ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 668 ผู้เฒ่าแห่งตำหนักราชาดาบ(ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 670 จะเข้าร่วมหรือต่อต้าน (ฟรี)

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 669 บรรพชนหวู่เฟิงปรากฏตัว (ฟรี)


หลังจากผ่านเหตุการณ์ถูกลอบสังหาร ซู่เสี่ยวไป่ก็สามารถรวมขุมอำนาจน้อยใหญ่ได้ จนในที่สุดจักรวรรดิสุขาวดีก็ถือกำเนิดขึ้น

ครั้งหนึ่งซู่เสี่ยวไป่เคยโกหกพวกอาณาจักรคลื่นโบราณว่า เขามีอาณาจักรของตัวเอง แต่ในวันนี้เขามียิ่งกว่าอาณาจักรเสียอีก และเป็นถึงจักรวรรดิระดับสูง!!

และเมื่อมองออกไปยังทะเลแห่งความว่างเปล่า จักรวรรดิไท่เจียงเองกำลังฟื้นฟูตัวกลับมาอีกครั้ง

ดินแดนเล็กดินแดนน้อยเริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติ และเริ่มมั่นคง

พื้นที่จักรวรรดิไท่เจียงกลายเป็นของจักรวรรดิสุขาวดีถึงสามในสี่ส่วน

ด้วยการนำของซู่เสี่ยวไป่ ร่างเงามากมายถูกส่งไปปกคลุมทุกพื้นที่ต่างๆ หน้าที่ของพวกมันคือฟื้นฟู และสนับสนุนการช่วยเหลือดินแดนน้อยใหญ่ให้กลับมาดูแลตัวเองได้อีกครั้ง

ภายใต้การสั่งการของระบบที่ได้รับคำสั่งมาจากซู่เสี่ยวไป่ ทำให้จักรวรรดิสุขาวดีนั้นก่อรูปร่างจนชัดเจนขึ้น

ดินแดนดวงดาวทางเหนือเป็นดั่งใจกลางที่เชื่อมดินแดนและทวีปทั้งหมดของจักรวรรดิไท่เจียง ทำให้การสนับสนุนจากจักรวรรดิสุขาวดีถูกส่งออกไปอย่างทั่วถึง

เพราะแบบนี้ทำให้ซู่เสี่ยวไป่ส่งเงาจำนวนมากไปยังทุกมุมของจักรวรรดิได้อย่างรวดเร็ว

ต่อให้มีระยะทางเป็นพันปีแสง เส้นทางช่องมิติก็ยังเชื่อมถึงกัน การเดินทางไปมานั้นไม่ต่างจากการข้ามฟากแม่น้ำ และทำให้ซู่เสี่ยวไป่สามารถติดตามผลการสู้รบจากแนวรบที่ยังเหลืออยู่ได้ตลอดเวลา

เมื่อเริ่มทำการยึดดินแดนกลับคืนมาได้แล้ว ในลำดับต่อไปนั้นคือการรักษาเอาไว้ ซู่เสี่ยวไป่ต้องการจะรักษาและรวบรวมความมั่งคั่งทั้งหมดจากทุกมุมมาไว้ที่จักรวรรดิสุขาวดี

และที่ห่างออกไปล้านปีแสง กลุ่มเงาที่มีขอบเขตพลังจ้าวภัยพิบัติขั้น 4 ได้กระจายตัวกันออกไป เพื่อค้นหาสถานที่ต้องห้าม หรือดินแดนต้องสาปที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรร้ายจากยุคเก่าแก่ จากแหล่งข้อมูลที่ได้รับมา และมีอีกอย่างซู่เสี่ยวไป่จำได้ว่าเงาเคยหมุนเวียนสัตว์อสูรยุคเก่าแก่พวกนี้ และได้ผลึกต้นกำเนิดจำนวนมาก

และ ณ ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่เองก็ค้นพบสถานที่ต้องห้าม และโบราณสถานมากมายเต็มไปหมด ซึ่งมีทั้งที่ค้นพบแล้ว และยังไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน พื้นที่เหล่านี้ยากเกินกว่าที่ใครจะเข้าถึงได้ เพราะมันถูกซ่อนเอาไว้ในกระแสมิติและกาลเวลา

นอกจากสมบัติที่จะได้รับมาแล้วยังมีเรื่องราวต่างๆ ในสถานที่เหล่านั้นที่ทำให้ซู่เสี่ยวไป่สนใจอย่างมาก

และคงดีกว่าการขยายอาณาเขตอิทธิพลออกไปโดยที่ไม่รู้จักภูมิหลังของดินแดนแถวนั้นเลย และเงาจะได้จัดการเรื่องต่างๆ ในพื้นที่ที่ดูแลถึง โดยไม่หาเรื่องเพิ่มในตอนนี้

สี่ความสามารถหลักที่ถูกใช้งานบ่อยที่สุดก่อนหน้านี้คือพื้นที่ฝึกวิชา พื้นที่ฝึกฝน พื้นที่ออกล่าสัตว์อสูร และพื้นที่ตรัสรู้ แต่ตอนนี้ความสามารถรองอื่นๆ อย่างพื้นที่ขุดเหมือง ล่าสมบัติ และประเภทความสามารถสร้างของทั้งหลายเริ่มถูกใช้งานอีกครั้ง เพื่อสร้างผลประโยชน์และมูลค่าสูงสุด

และหากเทียบมูลค่าของการเก็บเกี่ยวในจักรวาลทวีปใหญ่ และอาณาจักรคลื่นโบราณ ล้วนมาจากพื้นที่ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียว เพราะตอนนั้นไม่ได้ทำการแปรรูปอะไรเลยเงินที่ได้มาทั้งหมดส่วนใหญ่มาจากการฆ่าและหมุนเวียนศพเท่านั้น

แล้วยิ่งอาณาเขตของซู่เสี่ยวไป่กินไปถึงครึ่งของทะเลแห่งความว่างเปล่า -ทำให้สามารถเก็บรวบรวมความมั่งคั่งได้มากมายมหาศาลเพียงสมบัติที่ถูกลืมบางชิ้นที่ขุดหาเจอ -เมื่อหมุนเวียนแล้วมูลค่าของมันยังหลายพันล้านผลึกต้นกำเนิด

“รอก่อนเถอะพวกจักรวรรดิระดับสูงทั้งห้า เมื่อไหร่ที่รวบรวมผลึกต้นกำเนิดได้มากพอจน-เพิ่มระดับระบบครั้งใหญ่ได้อีกครั้งเราจะได้เจอดีกัน”

ซู่เสี่ยวไป่กำลังเตรียมตัวสำหรับแผนการต่อไป อย่างเงียบๆ ในดินแดนของเขา ทุกวันทุกวินาทีผลึกต้นกำเนิดจะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่การยกระดับระบบครั้งก่อนมังกรเก้ามายานั้นได้บรรลุพลังของจ้าวภัยพิบัติขั้น 7 ทำให้การผลิตผลึกต้นกำเนิดนั้นดีขึ้น และซู่เสี่ยวไป่ไม่ได้ปกปิดเรื่องเหมืองใต้ดินแดนดวงดาวทางเหนือแต่อย่างใด และยังให้ผู้แข็งแกร่งหลายคนไปเป็นแรงงานขุดเหมืองด้วย

เพราะแบบนั้นทำให้ได้ผลึกต้นกำเนิดวันละ 3 ร้อยล้านก้อนต่อวัน มากพอที่จะแบ่งไปฟื้นฟูและทำให้จักรวรรดิเติบโต

ตอนนี้ที่สำคัญเลยคือวิชาระดับภัยพิบัติ ทำให้ซู่เสี่ยวไป่มายังชายแดนของดินแดนดวงดาวเทพที่เป็นสุดขอบของจักรวรรดิไท่เจียง ที่ชายแดนที่ติดกับจักรวรรดิระดับสูง เพื่อตามหาวิชาเพิ่ม และตอนนี้ในตัวของซู่เสี่ยวไป่มีวิชาภัยพิบัติมากถึง 5 พันวิชา

“การจะหลอมผสานวิชาระดับต่อไปจำเป็นต้องใช้วิชาระดับภัยพิบัติหมื่นวิชา การจะตามหาวิชาจากฐานทัพเก่าๆ ที่มันเคยตั้งแถวนี้ไม่ได้แล้ว คงจะต้องเริ่มบุกโจมตีพื้นที่ของพวกจักรวรรดิระดับสูงบ้าง เพื่อแย่งชิงวิชามา”

ซู่เสี่ยวไป่คิดไม่ตก ตั้งแต่เริ่มส่งเงายักษ์ออกมาโจมตีแนวหลังและยึดพื้นที่คืน เหล่าจักรวรรดิระดับสูงไม่เคยทิ้งวิชาอะไรไว้ในค่ายหรือฐานเลย อีกทั้งยังทำลายสำเนาทิ้งอีก

หากว่าไม่ใช่จุดสำคัญอย่างฐานเสบียงก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาวิชาพบ ซู่เสี่ยวไป่ได้แค่กลุ้มใจที่ยังติดอยู่ในเขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 แบบนี้

……

ทันใดคิ้วของซู่เสี่ยวไป่ก็ขมวดเข้าหากันอย่างแรง หัวใจของเขาอยู่ๆ ก็เต้นรั่วไม่เป็นจังหวะ ราวกับว่าสัมผัสของเขามันกำลังร้องเตือนอะไรบางอย่าง จนเขาเองยังรู้สึกอึดอัด

ซู่เสี่ยวไป่ใช้แทนที่กลับไปยังจักรวรรดิสุขาวดีทันที และไม่สบายใจกับความรู้สึกนี้

“สหายผู้ฝึกตน ไม่รู้ว่าท่านเป็นใครแต่ข้ารู้ว่าสหายติดตามข้ามาสักพักแล้ว เหตุใดต้องปิดซ่อนตัวด้วยเล่า? เราก็คนกันเองไม่จำเป็นต้องใช้เล่ห์กลใส่กันหรอก”

สายตาของซู่เสี่ยวไป่อยู่ๆ ก็จ้องมองไปยังที่ว่างเเปล่า และพูดออกไปอย่างระมัดระวัง

แล้วตอนนั้นเองก็มีชายสูงวัยถือดาบขนาดใหญ่ค่อยๆ เดินออกมาจากความว่างเปล่านั้น ชายสูงวัยคนนี้ทั้งเปล่งรัศมีที่น่าเกรงขาม และดูอึมครึมอย่างมาก ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า

เขตแดนภัยพิบัติขั้น 9 จ้าวภัยพิบัติหวู่เฟิง ครั้งหนึ่งเคยควบม้าไปทั่วพิภพ พร้อมกับกวักแกว่งดาบยักษ์คู่กาย สังหารผู้แข็งแกร่งมากมาย แม้แต่ศัตรูที่อยู่นอกจักรวาลอื่น มิตรสหายก็ไม่เคยละเว้น

….

ซู่เสี่ยวไป่ไม่เคยพบเจอชายผู้นี้มาก่อน แต่เขาสามารถจำได้จากลักษณะอาวุธของหวู่เฟิง

“ดาบยักษ์ไร้หน้า ผ่าได้ทั้งโลกหล้า และหนทางสวรรค์ ไม่คิดว่าจะได้พบเจอบรรพชนของตำหนักราชาดาบ”

ซู่เสี่ยวไป่ยิ้มเจือนๆ สุดท้ายแล้วเขาก็ยังมีผู้ที่ต้องเกรงกลัวในทะเลแห่งความว่างเปล่านี้อยู่ดี

หากอีกฝ่านมาเพื่อฆ่าเขา ก็โอกาสสำเร็จสูงมาก แต่ซู่เสี่ยวไป่ไม่ยอมที่จะมอบโอกาสนั้นให้เด็ดขาด

ซู่เสี่ยวไป่เห็นที่คงต้องเปิดกระดานเกมส์เจรจากับคนผู้นี้

หวู่เฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของซู่เสี่ยวไป่

“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรู้จักตาเฒ่าอย่างข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักดาบเล่มนี้ของข้าดี”

“เช่นนั้นผู้อาวุโส ต้องการสิ่งใดโปรดอย่าได้-อ้อมคอม”

ซู่เสี่ยวไป่พูดเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด