ตอนที่ 245 ศิษย์ลับ
ตอนที่ 245 ศิษย์ลับ
สำนักเงาสังหารมีวิธีการส่งสัญญาณผ่านฝูงชนโดยไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นได้ ซึ่งวิธีการนี้มันก็คล้าย ๆ กับการสื่อสารผ่านลมปราณของนิยายกำลังภายใน เพียงแต่ในความเป็นจริงมันเป็นการสื่อสารที่มีกระบวนการอันซับซ้อน
“ศิษย์พี่ถึงแม้ว่าเราจะฆ่าพวกตงเทียนแต่คนจากสำนักอื่นก็คงจะมาหาเราในไม่ช้า การฆ่าพวกเขาปิดปากยังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริง” เงากระเรียนกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ในความเป็นจริงเขาไม่ได้คิดว่าเงาสูญจะเรียกเขาออกมาเพื่อสั่งให้เขาฆ่าคนปิดปาก แต่ถ้าหากว่าสถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมเขาจะทำการฆ่าคนพวกนั้นด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาจะส่งมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้เงาสูญเป็นผู้สืบทอดต่อไป
เงาสูญเงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับว่าดวงตาของเขายังใช้งานได้ปกติ ท้องฟ้ายังคงปลอดโปร่งไม่มีเมฆและมีอุณหภูมิค่อนข้างเย็นสบาย ภายในป่าเต็มไปด้วยนกและแมลงที่กำลังส่งเสียงทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
“ข้าอยู่ที่ภูเขานิรนามมาตลอดชีวิต ข้าจำต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ในภูเขาลูกนี้ได้ ถึงแม้ว่าข้าจะตายข้าก็หวังว่าขี้เถ้าจากศพของข้าจะถูกปล่อยให้ล่องลอยบนภูเขา ทั้งชีวิตข้าต้องการแค่อาศัยอยู่ในภูเขาลูกนี้จริง ๆ นอกจากเรื่องนี้ข้าก็ไม่ได้สนใจในเรื่องอะไรอีกเลย” เงาสูญพูดขึ้นมาเบา ๆ
ความเป็นจริงศิษย์ทุกคนภายในสำนักต่างก็มีความคิดที่คล้ายคลึงกัน เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นเด็กกำพร้าทำให้ภูเขาลูกนี้ไม่ต่างไปจากบ้านของพวกเขาเอง
“ศิษย์พี่มันยังมีวิธีการอื่นที่พอจะหยุดเรื่องทุกอย่างเอาไว้ได้นะครับ” เงากระเรียนกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“ข้ารู้ เจ้าต้องการให้ข้าสู้กับตงเทียนใช่ไหม?” เงาสูญก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจ
“ด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ ถึงแม้ว่าตงเทียนจะแข็งแกร่งกว่านี้สัก 10 เท่า แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะศิษย์พี่ได้ หากศิษย์พี่เต็มใจที่จะต่อสู้อย่างเลวร้ายที่สุดการประลองในครั้งนี้ก็จะจบลงที่การเสมอกัน” เงากระเรียนกล่าวพร้อมกับมองไปยังเงาสูญด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ข้าเคยขัดคำสั่งของอาจารย์มาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าข้าทำตามที่เจ้าพูดอีกมันก็จะเป็นการขัดคำสั่งเป็นครั้งที่ 2 สถานการณ์ในตอนนี้ได้บีบบังคับพวกเรามาจนถึงทางตันแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้ดีว่าเราควรจะจัดการกับปัญหาในวันนี้ด้วยวิธีอะไร” เงาสูญกล่าว
ความหมายของเงาสูญคือการสังหารพวกตงเทียนซะ เพราะด้วยกำลังของกองกำลังนักฆ่าเดนตายการจัดการกับพวกเขาก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่เงากระเรียนรู้สึกกังวลคือพวกตงเทียนอาจจะไม่ใช่คนกลุ่มสุดท้ายที่เดินทางเข้ามาเพื่อท้าทายสำนักเงาสังหาร
“ศิษย์พี่ผมยังหวังให้คุณพิจารณาคำพูดของผมอีกครั้ง ตอนนี้สำนักกำลังต้องการกำลังจากศิษย์พี่จริง ๆ” เงากระเรียนพยายามเกลี้ยกล่อมศิษย์พี่ของตัวเอง
“เฮ้อ ตอนแรกข้าก็ไม่อยากจะพูดแต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่สามารถปล่อยวางกฎดั้งเดิมของสำนักเราได้ เอาล่ะเจ้าจงตั้งใจเอาไว้ให้ดีข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกเจ้าเอาไว้” เงาสูญกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่
เงากระเรียนชะงักไปเล็กน้อยแต่เขาก็กลับมาทำท่าตั้งใจฟังเป็นอย่างดี
“ข้าคงจะมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน” เงาสูญกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
ทันใดนั้นใบหน้าของเงากระเรียนก็ซีดเซียวลงในทันที ท้ายที่สุดนักสู้ระดับสูงจะสามารถทำนายช่วงเวลาตายของตัวเองได้ ซึ่งเงาสูญย่อมมีความสามารถในระดับนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เงากระเรียนพยายามคิดย้อนกลับไปว่าทำไมเงาสูญถึงพยายามให้เขาทำการปฏิรูปสำนักอย่างจริงจัง ที่แท้ชายชราคนนี้รู้ตัวดีว่าเขากำลังจะตาย เขาจึงใช้ความพยายามในช่วงเวลาสุดท้ายทำให้สำนักสามารถก้าวเดินต่อไปได้
อาจจะเพราะเหตุนี้เองเงาสูญจึงปฏิเสธตำแหน่งเจ้าสำนักอยู่เสมอ และหวังให้เงากระเรียนมีความเด็ดขาดมากกว่านี้ เพราะท้ายที่สุดเงากระเรียนก็ไม่สามารถพึ่งพาต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนี้ได้เป็นเวลานาน เงาสูญเลยพยายามให้เงากระเรียนขยายกิ่งก้านอาณาเขตของตัวเอง
“อีกนานแค่ไหนครับ?” เงากระเรียนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง
หัวใจของเขากำลังรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันแทงค้างอยู่ที่หัวใจ
เงาสูญคือที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเสมอและไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาพบกับความยากลำบาก เขาก็จะพยายามปลอบตัวเองว่าเขายังมีศิษย์พี่คนนี้อยู่ และไม่ว่ามันจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นศิษย์พี่คนนี้ก็สามารถเป็นเจ้าสำนักต่อจากเขาได้
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถคิดแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเงาสูญบอกว่าตัวเองกำลังจะตาย แม้แต่ตัวของเขาเองก็ใกล้จะสิ้นอายุขัยเช่นเดียวกัน แต่เขายังไม่สามารถไว้ใจให้ 1 ใน 3 ผู้อาวุโสขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักต่อจากเขาไปได้เลย
หรือว่าสำนักเงาสังหารจะต้องล่มสลายในยุคสมัยของเขาจริง ๆ แม้แต่ศิษย์พี่คนสุดท้ายของเขาก็กำลังจะจากไป ทำไมพระเจ้าถึงไม่มอบความยุติธรรมให้กับเขาเลย!!
ในขณะที่เงากระเรียนกำลังรู้สึกสับสน เงาสูญก็ได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันสงบว่า
“อีกไม่นานแล้ว อาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือสัปดาห์หน้าก็ได้”
“ศิษย์พี่อย่าลืมทักทายคนอื่น ๆ แทนผมด้วยนะครับ” เงากระเรียนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง ถึงแม้ว่าข้าจะอยู่แต่บนเขาตลอดเวลา แต่ข้าก็สามารถบอกได้ว่าเจ้าทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีแล้ว” เงาสูญกล่าว
คำพูดนี้ทำให้เงากระเรียนพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาอย่างลังเลว่า
“ศิษย์พี่ผมเข้าใจดีว่าคุณกำลังหมายถึงอะไร จากนี้ไปสำนักเงาสังหารคงทำได้เพียงแต่พึ่งพากำลังของตัวเอง ไม่ต้องห่วงผมจะสั่งการให้เงารัตติกาลเตรียมการทุกอย่างไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่สถานการณ์ไม่สู้ดีจะไม่มีใครสามารถออกไปจากดาวดวงนี้ได้อย่างเด็ดขาด!”
หลังจากพูดจบเงากระเรียนก็หันหลังและเตรียมจะเดินจากไปทั้งน้ำตา แต่เงาสูญไม่สามารถทนปล่อยศิษย์น้องของเขาไปได้ชายชราจึงถอนหายใจและกล่าวออกมาว่า
“เดี๋ยวก่อน… พวกเรามาพยายามเพื่อสำนักเป็นครั้งสุดท้ายกันเถอะ เงากระเรียนเจ้าช่วยมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้ข้าสัก 3 นาทีจะได้ไหม?”
เงากระเรียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเมื่อคิดว่าเงาสูญกำลังจะเคลื่อนไหวเพื่อสำนัก ท้ายที่สุดศิษย์พี่ของเขาก็มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นเจ้าสำนัก เพียงแต่เงาสูญได้ลงโทษตัวเองตำแหน่งเจ้าสำนักจึงได้มาตกอยู่ในมือของเขา
“ได้เลยครับศิษย์พี่ จากนี้ไปคุณคือเจ้าสำนักเงาสังหาร ผมจะรีบไปประกาศให้ทุกคนทราบเดี๋ยวนี้!” เงากระเรียนกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้อง ข้าขอเวลาแค่ 3 นาทีก็พอ” เงาสูญกล่าวพร้อมกับโบกมือ
เหตุการณ์นี้ทำให้เงากระเรียนไม่เข้าใจว่าศิษย์พี่ของเขากำลังจะทำอะไร แต่จู่ ๆ เงาสูญก็ได้เริ่มออกคำสั่งขึ้นมา
“ช่วยตามหาเซี่ยเฟยให้ข้าหน่อย”
—
เซี่ยเฟยเดินตามศิษย์ของสำนักเงาสังหารเข้าไปในป่าด้วยความงุนงง ก่อนที่เขาจะได้พบกับเงากระเรียนและชายชราตาบอดที่กำลังมองมาที่เขาด้วยท่าทางแปลก ๆ
เมื่อศิษย์คนนั้นทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วเขาก็โค้งคำนับแสดงความเคารพให้กับเงากระเรียน ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
“คนนี้ใคร?” เซี่ยเฟยแอบถามอันธ
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เงาสูญปลีกวิเวกอาศัยอยู่อย่างสันโดษมาเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องปกติที่อันธจะไม่รู้จักกับชายชราคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเงาสูญยังได้สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาไม่ใช่ชุดเครื่องแบบของสำนักเงาสังหาร
เซี่ยเฟยโค้งคำนับทักทายชายชราทั้งสองคนอย่างสุภาพ แต่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังเงาสูญตลอดเวลา เพราะเขากำลังรู้สึกว่าชายชราตาบอดคนนี้แข็งแกร่งกว่าเงากระเรียนซึ่งเป็นเจ้าสำนักเสียอีก
“นี่คือศิษย์พี่ของฉันเองและเขาก็เป็นผู้ที่มีความอาวุโสมากที่สุดภายในสำนักเงาสังหาร” เงากระเรียนกล่าวแนะนำ
เซี่ยเฟยแสดงความเคารพอีกครั้ง แต่ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ศิษย์พี่ของเจ้าสำนัก? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินนายพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย” เซี่ยเฟยถาม
ขณะเดียวกันอันธก็มีท่าทางตกใจกว่าเซี่ยเฟยเสียอีก และถ้าหากว่าคนที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ใช่เงากระเรียนเขาก็คงจะไม่เชื่อว่ามันมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยซ้ำ
“เซี่ยเฟยเจ้าต้องการเป็นศิษย์ลับของข้าหรือไม่?” เงาสูญกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับการทักทาย
‘ห๊ะ! เขาเป็นคนแบบไหนเนี่ยถึงอยากรับฉันเป็นศิษย์ทันทีที่เราได้พบหน้ากัน’ เซี่ยเฟยคิดในใจด้วยความตกตะลึง
คำถามของเงาสูญทำให้เงากระเรียนชะงักค้างไปด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเขาไม่ได้คิดมาก่อนว่าศิษย์พี่ของเขาต้องการจะนำตัวของเซี่ยเฟยเข้ามาในสำนัก และเมื่อไหร่ก็ตามที่ชายหนุ่มตกลงตอบรับเขาก็จะมีคุณสมบัติออกไปต่อสู้เป็นตัวแทนของสำนักเพื่อจัดการกับฟางหยวน
พวกเขาต่างก็ได้เห็นพลังที่เซี่ยเฟยแสดงออกมาแล้ว และพวกเขาก็สามารถบอกได้เลยว่าในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี มันก็ไม่มีใครที่มีความโดดเด่นเท่ากับเซี่ยเฟยเลย
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือนอกจากเซี่ยเฟยจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งแล้ว เขายังมีความสามารถในการตัดสินใจที่ไม่ธรรมดา และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันแล้วการพยายามเอาชนะฟางหยวนก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเงาสูญยังตั้งใจรับเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่ศิษย์ลับ ซึ่งมันก็หมายความว่าชื่อของเขาจะไม่ถูกบันทึกลงในประวัติของสำนัก และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะหายไปพร้อมกับชีวิตของเงาสูญ
เงากระเรียนรู้ดีว่าเงาสูญมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าเงาสูญจะรับเซี่ยเฟยเข้ามาเป็นศิษย์ แต่ชายหนุ่มก็จะมีภาระผูกพันธ์กับสำนักเพียงแค่ไม่นาน มันจึงไม่มีผลเสียอะไรสำหรับสำนักเงาสังหารเลย
ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เป็นคนรักอิสระ ดังนั้นสถานที่ที่มีกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดอย่างสำนักเงาสังหารจึงไม่เหมาะกับชายคนนี้ การที่เซี่ยเฟยไม่มีภาระผูกพันธ์อะไรกับสำนักก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
คำพูดง่าย ๆ ของเงาสูญกลับมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันก็ทำให้เงากระเรียนรู้สึกชื่นชมศิษย์พี่ของเขามากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยก็พอจะคาดเดาความหมายของประโยคนี้ได้ด้วยเช่นเดียวกันว่าเงาสูญต้องการจะใช้ตัวตนของเขาเป็นตัวแทนออกไปต่อสู้กับสำนักเหมันต์สวรรค์
ในความเป็นจริงชายหนุ่มก็สนใจที่จะต่อสู้กับฟางหยวนมาก เพราะท้ายที่สุดคู่ต่อสู้ที่มีพลังพิเศษโดดเด่นแบบนี้ก็ไม่สามารถที่จะหาเจอได้ง่าย ๆ แต่เขาก็ไม่เต็มใจจะถูกหลอกใช้โดยผู้อื่นโดยเฉพาะการใช้งานที่เขาจะไม่ได้รับผลตอบแทนกลับมาแบบนี้
เมื่อเซี่ยเฟยเงยหน้าขึ้นไปมองทางเงาสูญ เขาก็ได้พบกับรอยยิ้มแปลก ๆ ที่มุมปากของชายชรา
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าชายชราตาบอดคนนี้เป็นคนที่เจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก เพราะเขารู้ทั้งความต้องการของตัวเองและความต้องการของเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี และคนฉลาดแบบชายชราคนนี้ก็เป็นคนประเภทที่เซี่ยเฟยชอบจะพูดคุยด้วย
ท้ายที่สุดการคุยกับคนฉลาดก็ช่วยประหยัดเวลาและไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไร เพราะทุกคนรู้ดีว่าตราบใดที่ฝ่ายของตัวเองเสียผลประโยชน์พวกเขาก็จะถอนตัวกลับมา
“ผมยินดีที่จะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเงาสูญครับ แต่ผมก็มีเงื่อนไขบางอย่างหวังว่าผู้อาวุโสจะยอมรับเงื่อนไขของผมได้” เซี่ยเฟยกล่าว
***************