ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 669 บรรพชนหวู่เฟิงปรากฏตัว (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 671 แผนการของหวู่เฟิง

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 670 จะเข้าร่วมหรือต่อต้าน (ฟรี)


ความจริงแล้วหวู่เฟิงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาพบเจอซู่เสี่ยวไป่เลยแม้แต่นิดเดียว มันได้สร้างความประหลาดใจให้กับซู่เสี่ยวไป่มาก

“ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามาพอสำควร….ตัวตนฟ้าประทาน….ผู้กลับชาติมาเกิด และอีกหลายร้อยชื่อที่ยกย่องสรรเสริญเจ้า ที่ผู้เฒ่ามาในวันนี้เพียงต้องการจะสนทนากับสหายน้อยเท่านั้น ไฉนถึงทำตัวห่างเหินเช่นนี้เล่า ไป่หยิน?”

“ข้าคือหวู่เฟิง ผู้เฒ่าแห่งตำหนักราชาดาบ แต่ข้าได้ละทิ้งภาระหน้าที่ทั้งหมดไปแล้ว ไม่สนใจความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรอก ผู้เยาว์ทะเลาะกันจะให้คนแก่อย่างข้าสอดมือเข้าไปก็กระไรอยู่ จริงไหมล่ะ?”

“การที่ข้ามาหาเจ้าในวันนี้ เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับจักรวรรดิระดับสูงของสหายน้อยไป่หยิน ว่าจะเป็นมิตรกับข้าได้หรือไม่”

ชายสูงปักดาบยักษ์ลงกับพื้น และพูดด้วยท่าทางโผงผางโดยไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้น เขาเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุยได้อย่างรวดเร็วและหาผลประโยชน์ในทันที

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์แบบนี้ ซู่เสี่ยวไป่นั้นรู้เจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายผู้นี้ต้องการมีส่วนแบ่งกับการบุกจักรวรรดิระดับสูง

นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซู่เสี่ยวไป่เจออะไรแบบนี้ ในจักรวรรดิทวีปใหญ่และตอนที่มีเรื่องกับอาณาจักรคลื่นโบราณ มีหลายครั้งที่ผู้แข็งแกร่งและทรงอำนาจมากมายชักชวนให้ซู่เสี่ยวไป่เป็นพวกด้วย แต่ก็ถูกซู่เสี่ยวไป่ปฏิเสธไปทุกครั้ง

ดังคำที่กล่าวเอาไว้ว่า ไม่มีมิตรแท้ที่ยั่งยืนหรือศัตรูตลอดกาล มีแต่ผลประโยชน์ที่จีรัง ในสายตาของซู่เสี่ยวไป่ เห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว หากว่าการร่วมมือกับคนอื่นกลายเป็นอุปสรรคเขาขอทำงานคนเดียวดีกว่า

และไม่ทันที่จะตอบโต้อะไร หวู่เฟิงก็พูดต่อทันที

“จักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายไปแล้ว ผู้นำสูงสุดของเจ้าไม่มีอีกแล้ว เจ้าเป็นผู้พลิกสถานการณ์ทุกอย่าง จนถูกเรียกขานว่ามหาบุรุษผู้กอบกู้ สร้างความตกตะลึงให้กับจักรวรรดิระดับสูงอย่างมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าพวกมันได้แต่หนี ทำให้กองทัพของเจ้าบุกเข้าไปยึดพื้นที่ออกมาได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างงั้นการบุกครั้งนี้ก็ยังไม่สามารถได้รับผลตอบแทนที่มากพอ”

ซู่เสี่ยวไป่เลิกคิ้วขึ้น

“โอ้? เช่นนั้น ท่านผู้อาวุโสมีคำแนะนำเช่นไร”

หวู่เฟิงหัวเราะชอบใจ

“สิ่งนั้นก็ง่ายๆ ไม่ยากอะไรเลย ทุกวันนี้ความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิระดับสูงยังคงมีอยู่ แม้แต่ตอนนี้พวกมันก็ยังกัดกันเอง”

“ในหมู่พวกมัน พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยจักรวรรดิระดับสูงที่มีจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 แต่ด้วยวิธีการของเจ้ามันยากมากที่จะทำอะไรพวกมันได้  แต่มันจะต่างออกไป หากว่าเราสองคนร่วมมือกัน ข้าสามารถมอบข้อมูลแก่เจ้าได้ และเจ้าเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่ง ทีนี้เราค่อยมาแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่งเป็นไง”

ซู่เสี่ยวไป่ส่ายหัวทันที

“ครึ่งหนึ่งมันมากเกินไป แค่ 1 ส่วนพอ”

สีหน้าของหวู่เฟิงแข็งขึ้นทันที

“ไป่หยิน!! แกไม่รู้รึไงว่ากำลังต่อรองกับใครอยู่!! 1 ส่วน….นี้ไม่ใช่การต่อรองด้วยซ้ำ!”

“นั่นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลยแม้แต่น้อย ความช่วยเหลือจากตำหนักราชาดาบนั้น เป็นสิ่งที่ข้าจ่ายไม่ไหวจริงๆ หากว่าผู้อาวุโสมีเวลาว่างถึงเพียงนี้ ทำไมท่านไม่กลับไปดูแลตำหนักของท่านให้อยู่ดีกินดีแทนเล่า หากว่าจักรวรรดิระดับสูงไม่พอใจท่านขึ้นมา จะถูกฆ่ายกตำหนักได้”

ซู่เสี่ยวไป่ระงับอารมณ์ของเขา แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีขอบเขตพลังของจ้าวภัยพิบัติขั้น 8 ก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวหวู่เฟิงเลยแม้แต่น้อย หากว่าสู้กันขึ้นมาจริงๆ แม้โอกาสชนะจะน้อยแต่ก็มีหวังอยู่

และซู่เสี่ยวไป่ไม่อยากจะยุ่งกับคนคนนี้ด้วย แต่หากเขาพอใจการทำลายหวู่เฟิงก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เช่นเดียวกับหวู่เฟิงก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ แม้ว่าเขาจะโกรธก็ตาม แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทีหัวเสียออกมา และพูดอย่างอดกลั้นออกมา

“ไป่หยิน….นี้….อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่..เจ้าจะได้เป็นพันธิมิตรกับตระกูลระดับสูง หากว่าเจ้าไม่คิดจะรักษาน้ำใจนี้เอาไว้ วันข้างหน้าเจ้าจะเสียใจ!”

“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่านผู้อาวุโส ข้านั้นมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ เพราะงั้นเชิญท่านกลับไปได้แล้ว”

“เฉี่ยวเห้อ ส่งแขก!”

ซู่เสี่ยวไป่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มสุดแสนจะเสแสร้ง

ทุกคนล้วนสวมหน้ากากเข้าหากันอยู่แล้ว แทนที่จะแสร้งเป็นมิตร สู้หักกันไปตรงๆ เลยจะดีกว่า

ซู่เสี่ยวไป่อยู่ห่างจากเขตแดนภัยพิบัตขั้น 9 อีกครึ่งเดียว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรวรรดิระดับสูงตอนนี้ เขาเองก็ยังไม่มีความมั่นใจที่ากพอจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ โดยไม่เกิดความสูญเสีย

เห็นได้ชัดเลยว่าหวู่เฟิงนั้นประเมินซู่เสี่ยวไป่ต่ำเกินไป เมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว ซู่เสี่ยวไป่นั้นบ้าระห่ำและหยาบกระด้างยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทั้งที่ว่ารู้ตัวว่าอ่อนแอแต่ยังกล้าที่จะท้าทายสวรรค์

“หึๆๆ ดูแล้วไป่หยินคนนี้จะมีแผนการเป็นของตัวเอง และไม่ต้องการร่วมมือกับตำหนักราชาดาบของข้า  น่าเสียดาย น่าเสียดาย….เจ้าได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ข้าหวังว่าต่อจากนี้ไปเจ้าจะต้องเสียใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความย่อยยับในภายภาคหน้า”

-หวู่เฟิงนั้นหัวเราะและพูดออกมาด้วยถ้อยคำที่หยาบ และยังปล่อยกลิ่นไอที่น่าเกรงขามออกมา-กดขี่มังกรเก้ามายาผู้เป็นข้ารับใช้ของซู่เสี่ยวไป่จนตัวสั่นไปทั้งตัว

“นายท่าน….ท่านไม่กลัวว่า หวู่เฟิงผู้นี้จะคลั่งขึ้นมาแล้วไล่ฆ่าทุกคนงั้นหรอ?”

“มันต่างหากที่กลัว! ตอนนี้แม้แต่จักรวรรดิระดับสูงเองก็ยังกลัวข้า เจ้าจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นถึงมายื่นข้อเสนอพันธมิตรให้กับเรา พวกมันคงคิดและวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่จิ้งจอกเฒ่านั้นไม่คิดที่จะทำเลยคือ ทำสงครามกับข้า หวู่เฟิงกลัวในจุดนี้หากว่าเขาก่อสงครามขึ้นมาตำหนักราชาดาบจะเจอเคราะห์ร้ายไปด้วย จะเว้นก็แต่....”

“นายท่าน!! เว้นแต่อะไร”

“ช่างมันเถอะ ข้าคงคิดมากเกินไป”

ซู่เสี่ยวไป่ส่ายหัว และหันมาสนใจเป้าหมายใหญ่ของเขาต่อ

ในขณะเดียวกันหลังจากที่หวู่เฟิงออกจากดวงดาวทางเหนือไปแล้ว เขาไม่ได้กลับไปยังตำหนักราชาดาบ แต่เขากลับมุ่งหน้าลงใต้ลัดเลาะไปตามกระแสของสายธารกาลเวลา จนไปถึงพื้นที่ของจักรวรรดิระดับสูง

“โอ้!! ท่านหวู่เฟิง หายากที่ท่านจะแวะมาเยี่ยมเยียน”

แล้วตอนนั้นเองก็ปรากฏร่างขึ้นจากอากาศ เป็นชายร่างท้วมสูงวัยรอบตัวของเขามีปราณดาบ 11 เล่มหมุนเวียนอยู่รอบๆ

“เช่อเชียไม่เจอกันนาน หวังว่าการมาของข้าคงไม่ได้สร้างปัญหานะ”

เห็นได้ชัดเลยว่าหวู่เฟิงกับเช่อเชียนั้นรู้จักกันมานาน และพวกเขาเองก็ถูกรับเชิญไปยังจักรวรรดิระดับสูงหลายครั้ง

ในฐานะผู้ปกครองของจักรวรรดิแมงป่องเทพ จ้าวภัยพิบัติเช่อเชียนั้นมีสถานะใกล้เคียงกับตำหนักราชาดาบ และยังมีผลประโยชน์ร่วมกันหลายครั้ง

การเดินทางมาครั้งนี้ของหวู่เฟิงนั้น เพื่อจะมาพูดคุยเรื่องของซู่เสี่ยวไป่

“โอ้นั้นคือท่าทีของผู้กลับมาเกิดใหม่งั้นหรอ ไม่คิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะเติบโตได้รวดเร็วแบบนี้ ฉันไม่คิดว่าท่าทางและนิสัยแบบนี้ของเขาจะทำให้เขามีอายุยืนยาว เขาสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับผู้คนมากมาย และหาเรื่องจักรวรรดิระดับสูงอีก เหตุใดยังรอดมาถึงตอนนี้ได้?”

เช่อเชียนั้นดูไม่สนใจตัวตนนี้เท่าไร อาจเป็นเพราะจักรวรรดิแมงป่องเทพนั้นแข็งแกร่งพอ จนที่เขาไม่ต้องสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับจักรวรรดิไท่เจียง

อย่างไรก็ตามหวู่เฟิงนั้นกลับส่ายหัว

“ไม่เลย ความก้าวร้าวของเด็กน้อยคนนี้ยังมีมากกว่านั้นอีก”

ซู่เสี่ยวไปทั้งยึดจักรวรรดิผิงเจียง ควบคุมทั้งจักรวรรดิไท่เจียง และทั้งหมดนี้ทำได้ในเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ผลงานที่ซู่เสี่ยวไป่สร้างขึ้นในจักรวรรดิไท่เจียงนั้นน่าทึ่งมาก ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งหมดนี้เกิดได้จากเขาตัวคนเดียว

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ซู่เสี่ยวไป่ดูอันตรายไม่ใช่เพราะผลงานการสู้รบ แต่เป็นความเร็วในการฝึกฝนบ่มเพาะ ซึ่งทำให้ศัตรูทุกคนไม่สบายใจอย่างมาก

“จะบอกว่าผู้กลับชาติมาเกิดคนนี้มีเคล็บลับวิเศษ ที่เป็นภัยกับจ้าวภัยพิบัติทุกคน?”

หลังจากหวู่เฟิงเล่าทุกอย่าง แม้แต่เช่อเชียเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดที่มองพลังของซู่เสี่ยวไป่ต่ำเกินไป

หวู่เฟิงนั้นได้พูดเป่าหูเช่อเชียอีกครั้ง

“หากปล่อยไว้แบบนี้ เขาจะสามารถยึดทั้งจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นของตัวเองได้ และไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเขาจะหยุดแค่นั้น และไม่เล่นงานจักรวรรดิระดับสูง หรือวันพรุ่งนี้เขาอาจจะมายืนที่หน้าประตูบ้านของท่าน แล้วเอาทุกอย่างของท่านไป เพราะงั้นพวกเราต้องตัดไฟเสียต้นลมซะ!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด