ตอนที่แล้วบทที่ 161 – มู่จือจากไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 163 - เข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น

บทที่ 162 – การคัดเลือกเจ้าบ่าวนักเวทย์


หม่าเคออุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “แต่พี่เพิ่งบอกมู่จือ...”

ผมหันไปมองหน้าเขา “นั่นแค่ทำให้เธอไม่ต้องเป็นกังวลแค่นั้นแหละ เรื่องแค่นี้นายก็ไม่เข้าใจเหรอ?”

หม่าเคอกับซือหวา พากันพูดไม่ออก หันมามองผมเป็นตาเดียว ผมเลยถามพวกเขา “ทำไมพวกนายมองฉันอย่างนั้นล่ะ? เพิ่งรู้เหรอว่าฉันหน้าตาดีน่ะ?”

หมาเค่อไม่สนใจที่ผมเพิ่งล้อเล่นกับเขาเลย เขากล่าวออกมาอย่างแน่วแน่ “พี่ใหญ่ เดี๋ยวผมจะไปหุบเขามังกรเป็นเพื่อนพี่ก็แล้วกัน”

แววตาที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของเขาทำให้ผมดีใจ แต่ผมไม่ให้เขาไปด้วยแน่ ผมเปลี่ยนจากท่าทางขี้เล่นเป็นจริงจัง ก่อนจะเอ่ยออกไปตรง ๆ “นายคิดว่าฉันไปเที่ยวเล่นหรือยังไง? ในโลกนี้สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือมังกร ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมานั่นมันหมายความว่าพวกเราอาจจะไม่ได้กลับออกมาอีก ทำไมฉันต้องเอานายไปเสี่ยงกับฉันด้วยล่ะ?”

แต่หม่าเคอตัดสินใจอย่างหนักแน่น “ที่ผมจะไปกับพี่ ก็เพราะมันอันตรายนี่แหละ! พวกเราเป็นพี่น้องกัน จะปล่อยให้อีกคนไปเจอกับอันตรายตามลำพังได้ยังไง?”

ผมส่ายหัว ก่อนจะยิ้มให้เขา “เจ้าน้องชาย! ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย เข้าใจว่านายเป็นห่วง แต่ไม่ต้องพยายามโน้มน้าวฉันเลย ฉันตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้วว่าการเดินทางครั้งนี้ฉันจะไปคนเดียว ก่อนหน้านี้ในการแข่งขัน นายก็เกือบจะตายมาทีหนึ่งแล้ว ฉันยังรู้สึกผิดต่อนายอยู่เลย ฉันไม่ปล่อยให้นายไปเสี่ยงอีกแน่ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้นายมีไห่เย่วอยู่ทั้งคนนะ มันคงไม่ใช่ว่านายอยากให้เธอต้องเป็นห่วงนายหรอกนะ ใช่มั้ย?”

ตอนที่ผมอ้างถึงไห่เย่ว หม่าเคอก็เริ่มที่จะลังเลใจ “พี่ใหญ่ ผม...”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” ผมขัดจังหวะการพูดของเขาอย่างรวดเร็ว “ฉันเข้าใจนาย แล้วฉันจะไม่ทำเหมือนนายเป็นคนที่เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนด้วย แต่ฉันจะไปคนเดียว การตัดสินใจของฉันถือเป็นอันเด็ดขาด!”

ในแววตาของหม่าเคอมีอาการขอบคุณปรากฏอยู่ แล้วซือหวาที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้น “ช่วงนี้ฉันไม่ต้องกลับบ้าน หรือมีธุระอะไร ให้ฉันไปกับนายเองก็แล้วกัน นายคงจะไม่ปฏิเสธฉันด้วยใช่มั้ย?”

ผมหัวเราะเสียงขมขื่น “พี่ใหญ่ซือหวา ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้จักกันมาไม่นานนัก แต่ผมก็คิดว่าตัวเองรู้จักพี่ดีในระดับหนึ่ง พี่เองก็เช่นกัน พี่น่าจะรู้จักนิสัยของคนอย่างผมดีเหมือนกัน พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้วครับ เจตนาดีของพี่ผมรับเอาไว้ด้วยใจ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมเอง ผมขอจัดการมันเองครับ!”

ซือหวาได้แต่ส่ายหัวแล้ว “จางกง ฉันรู้ดีว่านายเป็นคนมากน้ำใจ นายเป็นคนห่วงคนอื่น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันก็ต้องไปกับนายด้วย โอกาสที่เราสองคนจะมีชีวิตรอดกลับมาทั้งคู่ มันมีสูงมากอยู่แล้วถ้าเราทั้งคู่อยู่ด้วยกัน”

ผมรู้ว่าผมคงจะปฏิเสธเขาไม่ได้ ดังนั้นผมไม่ได้โน้มน้าวอะไรเขาอีก แต่คืนนั้นผมเก็บข้าวของที่จำเป็น ก่อนจะออกไปที่โรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง เพื่อบอกอาจารย์ตี้ว่าผมจะออกเดินทางไปคืนนี้เลย  หลังจากนั้นผมก็ออกเดินทางเพื่อมุ่งไปหุบเขามังกรเพียงลำพัง สิ่งที่ผมไม่รู้ก็คือ การออกแอบเดินทางของผม ไม่เพียงแต่จะหนีจากซือหวาได้สำเร็จเท่านั้น ผมยังหลบรอดจากไหสุ่ยที่คิดจะเดินทางไปกับผมอีกคนได้ด้วย

เขตปกครองเทียนคงอยู่ห่างจากจุดที่ผมอยู่ไกลออกไปประมาณ 800 กิโลเมตร หลังจากศึกษาเส้นทางจากแผนที่อย่างละเอียดแล้ว ผมเลือกเส้นทางที่ดูว่าจะเดินทางได้ง่ายที่สุด ผมนั้นมีเวลาเหลือเฟืออยู่แล้ว ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มหยุดระหว่างภาคการศึกษาเอง คนที่อยู่ที่สถาบันน่าจะรู้ว่าผมนั้นออกเดินทางมาแล้วในไม่ช้านี้ ส่วนผมนั้นเดินทางอย่างไม่รีบร้อนมากนัก เวลาผ่านไปสองวัน ผมเดินทางมาได้เพียงแค่ 100 กิโลเมตรเท่านั้น

ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ท้องของผมเริ่มส่งเสียงประท้วง แต่มันเริ่มโกรธได้ถูกที่ถูกเวลาพอดี ข้างหน้าของผมไม่ไกลเท่าไหร่นัก มันมีเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่พอดี ผมตัดสินใจที่จะแวะเข้าไปหาอาหารดี ๆ กินเสียหน่อย มันคงจะไม่ดีถ้าปล่อยให้ท้องของผมมันประท้วงไปนาน ๆ

หลังจากที่เข้าไปในเมืองเล็กนั่น ผมพบว่ามันควรจะเรียกว่าหมู่บ้านขนาดใหญ่มากกว่าที่จะเป็นเมือง เพราะนอกจากการมีกำแพงเมืองแล้ว ขนาดของมันยังไม่ได้ใหญ่เท่ากับโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์กลางเสียด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้ว่าเมืองจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ก็ดูจะมีความคึกคักเป็นอย่างมาก พ่อค้าเร่จำนวนมากกำลังทำสงครามการค้ากันอยู่อย่างเต็มกำลังทีเดียว

ผมสุ่มถามคนที่เดินผ่านไปมา แล้วพบว่าที่นี่จริง ๆ แล้วเป็นหมู่บ้านนั่นแหละ แต่เพราะว่ามันตั้งอยู่ริมทางหลวงทำให้มีผู้คนผ่านทางมามากมาย ทำให้หมู่บ้านขยายตัวและมีความคึกคักเป็นอย่างมาก หลังจากผ่านมาหลายปี สุดท้ายก็พัฒนามาเป็นอย่างที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ หรือจะให้กล่าวอีกอย่าง ที่นี่ก็คือที่พักของนักเดินทางนั่นเอง

ผมหาเจอร้านอาหารที่สะอาดสะอ้านในเวลาไม่นานนัก หลังจากจัดการกับมืออาหารและจองห้องพักเอาไว้ ทัศนียภาพในเมืองนี้ค่อนข้างดี มันช่วยทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นได้มาก ผมตั้งใจจะพักอยู่ที่เมืองนี้สักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อไป

ผมเดินตระเวนไปตามถนนสายหลักของเมืองนี้ ชื่นชมกับบรรยากาศของเมือง และดูสินค้าต่าง ๆ ที่วางขายอยู่ แล้วเลือกซื้อของฝากที่มีเฉพาะที่เมืองนี้แล้วโยนพวกมันเข้าไปเก็บไว้ในกระเป๋ามิติ  วางแผนที่จะแจกจ่ายมันให้กับเพื่อน ๆ หลังจากที่กลับไปที่สถาบันแล้ว

ตอนที่ผมกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น ข้างหน้าผมมีคนจำนวนมากกำลังส่งเสียงอึกทึกครึกโครมอยู่ ฝูงชนที่ชุมนุมกันอยู่มีจำนวนมากจริง ๆ ผมสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมเลยดึงผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ทำท่าจะแหวกทางเข้าไปข้างในไว้ ก่อนจะเอ่ยปากถามเขา “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้มีผู้คนมารวมกันมากมายขนาดนี้?”

ผู้ชายคนนั้นปัดมือของผมออกอย่างรีบร้อน “หยุดดึงข้าได้แล้ว! ข้าต้องรีบเข้าไปข้างเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ทันแล้ว” หลังจากที่กล่าวจบ เขาก็แทรกตัวหายเข้าไปในฝูงชนด้านหน้าทันที

ผมได้แต่ยืนอึ้ง เขาจะรีบร้อนอะไรขนาดนั้น ข้างในมีอะไรกันแน่?

พ่อค้าเร่ที่ยืนมองอยู่ด้านข้างส่งเสียงหัวเราะออกมา “ด้วยสภาพอย่างเขาเนี่ยนะ! ฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งนิสัยและพฤติกรรมอย่างนี้ คิดจะเป็นลูกเขยของผู้คุมเมือง คิดว่าเป็นเรื่องตลกหรือยังไง?”

ผมหันไปถามเขาทันที “เรื่องเป็นลูกเขยของผู้คุมเมืองอะไรกัน? พี่ใหญ่ ท่านช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจหน่อย ข้างในนั้นมีอะไรกัน?”

เขายังหัวเราะไม่หยุด “น้องชาย เจ้าต้องเป็นคนจากที่อื่นแน่ ๆ”

ผมพยักหน้า “ใช่แล้ว ผมเพิ่งมาถึงวันนี้นี่เอง”

เขาเริ่มอธิบายเรื่องราว “ถึงแม้ที่นี่จะมองเหมือนว่าเป็นเมือง แต่มันก็ยังเป็นแค่หมู่บ้านที่คึกคักมากเท่านั้น ผู้คุมเมืองอันที่จริงแล้วก็คือหัวหน้าหมู่บ้านคนเก่านั่นแหละ ไม่สิ อาจจะต้องเรียกว่าหัวหน้าเมือง เอาเถอะ! อย่าไปสนใจเลย แต่ตอนนี้เขากำลังช่วยให้ลูกสาวของเขาได้ออกเรือนกับผู้ชายที่ดี เลยจัดการประลองเวทย์มนต์นี้ขึ้นมา ผู้ชนะจะได้แต่งงานกับเธอเป็นรางวัล มันเลยดึงดูดผู้คนมาที่นี่เยอะขนาดนี้ไง ทั้งมาดูและทั้งมาร่วมแข่งขัน”

การประลองเวทย์มนต์เพื่อหาเจ้าบ่าวเหรอ? นี่มันออกจะแปลกไปสักหน่อยสำหรับข้า ลูกสาวของหัวหน้าเมืองนี้หน้าตาดูไม่ได้หรือยังไง? ทำไมต้องจัดการประลองเพื่อหาเจ้าบ่าวด้วย?” ผมหัวเราะออกมาขณะที่ถาม

พ่อค้าเร่ผู้นั้นก็หัวเราะผสมโรงอยู่กับผม “มันจะแปลกอะไรนักหนา? การประลองครั้งนี้มีขึ้นมา 6 วันแล้วนะ ยังไม่ได้ผู้ชนะเสียที ถ้าพูดถึงลูกสาวของหัวหน้าเมืองคนนี้แล้ว เธอก็สวยอยู่นะ แต่อารมณ์ร้ายไปหน่อยเท่านั้น ในอาณาจักรอ้าวเซี่ยของเรานั้นเชิดชูนักเวทย์ ผู้คุมเมืองตั้งใจอย่างชัดเจนว่าจะใช้ลูกเขยของเขาช่วยยกฐานะของตัวเองขึ้นไปอีก เขาเลยวางแผนจัดการประลองนี้ขึ้นมาเพื่อหานักเวทย์ที่มีความสามารถมาเป็นลูกเขยของเขานั่นแหละ”

อ้อ! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ท่าทางจะสนุกน่าดู ผมเลยถามต่อ “แล้วมันมีกฎอะไรบ้างมั้ย?”

“แน่นอน มันต้องมีกฎอยู่แล้ว” พ่อค้าเร่ตอบ “เจ้าไปดูที่ประกาศสีแดงนั่นสิ มันมีกฎเขียนเอาไว้บนนั้น”

หลังจากกล่าวขอบคุณเขาแล้ว ผมเดินเข้าไปที่ป้ายประกาศนั้นทันที ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า

เงื่อนไขการเข้าร่วมการประลอง

1.อายุไม่เกิน 25 ปีและจบการศึกษาแล้ว

2.ต้องไม่มีร่างกายส่วนใดพิการ

3.ห้ามทำการสังหารผู้ใดระหว่างการประลอง

4.การประลองนี้ต้อนรับเฉพาะนักเวทย์เท่านั้น ผู้ที่เป็นนักรบกรุณาได้โปรดอย่าเข้าร่วมการประลอง

5.ผู้เขาร่วมการประลองขอเพียงเอาชนะลูกสาวของข้าได้ หรือไม่ก็เอาชนะผู้เข้าร่วมการประลองคนอื่นหมดทุกคน จะได้เป็นลูกเขยของข้า

มันก็มีแต่กฎพื้นฐานทั่วไปนี่นา มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ทำไมตั้ง 6 วันแล้วยังไม่ได้ผลการประลองออกมาอีกล่ะเนี่ย? ด้วยความสงสัยนี้ทำให้ผมต้องแหวกฝูงชนเข้าไปมองหาเหตุผลเลยทีเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด