ตอนที่ 244 ความพ่ายแพ้
ตอนที่ 244 ความพ่ายแพ้
การต่อสู้เกิดขึ้นท่ามกลางความมืดทำให้ไม่มีใครมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในโดมความมืดที่เงานิลกาฬได้เรียกออกมาเลย สิ่งเดียวที่พวกเขารู้คือมันมีเสียงต่อสู้ดังขึ้นมา
ผู้ชมทุกคนพยายามยืดคอมองไปยังใจกลางสนาม บางคนถึงขั้นลุกขึ้นยืนด้วยความกระวนกระวาย
“จะยืนทำไม ถึงยังไงก็มองอะไรไม่เห็นอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยแอบบ่นขึ้นมาเล็กน้อย
แน่นอนว่าศิษย์ของสำนักเงาสังหารย่อมไม่สนใจคำพูดของเซี่ยเฟย เพราะพวกเขากำลังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์บนสนามประลอง พวกเขาจึงพยายามมองเข้าไปในทุกมุมที่ตัวเองทำได้
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงประสบการณ์บนดาวโลกเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยซ่อนตัวอยู่นอกหน้าต่างของบ้านคนอื่นเพื่อแอบดูทีวี
เซี่ยเฟยจำไม่ได้แล้วว่ารายการนั้นคือรายการอะไร เขาจำได้เพียงแต่มันเป็นรายการที่มีชายร่างผอม 2 คนกำลังต่อสู้กันด้านหน้าพระราชวังต้องห้าม
แต่ในขณะที่เนื้อเรื่องกำลังดำเนินไปจนถึงจุดสำคัญ จู่ ๆ ภาพของทีวีเครื่องนั้นก็ดับลงอย่างกะทันหันเหลือแต่เสียงของคนสองคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ฉากในวันนี้คล้ายกับเหตุการณ์ที่เขาเจอในอดีตมาก เพราะฟางหยวนกำลังต่อสู้กับเงานิลกาฬท่ามกลางความมืด ทำให้ผู้ชมที่อยู่ด้านนอกฟังได้เพียงแต่เสียงการต่อสู้ของพวกเขาเท่านั้น และมันก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาผลลัพธ์ของการต่อสู้ในคู่นี้ได้เลย
เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พร้อมกับพ่นควันออกมาอย่างช้า ๆ โดยดวงตาได้จ้องมองไปที่ความมืดเป็นครั้งคราว ขณะที่พยูนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังกำหมัดแน่นจนทำให้แม้แต่เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดมาแต่ไกล ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเด็กหนุ่มคนนี้กำลังลุ้นผลลัพธ์ของการประลองมากแค่ไหน
นอกจากนี้แม้แต่อันธก็กำลังยืนฟังเสียงต่อสู้อย่างกระวนกระวาย นี่ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถอยู่ห่างจากสร้อยหินมัวร์ได้ไกลเกินไป เขาก็คงจะแอบบินเข้าไปดูการต่อสู้ภายในโดมความมืดแล้ว
ทันใดนั้นเองสายฟ้าสีน้ำเงินก็สว่างวาบขึ้นท่ามกลางความมืด
สายฟ้าที่ปรากฏออกมาเหมือนกับมังกรสีน้ำเงินเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังบุกทะลวงโดมความมืดอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดประกายไฟเป็นจำนวนมากพุ่งออกไปทั่วทิศทาง
โดมความมืดที่เงานิลกาฬเรียกออกมามีความสูงไม่ต่ำกว่า 20 เมตร และมีความยาวแผ่ออกไปมากกว่า 100 เมตร แต่โดมที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้กลับถูกเจาะทะลุด้วยการโจมตีจากสายฟ้า
ยิ่งไปกว่านั้นกระแสไฟฟ้าที่ถูกเรียกออกมายังไม่ได้มีเพียงแค่เส้นเดียว แต่มันเป็นกระแสไฟฟ้านับสิบ ๆ เส้นที่กำลังจู่โจมออกไปในทุกทิศทางจนทำให้ยากต่อการหลบเลี่ยง
แม้แต่ผู้ชมที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็ยังได้รับผลกระทบ โชคดีที่สนามประลองแห่งนี้ได้ติดตั้งโล่พลังงานเอาไว้ แต่ถึงยังไงโล่พลังงานก็กำลังสั่นสะเทือนด้วยความรุนแรงอยู่ดี
ตูม! ตูม!
เสียงอีกชุดหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหันและทำให้พวกศิษย์ในสำนักเงาสังหารสะดุ้งขึ้นมาเป็นแถบ ๆ
“สายฟ้า! เซี่ยเฟยเดาลักษณะพลังของเขาถูกจริง ๆ” อันธตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสายฟ้าที่ทะลุออกมาจากโดมความมืดเลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็ได้คาดเดาลักษณะพลังของฟางหยวนเอาไว้แล้ว และความมืดของเงานิลกาฬก็ไม่สามารถเอาชนะชายอ้วนคนนี้ได้
หากพิจารณาจากความแรงของกระแสไฟฟ้าที่ฟางหยวนได้ปล่อยออกมาในตอนนี้ มันก็มีแนวโน้มว่าชายอ้วนได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากพอสมควร เขาจึงไม่สามารถเก็บงำความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไปได้
ด้วยกระแสไฟฟ้าอันรุนแรงที่ฟางหยวนได้ทำการปลดปล่อยออกมา เซี่ยเฟยก็สามารถตัดสินได้เลยว่าการต่อสู้ในครั้งนี้คงจะจบลงในอีกไม่นาน
ขณะเดียวกันเงากระเรียนซึ่งนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ก็กำลังบีบที่พักแขนบนเก้าอี้ของเขาอย่างรุนแรง
กรอบ!
ไม้เนื้อแข็งที่ถูกนำมาสร้างเก้าอี้ถูกบีบจนแตกคามือของเจ้าสำนักร่างเล็ก แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของเขาก็ยังคงความสงบนิ่งเอาไว้
ความหงุดหงิดของเงากระเรียนไม่สามารถรอดพ้นสายตาของตงเทียนไปได้ เขาจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและคิดว่าชัยชนะของการต่อสู้ในครั้งนี้ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว เขาจึงเริ่มคิดว่าเขาจะทำอะไรดีหลังจากที่เขาได้รับดาวดวงนี้มา
ที่แน่ ๆ คือเขาไม่ต้องการเห็นอะไรก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักเงาสังหาร และเขาก็คงจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อรื้อถอนสิ่งก่อสร้างของสำนักเงาสังหารเอาไปทิ้ง
แม้แต่เงากระเรียนก็ไม่สามารถทนต่อความอัปยศของสถานการณ์ในกรณีนี้ได้ มันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงสามผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านล่างห่างไปไม่ไกลเลย โดยเฉพาะเงาประกายเงินที่แทบจะไม่สามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้ เพราะเขาต้องการที่จะตะโกนเพื่อระบายความโกรธของตัวเองออกมา
ในที่สุดเสียงการต่อสู้ท่ามกลางความมืดก็เงียบลงทำให้ผู้ชมทุกคนเงียบเสียงลงไปเช่นเดียวกัน หากในตอนนี้มันได้มีเสียงเข็มตกกระทบลงบนพื้นมันก็คงจะก่อให้เกิดเสียงดังที่มากพอจะทำให้ทุกคนได้ยิน
ไม่กี่วินาทีต่อมาโดมความมืดบนสนามประลองก็สลายไปเผยให้เห็นร่างของนักสู้ทั้งสองคน
ฟางหยวนยังคงยืนกอดอกอยู่บนเวทีโดยไม่มีร่องรอยของอาการบาดเจ็บอยู่บนร่างของเขาเลย สิ่งเดียวบนร่างของชายคนนี้ที่ดูแตกต่างออกไปคือลวดลายสีดำคล้ายกับงูที่พันอยู่รอบลำคอของเขา
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าลวดลายพวกนั้นคือความพยายามของเงานิลกาฬที่พยายามใช้ความมืดกัดกินร่างของฟางหยวน แต่ตอนนี้ความมืดของเธอได้ถูกทำให้สลายหายไปแล้ว ความเสียหายของฟางหยวนจึงค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับคืนมาอย่างช้า ๆ
อีกด้านหนึ่งร่างของเงานิลกาฬก็กำลังนอนอยู่บนพื้นโดยใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมา นอกจากนี้ชุดต่อสู้ของเธอยังขาดออกเป็นชิ้น ๆ เผยให้เห็นผิวด้านในที่ถูกสายฟ้าเผาไหม้จนกลายเป็นสีดำ
ยิ่งไปกว่านั้นผมของเธอยังชี้ฟูและมีกลิ่นไหม้ ในขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบสีดำราวกับว่าเธอได้ผจญกับเปลวไฟ ทำให้สภาพโดยรวมของเธอดูไม่คล้ายกับตอนก่อนการต่อสู้เลย
ผู้ชมบนอัฒจันทร์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่สาวน้อยคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากนั้นอีกไม่นานพวกเขาก็เริ่มส่งเสียงตะโกนสาปแช่งฟางหยวน
ในเวลาเดียวกันแพทย์สนามจากสำนักเงาสังหารก็รีบวิ่งไปรับร่างของเงานิลกาฬที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับไปรักษา
ในที่สุดผลลัพธ์ก็ออกมาว่าสำนักของพวกเขาพ่ายแพ้ติดต่อกันถึงสองครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าการประลองในครั้งต่อไปพวกเขาไม่ได้รับชัยชนะ ในเวลานั้นสำนักเงาสังหารก็อาจจะไม่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับคืนมาได้อีกเลย
จู่ ๆ เงากระเรียนซึ่งนั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ชั้นบนสุดก็ลุกยืนขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินออกจากสนามประลองแห่งนี้ไป
ตงเทียนใช้สายตามองไปยังชายชราร่างเล็กอยู่เล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้ก็คืออาณาเขตของสำนักเงาสังหาร และไม่ว่าเงากระเรียนจะหนีไปที่ไหนแต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถหนีพ้นจากชะตากรรมของตัวเองไปได้อยู่ดี
เงากระเรียนเดินออกมาจากสนามประลองและมุ่งหน้าตรงไปยังผืนป่าที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะได้พบกับเงาสูญที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้จนทำให้เงากระเรียนแอบคิดแวบหนึ่งว่าศิษย์พี่ของเขาดูเหมือนไม่ใช่คนพิการ
“ศิษย์พี่เรียกผมเหรอครับ?” เงากระเรียนกล่าวถามอย่างนอบน้อม
***************