บทที่ 181: ฝูงปลาเลเวล 2 อันน่าทึ่ง! บ้านไร่ชิงหลินมีที่สวย ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?
หลังจากวันที่สิบห้าของปีตามปฏิทินจีนความปรารถนาของนักท่องเที่ยวที่อยากจะเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมาก
จำนวนผู้มาเที่ยวบ้านไร่ชิงหลินในแต่ละวันก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ
เพียงแต่ต้องใช้เวลาอีกซักระยะกว่าจะฟื้นคืนสู่วันละ 3,000 คนได้สำเร็จ ยังไม่ถึงช่วงระบาดหนักของนักท่องเที่ยวหลังปี
ในบ้านไร่
หลังจากขั้นตอนการทำสัญญาที่ดิน 5,000 หมู่เสร็จสิ้นบริษัทก่อสร้างโหยวเฉิงอี้เจี้ยนของซุนหมิงก็ลงพื้นที่กันอีกรอบ พวกเขาเริ่มก่อสร้างส่วนคฤหาสน์บ้านไร่กับฟาร์มปศุสัตว์พร้อม ๆ กัน
จ้าวโม่ชิงดึงฉินหลินมายังถนนที่ยังปิดอยู่อย่างมีความสุข
เดินไปไม่นานนักก็มองเห็นทุ่งดอกไม้เป็นหย่อม ๆ
นี่คือทะเลดอกไม้รวมของบ้านไร่
มองเข้าไปด้านในจะเห็นดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ปลูกไว้อยู่ แต่ละชนิดต่างมีสีสันสวยงามจัดวางอย่างเป็นระเบียบและไม่ซ้ำซากจำเจดูน่ามองมาก
ดอกไม้เหล่านี้ยังแค่พึ่งปลูกเท่านั้นและมันจะสวยงามกว่านี้อีกในอนาคต
ในการสร้างทะเลดอกไม้รวมนี้เรื่องที่ลำบากที่สุดคือชนิดของดอกไม้ที่แตกต่างกันย่อมมีฤดูกาลที่พวกมันจะบานต่างกันด้วย
ฉินหลินกอดจ้าวโม่ชิงจากด้านหลังแล้วกระซิบข้างหูว่า “จู่ ๆ พามาดูทะเลดอกไม้นี่แปลว่าอยากถ่ายพรีเวดดิ้งกันเร็ว ๆ เหรอ จะว่าไปทะเลดอกไม้ก็ใกล้จะเสร็จแล้วนี่เนอะ”
“ฉันพาเธอมาเช็คความเรียบร้อยของทะเลดอกไม้ตะหากล่ะ!” จ้าวโม่ชิงกล่าวอย่างไม่ซื้อสัตย์
แต่แววตาที่กำลังปลื้มปริ่มของตนกลับไม่อาจปิดบังไว้ได้ซะงั้น
สุดท้ายแล้วเพราะเธอบอกว่าอยากถ่ายพรีเวดดิ้งในทะเลดอกไม้ฉินหลินถึงได้ตัดสินใจสร้างที่นี้ขึ้นมา
การได้ถ่ายภาพแต่งงานท่ามกลางทะเลดอกไม้แห่งนี้จะต้องเป็นสิ่งที่มีความสุขและน่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตแน่นอน
สองผัวเมียจูงมือกันเดินตรวจตราความเรียบร้อยเสร็จแล้วถึงเดินออกโดยผ่านแปลงนาใกล้ ๆ อ่างเก็บน้ำโดยในนามีต้นข้าวเขียว ๆ ถูกดำไว้อย่างสวย
“ฉินหลิน พวกนี้คือข้าวหลวงเสียงสุ่ยจริงเหรอ?” จ้าวโม่ชิงถามอย่างมีความหวัง
เธอกินข้าวหลวงเสียงสุ่ยทุกวันดังนั้นเธอจึงรู้ว่าถ้าบ้านไร่ชิงหลินสามารถปลูกข้าวหลวงเสียงสุ่ยได้เองล่ะก็มันจะดีเพียงใด
“ถึงตอนนั้นเราไม่อาจใช้ชื่อข้าวหลวงเสียงสุ่ยได้น่ะ ต้องตั้งชื่อพันธุ์ข้าวของเราเอง” ฉินหลินพยักหน้าตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังจ้าวโม่ชิง
“งั้นก็ชื่อข้าวชิงหลิน ง่าย ๆ แต่ชัดเจน” จ้าวโม่ชิงพูดพร้อมคล้องแขนฉินหลิน
“ไปเช็กสะพานโป๊ะที่เล้าเป็นต่อ”
“ปะ!” ฉินหลินพยักหน้า
สะพานโป๊ะที่เล้าเป็ดสร้างเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวาน
เฉินต้าเป่ยได้นำ รปภ.วิ่งบนสะพานวนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายสิบรอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา
และบริษัทที่สร้างสะพานโป๊ะได้เปลี่ยนสนามรบไปสร้างสวนชมต้นแปะก๊วยที่ต้นแปะก๊วยคู่อายุ 500 ปีอยู่ตอนนี้
บริเวณเล้าเป็ดแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มีทางทางเดินหินสวย ๆ ทอดอยู่รอบริมฝั่งอ่างเก็บน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เดินเที่ยวชม
มีรั้วสไตล์ย้อนยุคที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษระหว่างเล้าเป็ดกับทางเดินหินเพื่อความปลอดภัยและป้องกันเป็ดวิ่งหนี
ทางเดินหินได้เชื่อมทางเข้า – ออกของสะพานโป๊ะทั้งสองด้าน
ฉินหลินพาจ้าวโม่ชิงไปที่สะพานโป๊ะจากทางเข้าตรงไปยังศาลา
จ้าวโม่ชิงมองไปที่ทิวทัศน์รอบ ๆ ด้วยดวงตาที่สดใส เธอเคลิบเคลิ้มไปกับความสวยงามของแหนที่มาจากเกม เป็ดสีขาวราวหิมะที่เล่นน้ำกระจายตัวอยู่ในแหนนั้นดูราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดจริง ๆ
“ที่รัก เธอน่าทึ่งจริง ๆ เลย” จ้าวโม่ชิงอดชื่นชมไม่ได้
“ก็ขนาดผ้าปูที่นอนยังเปียกชุ่มเหมือนไปแช่น้ำมาเลยนี่นา” ฉินหลินพูดอย่างภาคภูมิใจ
ใบหน้าสวยของจ้าวโม่ชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอรู้ว่าฉินหลินก็เป็นงี้แหล่ะ ชินแล้ว
แต่คิดไปคิดมาเธอก็มองเขาแบบคาดโทษอีกครั้ง “ฉันจริงจังอยู่นะ!”
เธอชื่นชมสามีจริง ๆ อ่างเก็บน้ำธรรมดา + แหน + โป๊ะ + เป็ดแล้วก็ตู้มกลายเป็นฉากที่สวยงามขนาดนี้
ใครที่ไหนจะทำเช่นนี้ได้? แม้แต่ปรมาจารย์ด้านการออกแบบฉากมืออาชีพยังทำไม่ได้เลยมั้ย?
เธอตัดสินได้เลยว่าทิวทัศน์ตรงหน้านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าทะเลเฟื่องฟ้าเลย
ทั้งสองเดินเล่นบนโป๊ะจนสมใจแล้วจ้าวโม่ชิงก็กลับไปห้องทำงานของตน
ฉินหลินไปที่โป๊ะข้าง ๆ เล้าเป็ดซึ่งในบริเวณนี้จะเห็นว่ามีกระชังปลาขนาดใหญ่แต่ตอนนี้ยังไม่มีปลา
ในเมื่อเล้าเป็ดก็มีแล้ว โป๊ะก็มีแล้ว กระชังก็มีแล้ว จะขาดปลาได้ยังไงเล่า
ฉินหลินคิดว่าจะเอาปลาป่าเลเวล 1 และ 2 กว่า 800 ในเกมออกมา
แถมจำนวนปลาป่าเลเวล 2 ยังเยอะมากด้วย หลังจากที่อัปเกรดเบ็ดตกปลาแล้วเวลาตกปลา 35 ตัวจึงมักเป็นปลาเลเวล 2 ไม่หนึ่งโหลก็เยอะจนถึง 20 ตัวทุกครั้งไป
ต่อให้ใช้รถบรรทุกที่มีอยู่ก็ตามแต่มันก็ยังต้องขนกันหลายรอบอยู่ดีเพราะปลามันมีแต่ตัวใหญ่ ๆ และยังต้องจัดการให้ดีด้วยเพราะจู่ ๆ จะไปขนมาจากโกดังเช่าดื้อ ๆ ไม่ได้
เนื่องจากปลาป่าหนัก 20 – 30 จินมันไม่ใช่ของหาง่าย ขนาดเศรษฐีจะหากินซักครั้งยังยากเลย แล้วจู่ ๆ จะให้เอามาพร้อมกันทีละเยอะ ๆ ง่าย ๆ นั้นมันจะทำให้แตกตื่นกันยกใหญ่เอาน่ะสิ เผลอ ๆ อาจมีคนจับพิรุธได้อีกด้วย
ดังนั้นเขาจึงบอกจ้าวโม่ชิงว่าจะไปหาซื้อปลาจากเขตเมืองหมิง แต่กลับขับรถไปอำเภอชาเฉิงโดยใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง
อำเภอชาเฉิงอยู่ติดกับเขตเมืองหมิงและเดิมเคยเป็นเขตปกครองเมืองมาก่อน แต่ตอนนี้ถูกถอดถอนออกจากการเป็นเขตเมืองเหลือแค่อำเภอและเขตเมืองหมิงก็เข้ามาแทน
หลังจากที่ฉินหลินมาถึงชาเฉิงแล้วเขาก็เสิร์จในเว็บไซด์หาเช่าโกดังชั่วคราวในย่านชานเมืองอันห่างไกลจากผู้คน
หลังจากเช่าโกดังแล้วฉินหลินก็หาข้องมูลแหล่งตกปลาในเขตเมืองหมิงและได้มา 4 แห่ง จากนั้นก็สั่งซื้อลูกปลาตะเพียน, ปลาเฮย (ปลาช่อนอาร์กัส), ปลาเปี่ยน, ปลาคาร์พดำ 100,000 ตัว และปลาที่โตเต็มวัยแล้วอีก 3,000 ตัว
ที่ซื้อปลาเหล่านี้เป็นเพราะมันเป็นชนิดเดียวกันกับที่จับได้ในเกมซึ่งส่งไปที่บ้านไร่ทุกวัน
หลังจากสั่งซื้อและกรอกที่อยู่ของโกดังที่เช่าเสร็จแล้วฉินหลินก็จ่ายเงินมัดจำพร้อมบอกข้อมูลติดต่อโดยสินค้าจะส่งให้พรุ่งนี้เที่ยง จากนั้นเขาก็ขับรถกลับโหยวเฉิง
วันต่อมา
หลังจากที่ฉินหลินส่งสินค้าในเกมไปที่บ้านไร่แล้วเขาก็ไปที่ชาเฉิงทันที ครั้งนี้เขาได้ซื้อภาชนะพลาสติกขนาดใหญ่สำหรับใส่ปลาขนไปที่โกดังเช่าชั่วคราวด้วย
เมื่อถึงแล้วเขาก็ปิดประตูโกดังและตรวจสอบโกดังอย่างละเอียดว่ามีรูให้ส่องหรือแอบติดกล้องไว้มั้ย?
ระวังไว้ 10,000 เท่าดีกว่าเสียใจภายหลัง
หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีปัญหาเขาก็เข้าโลกในเกมพร้อมกับภาชนะพลาสติกที่ซื้อมา จากนั้นก็หยิบเอาปลาที่เก็บไว้ในเกมใส่ลงภาชนะทีละตัว ๆ และเมื่อภาชนะเต็มแล้วเขาก็เอาออกจากเกมแล้วเอาใบใหม่กลับเข้ามาแทน
หลังจากเอาปลาป่าเลเวล 1 และ 2 จำนวนกว่า 800 ตัวออกจากเกมเสร็จแล้วก็โทรหาจ้าวลี่หยวน
ปลาทั้งหมดถูกเอาออกจากเกมแบบนี้ก็ต้องใช้บริษัทขนส่งช่วยขนอยู่แล้ว และเมื่อจ้าวลี่หยวนมาถึงชาเฉิงก็คาดว่าปลาที่สั่งไว้ก็น่าจะมาถึงพร้อมกันพอดี
อำเภอโหยวเฉิง
จ้าวลี่หยวนกำลังอธิบายให้พวกหัวหน้าคนงานทั้งหลายฟัง “ช่วงนี้พวกนายต้องรับสมาชิงใหม่เพิ่มด้วยนะ ธุรกิจซอสมะเขือเทศชิงหลินต้องห้ามละเลยแม้แต่นิดเดียว”
เนื่องจากบริษัทชิงหลินฟู้ดทำสัญญาธุรกิจการขนส่งกับทีมขนส่งของพวกเขา อีกฝ่ายมีการขยายโรงงานดังนั้นพวกเขาเองก็ต้องขยายขนาดและรับคนเพิ่มด้วย
จ้าวลี่หยวนเห็นว่าฉินหลินโทรมาก็รีบรับสายทันที “สวัสดีครับฉินตงมีอะไรให้รับใช้ครับ?”
เขาให้ความเคารพฉินหลินเป็นอย่างสูงเนื่องจากทีมของเขาตอนนี้พึ่งพาธุรกิจการส่งซอสมะเขือเทศชิงหลินเพียว ๆ
“ช่วยพาคนมาที่ชาเฉิงหน่อยครับ ผมอยากให้ขนส่งลูกปลา 100,000 ตัวกับตัวโตเต็มวัยอีก 3,000...” ฉินหลินบอกจ้าวลี่หยวนว่าเขาต้องการจะขนส่งอะไรและให้อีกฝ่ายประเมินราคามาเลย
จ้าวลี่หยวนก็ไม่กล้าลังเล เมื่อวางสายแล้วก็พาคนตามที่รับสั่งไปยังโกดังที่ชาเฉิงตามตำแหน่งที่ปักหมุดมา
เมื่อจ้าวลี่หยวนพาคนมาถึงโกดังเขาก็เห็นว่ามีรถขนส่งจอดอยู่ข้างในแล้วและมีการขนกล่องใส่ปลาลงมาทีละกล่องสองกล่อง
นั่นคือลูกปลาและปลาโตเต็มวัยที่ฉินหลินสั่ง
จ้าวลี่หยวนลงจากรถมาก็ทักทายฉินหลินทันที “สวัสดีครับฉินตง ใช่ปลาพวกนี้มั้ยครับ”
ฉินหลินพยักหน้า “เอาทั้งหมดนี่กลับไปบ้านไร่ แล้วก็ยังมีที่อยู่ในโกดังด้วย”
“ได้ครับ” จ้าวลี่หยวนพยักหน้า และเมื่อรถบรรทุกส่งปลาออกไปเขาก็สั่งให้ลูกน้องของตนเริ่มขนปลาทั้งหมดใส่รถบรรทุกของทีมตน
ในตอนแรกไม่มีอะไรนอกจากปลาที่ฉินหลินสั่ง
แต่เมื่อจ้าวลี่หยวนพาคนเข้าไปในโกดังก็เป็นต้องตกใจกับภาพที่เห็น “เชี่ยปลาอะไรวะเนี่ย!”
ในปลาจำนวนมากเหล่านั้นมีตัวที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นซึ่งอาจหนัก 20 – 30 จินเลยมั้ง
ฉินตงนี่ซื้อปลาที่โคตรน่าทึ่งมาจนได้
เมื่อพวกลูกน้องเห็นปลาก็แทบจะตาถลนกันหมด
“หัวจ้าว... ปลาพวกนี้มันใหญ่เวอร์”
“ใหญ่ขนาดนี่แค่ตัวเดียวเกิดมายังไม่เคยเจอเลย แล้วนี่มาทีเดียวเป็นฝูง...”
“น่าจะเป็นปลาป่า!”
“...”
ปฏิกิริยาของคนเหล่านี้ก็เป็นไปตามที่ฉินหลินคาดไว้อยู่แล้ว ตัวเขาที่เล่นเกมตกพวกมันทุกวันนั้นต้องเห็นจนเบื่อ...
ปลาป่าตัวใหญ่เป็นฝูงขนาดนี้ต่อให้เป็นนักตกปลาเลเวลเศรษฐีอย่างเฉินเชิ่งเฟยมาเห็นก็ไม่อาจอยู่สุขได้แน่นอน
แม้จ้าวลี่หยวนจะตกใจกับสิ่งที่เห็นแต่เขาก็ไม่ลืมหน้าที่และตะโกนสั่งลูกน้อง “รีบ ๆ ทำงานสิวะ! แล้วเวลายกก็ระวังด้วย!”
หลังจากยกปลาทั้งหมดขึ้นรถแล้วฉินหลินก็ขับรถออกจากชาเฉิงพร้อมกับขบวนรถขนส่งของจ้าวลี่หยวนกลับมายังโหยวเฉิงโดยใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ
เมื่อเขากำลังจะไปถึงบ้านไร่เขาก็โทรหาเฉินต้าเป่ยให้พาคนมารอขนปลาไว้ก่อน
ดังนั้นเมื่อมาถึงอ่างเก็บน้ำแล้วจึงพบว่าเฉินต้าเป่ยพาคนมารออยู่แล้ว เมื่อรถหยุดก็เข้าไปช่วยพวกจ้าวลี่หยวนขนปลาลงมา
“มีปลาป่าเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับเถ้าแก่” เฉินต้าเป่ยปีนขึ้นไปบนรถบรรทุกและต้องตกใจกับฝูงปลาป่าที่เห็น
ใช้เวลาไม่นานปลาที่นำกลับมาทั้งหมดก็ลงจากรถและทยอยถูกปล่อยลงอ่างเก็บน้ำ
ฉินหลินเดินไปที่โป๊ะขณะที่พวกเฉินต้าเป่ยแยกปลาไปปล่อยตามจุดต่าง ๆ ของกระชัง เนื่องจากแหนใบหลิวจากเกมมีคุณสมบัติในการทำให้น้ำบริสุทธิ์ ผิวน้ำในบริเวณนี้จึงใสมากและสามารถเห็นปลาที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะปลาป่าเลเวล 2 ขนาดใหญ่ที่แสนจะแข็งแรง
เมื่อเจ้าพวกเลเวล 2 มันมารวมตัวและว่ายน้ำไปด้วยกันแล้วมันช่างเป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจเสียจริงเชียว
บางทีนี่อาจกลายเป็นทิวทัศน์ที่น่าดึงดูดใจได้เช่นกัน
ลองคิดดูซิว่าการที่คนธรรมดาจะได้เห็นปลาขนาดใหญ่เป็นตัว ๆ น่ะมันยากขนาดไหน แต่ที่นี่มีให้เห็นกันเป็นฝูง!
หยางตงเดินมาที่สะพานโป๊ะและมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉินหลิน “นี่มูลเป็ดหมักครับเถ้าแก่”
เหล่าผู้เลี้ยงเป็ดได้สาดมูลเป็ดที่หมักแล้วลงในน้ำ
ทันทีที่มูลเป็ดกระจายตัวในน้ำปลาทั้งฝูงที่หนาแน่นก็ว่ายมาแย่งกันกันอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าตัวใหญ่มันเบียดผ่านเข้ามาทำเอาพวกตัวเล็ก ๆ กระเจิงกันหมด เจ้าตะเพียนป่าตัวใหญ่ใจร้อนแอ่นตัวด้านหนึ่งให้เห็นแล้วว่ายโฉบอย่างแรงทำเอาพวกตัวเล็ก ๆ ที่ตกใจต้องแตกฮือ
ฉากนี้น่าตื่นตาตื่นใจมาก!
ฉินหลินถามหยางตง “นายคิดว่าทำบริการให้อาหารปลาดีปะ? สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งก็มีการขายอาหารปลาให้นักท่องเที่ยวเอามาให้ปลากินด้วยหนิ ใช่มะ?”
“น่าจะได้ครับ! แล้วถ้าใช้เป็นให้ขี้เป็ดล่ะดีมั้ยครับ?”หยางตงพยักหน้าแล้วถาม
“...” ฉินหลินตกตะลึงกับคำถาม
‘ไอ้บ้านี่มันคิดบ้าอะไรของมันอยู่วะ?’
‘ให้อาหารเป็ดโดยให้นักท่องเที่ยวซื้ออาหารที่ทางเราทำเองเพราะกลัวเป็ดป่วย’
‘ก็เลยจะให้อาหารปลาโดยให้นักท่องเที่ยวซื้อขี้เป็ดที่ทางฟาร์มหมักเองว่างั้น? มึงนี่ก็ช่างคิดมาได้เนาะ’
‘นี่เสียค่าโง่แพงกว่าจ่ายเงิน 25 หยวนเพื่อซื้อประสบการณ์การเป็นคนงานเก็บข้าวโพดอีกนาเว่ยโอเค้?’
หลังจากนั้นไม่นานเฉินต้าเป่ยก็ขึ้นมารายงาน “ปล่อยปลาทั้งหมดแล้วครับเถ้าแก่”
ฉินหลินพยักหน้าแล้วบอกหยางตงว่า “การเตรียมการที่นี่ใกล้จะเสร็จแล้ว นายพาคนไปเช็กความเรียบร้อยดูอีกทีว่ามีอะไรขาดเหลืออีกมั้ย ถ้าไม่มีให้ช่วยกันกับพวกเฉินต้าเป่ยทำป้ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องติดไว้ให้เรียบร้อย”
“หายห่วงเถ้าแก่ เดี๋ยวผมจัดให้อย่างดีเลย” หยางตงสัญญาทันที เขาคงจะเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าใครเมื่อพื้นที่ชมโป๊ะเปิด
เนื่องจากเขาเป็นผู้ดูแลการฝึกงานของพื้นที่ชมโป๊ะ เขาแทบรอให้สถานที่นี้เปิดไม่ไหวแล้ว และเมื่องานนี้สำเร็จตัวเขาเองก็จะได้เป็นพนักงานประจำพอดีเลยด้วย
หลังจากฉินหลินออกคำสั่งเสร็จก็เดินจากไป ส่วนหยางตงกับเฉินต้าเป่ยพาผู้คนกลับไปวุ่นกับงานที่ได้รับมอบหมาย
เวลาผ่านไปจนเมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดินนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักเพื่อทำอาหารเองในช่วงมื้อเย็นต่างก็เริ่มมาลงทะเบียนที่โซนทำอาหารเองของร้านอาหารบ้านไร่
เฉินเสวี่ยเองก็เดินตามครอบครัวอันประกอบไปด้วยพ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ไปที่ร้านอาหารด้วย
นี่เป็นครั้งที่สามที่เธอได้มาเที่ยวบ้านไร่ชิงหลิน
ครั้งแรกเธอกลับบ้านมาและบังเอิญมาเจอที่นี่เข้า ครั้งที่สองเธอพาเพื่อนจากมหาลัยมาเที่ยวด้วยกันตามที่ตกลงไว้ (บทที่ 35, 127)
และครั้งนี้เธอมากับครอบครัว
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันทะเลเฟื่องฟ้าของบ้านไร่ชิงหลินนี่ขนาดมาถึงสามครั้งสามคราแล้วก็ยังไม่เห็นจะเบื่อ ซึ่งครั้งนี้เธอทั้งถ่ายรูปและถ่ายคลิปร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุข
“เสี่ยวเสวี่ยรีบมาเร็วเข้า เวลาเดินอยู่อย่าเล่นมือถือสิ”
“ค่า~”
เฉินเสวี่ยพึ่งโพสต์รูปเสร็จและตอบกลับด้วยรอยยิ้มพลางเดินตามครอบครัวไป แต่แล้วเธอก็หันไปเจอ รปภ. 2 คนยืนถือป้ายทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ข้าง ๆ ทางเดินหิน
ฉากนี้ได้ดึงดูดความสนใจของเธอ
เพราะถ้าเธอจำไม่ผิดที่มาเที่ยวก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ครั้งทางเดินหินที่เห็นนั้นยังไม่มี แต่วันนี้มีแล้วและมีการกั้นทางเดินไว้ด้วย
“หือ? พื้นที่เข้าชมสะพานลอยน้ำ?”
เฉินเสวี่ยเข้าไปถาม รปภ.คนหนึ่งด้วยความสงสัย “เอ่อขอถามหน่อยได้มั้ยคะ ตรงนี้ใช่พื้นที่เปิดใหม่รึเปล่า?”
รปภ.เมื่อเห็นว่าเป็นนักท่องเที่ยวสาวสวยที่ถามก็พยักหน้า “ครับ พื้นที่เปิดใหม่ครับ”
จากนั้น รปภ.ทั้งสองก็เดินจากไปทำงานอื่นต่อ ส่วนเฉินเสวี่ยนั้นอดความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ไหวแล้ว
‘พื้นที่เปิดใหม่ ป้ายชื่อก็พึ่งถูกติด แปลว่าตอนนี้ข้างในนั้นก็ไม่น่าจะมีนักท่องเที่ยวอยู่ใช่มั้ย?’
เธอไม่อาจระงับความอยากรู้อยากเห็นได้อีกเลยเดินเข้าไปข้างในอย่างหน้าตาเฉย ในใจก็คิดว่าตนเองอาจเป็นนักท่องเที่ยวคนแรกที่ได้สัมผัสกับทิวทัศน์ในพื้นที่เปิดใหม่แห่งนี้ก็เป็นได้
เธอเดินไปตามทางเดินหินโดยลืมเรื่องที่ครอบครัวตะโกนเรียกเมื่อกี๊ไปซะสนิท
ไม่นานเฉินเสวี่ยก็เดินไปจนถึงพื้นที่เที่ยวชมบริเวณสะพานโป๊ะ สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเธอคือทิวแถวของไผ่โมโซที่ใช้สร้างเล้าเป็ด
แม้ว่าเล้าเป็ดจะสร้างอย่างประณีตและมีความสวยงามอยู่บ้าง แต่สิ่งก่อสร้างแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่น ๆ
แต่ก่อนที่จะทันได้ก้าวเข้าไปข้างในเฉินเสวี่ยก็เห็นร่างสีขาวราวกับหิมะกางปีกอันสง่างาม รูปร่างของเจ้าของปีกคู่นั้นงดงามมาก ๆ
“หงส์?”
เฉินเสวี่ยอึ้ง ๆ ไป ‘บ้านไร่ชิงหลินเลี้ยงหงส์ด้วยเหรอ?’
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นเธอก็ได้เห็นเจ้า ‘หงส์’ ที่แสนสง่าตัวหนึ่งกระโจนลงน้ำ
“????”
เฉินเสวี่ยตกตะลึง ‘เป็ดงั้นเหรอ? ไม่ใช่หงส์หรอกเหรอ?’
‘โม้ป๊ะเนี่ยยยยยยยยย!’
‘โลกเรามันจะไปมีเป็ดตัวใหญ่แบบนี้ได้ยังไงกัน? นี่มันใหญ่กว่าหงส์อีกน้า~~~~~~~~~~!’
เฉินเสวี่ยเดินผ่านเล้าเป็นโดยที่ตาก็ยังถลึงมองมันอย่างไม่อยากจะเชื่อจนกระทั่ง...
พื้นที่ชมโป๊ะทั้งหมดปรากฏขึ้นแก่สายตาและจัดการตราตรึงเข้าไปในหัวใจ
‘จะสวยอะไรเบอร์นี่~~~~~~~~!’
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีแสงยามพระอาทิตย์กำลังตกประกอบฉากด้วแล้ว แหนที่มีสีตัดกับสีของพระอาทิตย์ยิ่งขับความงดงามของตัวมันเองออกมา
พื้นที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยแหนเลเวล 2
คุณสมบัติสวยงาม +, ดึงดูดใจ +2 ผสมผสานกับความงามของพระอาทิตย์ตกดินได้สกดให้เฉินเสวี่ยต้องยืนดูอยู่แบบนั้น
เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าบ้านไร่ชิงหลินจะมีทิวทัศน์แบบนี้ด้วย ด้วยความเคยชินเธอได้หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทิวทัศน์อันสุดแสนงดงามตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว
และเมื่อละสายตามามองจอมือถือเธอก็ต้องพบว่าบรรยากาศที่ถ่ายออกมามันช่างวิจิตรบรรจงราวกับงานศิลปะซะเหลือเกิน แม้แต่ตัวเธอเองที่เป็นคนถ่ายยังรู่สึกว่าดูยังไงก็ไม่เบื่อ
พระอาทิตย์ตกที่สวยงาม สระน้ำใสปกคลุมด้วยแหนสีเขียว! นี่เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างจากทะเลเฟื่องฟ้าไปคนละแบบอย่างสิ้นเชิง
‘ไม่ได้ ๆ ของดีแบบนี้ต้องส่งให้เพื่อน ๆ ที่หอพักดู เอาให้อิจฉาตาร้อนจนอกแตกตายไปเล้ยยยยยยย...’