านั้น

เฮ้!!!!!!

ศิษย์ของสำนักต่างก็แสดงความดีใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง และถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้มันจะมีศิษย์บางคนทะเลาะกัน แต่ตอนนี้พวกเขาก็กอดกันอย่างยินดี

เงากระเรียนยืนขึ้นปรบมือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเขาก็แอบรู้สึกชื่นชมการตัดสินใจของเงาสูญที่ดึงเซี่ยเฟยมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

ชัยชนะของเซี่ยเฟยเป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าเงาสูญสมควรได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักมากกว่าเงากระเรียน เพียงแต่ชายชราคนนั้นเคร่งครัดในบทลงโทษของตัวเองมากเกินไป

ขณะเดียวกันสีหน้าของตงเทียนก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะเขาได้เดิมพันชะตากรรมของสำนักทั้งหมดเอาไว้กับฟางหยวนแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าตราบใดก็ตามที่เขาต่อสู้เสมอกับเงากระเรียน สำนักของเขาก็จะสูญเสียดาวของตัวเองให้กับสำนักเงาสังหารทันที

เซี่ยเฟยเดินออกมาจากสนามประลองอย่างสงบนิ่ง โดยไม่สนใจเสียงโห่ร้องของศิษย์ในสำนักที่กำลังตะโกนด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเขาเดินเข้ามาภายในป่าเขาก็จุดบุหรี่นั่งพิงต้นไม้ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นชมท้องฟ้าอย่างผ่อนคลาย ราวกับว่าเขาไม่ได้เพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมาเลย

“นายทำได้ดีมาก!” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เพราะท้ายที่สุดชัยชนะของเซี่ยเฟยก็หมายถึงชัยชนะของสำนัก มันจึงทำให้วิญญาณนักฆ่าคนนี้รู้สึกดีใจเป็นเรื่องธรรมดา

“นี่อันธ! อยู่ ๆ ฉันก็คิดอะไรได้บางอย่าง” เซี่ยเฟยมองไปทางอันธพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

“คิดอะไร?”

“ในเมื่อฉันเป็นศิษย์ของอาจารย์เงาสูญ แบบนี้นายควรจะต้องเรียกฉันว่ายังไง?”

ทันใดนั้นสีหน้าของอันธก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียดในพริบตา ก่อนที่เขาจะหนีเข้าไปในสร้อยหินมัวร์โดยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป

หลังเวลาได้ผ่านพ้นไปการต่อสู้ระหว่างเงากระเรียนกับตงเทียนก็ไม่ได้เกิดขึ้น เนื่องมาจากเงากระเรียนเลือกที่จะยกธงยอมแพ้ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้จบลงที่ผลเสมอกัน

การแสดงความเมตตาต่อศัตรูไม่ต่างไปจากการทำร้ายตัวเอง เซี่ยเฟยเข้าใจข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ซึ่งเงากระเรียนก็เข้าใจข้อเท็จจริงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่เซี่ยเฟยเลือกวิธีการสังหารศัตรูทุกคนของเขาให้ตายจากไป แต่เงากระเรียนเลือกวิธีเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร

แน่นอนว่าตงเทียนย่อมยอมรับข้อเสนอของเงากระเรียนอย่างเต็มใจ ก่อนที่เขาจะรีบจากไปโดยเร็วที่สุด การเสียหน้าเพียงแค่นี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเขาจะต้องรักษาฐานที่มั่นของสำนักเอาไว้ให้ได้

ก่อนไปเขาก็ได้พูดยกย่องเงากระเรียนต่าง ๆ นานา ซึ่งคำพูดของเขาไม่ได้มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียว

แม้ว่าเงากระเรียนจะไม่ได้เชื่อถือคำพูดของตงเทียน แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะยังไม่เปิดสงครามกับสำนักเหมันต์สวรรค์ ซึ่งการตัดสินใจของเขาก็ทำให้ลูกศิษย์ในสำนักรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

เช้าวันถัดไปเซี่ยเฟยก็เริ่มเก็บกระเป๋าพร้อมกับรับประทานอาหารเช้ากับพยูน หลังจากนี้เขาวางแผนที่จะไปบอกลาเงากระเรียนและเงาสูญ เพราะท้ายที่สุดมันก็ยังมีเรื่องสำคัญอีกหลายอย่างที่รอให้เขากลับไปจัดการ

การหายตัวไปอย่างลึกลับไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะในระหว่างนี้เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทบ้างและแอวริลกำลังเศร้าเสียใจกับการหายตัวไปของเขาหรือเปล่า

ระหว่างทานอาหารพยูนชื่นชมการต่อสู้ของเซี่ยเฟยตลอดเวลา ซึ่งชายหนุ่มก็ให้กำลังใจไม่ให้พยูนล้มเลิกความตั้งใจในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดเมื่อไหร่ก็ตามที่พยูนได้ยอมแพ้เขาก็จะไม่มีโอกาสได้ทำตามสิ่งที่เขาได้ใฝ่ฝันเอาไว้

หลังมื้ออาหารเซี่ยเฟยก็เดินขึ้นไปยังภูเขาชั้น 14 ซึ่งเป็นที่อยู่ของอาจารย์เงาสูญ

ในเมื่อเขาได้กลายเป็นศิษย์ของเงาสูญแล้ว มันจึงทำให้ลำดับอาวุโสภายในสำนักของเขาพุ่งขึ้นสูงกว่าเดิมอย่างไม่อาจจินตนาการได้ เพราะแม้แต่อาจารย์ของอันธก็ยังจำเป็นจะต้องเรียกเขาว่าอาจารย์ลุง

แน่นอนว่าเรื่องไร้สาระแบบนี้ย่อมไม่อาจเปลี่ยนสถานะระหว่างเซี่ยเฟยกับอันธได้ เพราะท้ายที่สุดถึงแม้พวกเขาทั้งคู่จะไม่ได้ตกลงยอมรับเป็นศิษย์อาจารย์ แต่ความเป็นจริงอันธก็ไม่ต่างไปจากอาจารย์คนแรกของเซี่ยเฟยเลย

โดยตอนนี้ลูกศิษย์คนโปรดของอันธกลับกลายเป็นอาจารย์ปู่ของเขาอย่างฉับพลัน แต่ที่รำคาญมากกว่านั้นคือเซี่ยเฟยมักจะพูดจาหยอกล้อเขาในเรื่องนี้อยู่เสมอ

เงากระเรียนรู้แล้วว่าเซี่ยเฟยกำลังจะกลับไป ดังนั้นทันทีที่ชายหนุ่มได้ก้าวเดินขึ้นมาบนชั้น 13 ชายชราร่างเล็กก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนำเซี่ยเฟยไปยังที่พักของเงาสูญ

หลังจากเดินผ่านประตูโค้งของชั้น 14 พวกเขาก็ได้พบกับเงาสูญที่กำลังทำความสะอาดลานกว้างอย่างขยันขันแข็ง เซี่ยเฟยจึงรีบเดินไปเพื่อขอไม้กวาดมาทำความสะอาดแทน แต่เงาสูญกลับปฏิเสธและอ้างว่าการทำความสะอาดเป็นงานอดิเรกของเขาเอง ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากยืนดูอาจารย์กวาดลานกว้างอย่างเงียบ ๆ

หลังจากเวลาผ่านพ้นไปไม่นานเงาสูญก็โบกมือเรียกเงากระเรียนและเซี่ยเฟยไปนั่งลงบนโต๊ะไม้ใต้ต้นสน ก่อนที่จะนำกาน้ำชาร้อน ๆ มาวางไว้บนโต๊ะ

บนภูเขามีหิมะตกตลอดเวลา แต่โชคดีที่พื้นที่บริเวณนี้ไม่มีลมพัดทำให้พวกเขาไม่ได้รู้สึกหนาวมากเกินไป และการได้ดื่มชาร้อน ๆ ท่ามกลางหิมะตกหนักก็ได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ

“ท่านอาจารย์ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรแล้วผมขอกลับบ้านในวันนี้เลยนะครับ หลังจากที่ผมจัดการธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผมจะกลับมาเยี่ยมเยียนอาจารย์อีกครั้งนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยความเคารพ

ท้ายที่สุดเขาก็คำนับชายชราคนนี้เป็นอาจารย์ของเขาแล้ว นอกจากนี้เงาสูญยังดูเป็นชายชราใจดีราวกับว่าเขาเป็นคนไม่มีพิษมีภัย

“ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่ในเมื่อเจ้าได้สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับสำนักและเพื่อเป็นของขวัญที่ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์ ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็ขอให้บอกข้ามาได้เลย” เงาสูญกล่าวขึ้นมาอย่างใจเย็น

เงากระเรียนที่ฟังอยู่ข้าง ๆ รู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เพราะอายุขัยของเงาสูญกำลังจะหมดลง และเมื่อเซี่ยเฟยกลับมาอีกครั้งเงาสูญก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว

เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาอย่างอ้อม ๆ ว่าเขาต้องการกระดิ่งนรก ซึ่งกระดิ่งชนิดนี้คือเครื่องส่งสัญญาณที่เงารัตติกาลได้ใช้ตอนที่พวกเขาติดอยู่ในถ้ำ

หากเขาสามารถถอดระบบภายในของกระดิ่งนรกพวกนั้นได้ มันย่อมสามารถช่วยให้การพัฒนาระบบซุปเปอร์เรดาร์ก้าวหน้าไปได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็อาจจะสร้างผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์เรดาร์ขึ้นมาวางขายในท้องตลาดเลยก็ได้

น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยไม่สามารถพูดเรื่องนี้ขึ้นมาตรง ๆ ได้ เพราะเขารู้เรื่องกระดิ่งนรกผ่านทางการบอกเล่าของอันธ ดังนั้นถ้าหากว่าเขาพูดเรื่องกระดิ่งนรกขึ้นมาตรง ๆ เขาก็คงจะไม่สามารถหาคำอธิบายมาบอกกับเงาสูญได้ว่าเขารู้จักเครื่องสื่อสารชนิดนี้ได้อย่างไร

“สิ่งที่เจ้าพูดถึงเรียกว่ากระดิ่งนรกเป็นเครื่องมือส่งสัญญาณที่พวกเราเอาไว้ใช้ภายในสำนัก” เงาสูญกล่าวพร้อมกับพับแขนเสื้อของเขาขึ้นไป เผยให้เห็นกระดิ่งสีเงินขนาดเล็กที่ผูกติดเอาไว้กับแขนซ้ายของชายชรา

“ปกติตราบใดก็ตามที่ศิษย์ในสำนักคนไหนมีคุณสมบัติเพียงพอย่อมได้รับกระดิ่งนรกไปติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นการที่เจ้าร้องขอสิ่งนี้ย่อมไม่ใช่ปัญหา และหากในอนาคตเจ้าต้องการความช่วยเหลือ เจ้าก็สามารถจะใช้กระดิ่งนรกติดต่อกับศิษย์ของสำนักที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้”

หลังจากพูดจบเงาสูญก็หันหน้าไปทางเงากระเรียนเพื่อถามว่าเจ้าสำนักยินดีตอบรับคำขอของเขาหรือไม่

เงากระเรียนชื่นชมศิษย์พี่ของเขามาโดยตลอดอยู่แล้ว เขาจึงไม่ต้องการจะขัดใจชายชราคนนี้แม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะหลังปัญหาครั้งล่าสุดที่สำนักได้ผ่านพ้นมา เงากระเรียนก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมศิษย์พี่ของเขามากยิ่งขึ้นไปอีก เขาจึงมอบกระดิ่งนรกครบทั้งชุดให้กับเซี่ยเฟยโดยไม่ลังเลทำให้ชายหนุ่มสามารถติดต่อกับศิษย์ในสำนักได้อย่างสะดวกสบาย

เซี่ยเฟยรับกระดิ่งนรกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเริ่มถามถึงที่มาของเครื่องสื่อสารชนิดพิเศษนี้

เงาสูญเล่าว่าพวกเขาได้รับกระดิ่งนรกมาจากอารยธรรมโบราณ โดยทั่วทั้งสำนักมีกระดิ่งนรกอยู่เพียงแค่ 300 ชุดเท่านั้น แต่เนื่องจากความซับซ้อนภายในอุปกรณ์ชนิดนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถผลิตกระดิ่งนรกขึ้นมาเพิ่มเติมได้

ด้วยการที่กระดิ่งนรกมีจำนวนอยู่อย่างจำกัดและไม่สามารถหากระดิ่งชุดใหม่มาแทนกระดิ่งชุดเก่าได้ ดังนั้นทันทีที่ศิษย์คนไหนได้เผชิญกับความตาย พวกเขาก็จะต้องส่งมอบกระดิ่งนรกกลับคืนให้กับสำนักเพื่อให้ศิษย์ในรุ่นต่อไปได้มีเอาไว้เพื่อใช้งาน

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้ตระหนักว่ากระดิ่งชนิดนี้ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์จากพันธมิตรมนุษย์ แล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมประสิทธิภาพของมันถึงล้ำหน้าเทคโนโลยีในปัจจุบันไปมากขนาดนั้น

หลังจากนั้นไม่นานกระดิ่งที่ดูแปลกตาก็ถูกนำมาผูกติดอยู่กับข้อมือของเซี่ยเฟย และถึงแม้ว่ามันจะมีชื่อเรียกว่ากระดิ่ง แต่แท้จริงแล้วมันคืออุปกรณ์สื่อสารคู่หนึ่งที่มีกระดิ่งอันหนึ่งเป็นสีดำและกระดิ่งอีกอันหนึ่งเป็นสีเงิน

กระดิ่งสีดำคือกระดิ่งส่งสัญญาณที่สามารถส่งสัญญาณไปยังกระดิ่งสีเงินที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องสัญญาณรบกวนเลย เพียงแต่อุปกรณ์สื่อสารชนิดนี้เป็นอุปกรณ์สื่อสารแบบหมู่คณะ มันจึงไม่สามารถใช้กระดิ่งนรกในการสื่อสารแบบส่วนตัวได้

สำหรับระยะการสื่อสารเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เพราะมันขึ้นอยู่กับสัญญาณรบกวนบริเวณโดยรอบ ซึ่งหลังจากที่สำนักเงาสังหารได้ทดสอบมาเป็นเวลานานหลายปี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ท่ามกลางคลื่นรบกวนที่รุนแรงที่สุด แต่กระดิ่งนรกก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ในระยะทางมากกว่า 1 ล้านกิโลเมตร และถ้าหากว่าพื้นที่ที่พวกเขาอยู่ไม่มีสัญญาณรบกวนระยะทางการสื่อสารก็มีระยะไกลหลายปีแสง

อุปกรณ์ที่สามารถส่งสัญญาณได้หลายปีแสงทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เหนือเกินกว่าจินตนาการของมนุษย์ในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง

แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังดีใจหลังจากได้รับกระดิ่งนรกมา เงาสูญก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักราวกับว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับชายหนุ่ม

**************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด