ตอนที่แล้วบทที่ 179: ต้นข้าวนี่มันมาอยู่นี่ได้ไงกัน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 181: ฝูงปลาเลเวล 2 อันน่าทึ่ง! บ้านไร่ชิงหลินมีที่สวย ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?

บทที่ 180: โบ้ย! ปลูกข้าวหลวงเสียงสุ่ยอย่างจริงจัง!


หลี่ไข่ไม่อยากจะเชื่อลูกตาตัวเอง  เขาลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดหน้าดินดูด้วยความระมัดระวังหมายอยากจะเห็นรากของต้นข้าว  พอยืนยันสิ่งที่เห็นได้แล้วก็แทบจะตาถลน “นะ ๆ ๆ น้องฉิน  อะ ๆ ๆ ไอ้นี่มัน...  มัน ๆ ๆ คือคะ ๆ ๆ ข้าวหลวงเสียงสุ่ย...?”

“พี่หลี่ดูออกด้วยเหรอ?” ฉินหลินอดประหลาดใจไม่ได้

หลี่ไข่ไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม “ฉันเป็นถึงรองศาสตราจารย์  เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถของแท้เลยเชียวนะ!  ฉันเคยเห็นต้นกล้าของข้าวหลวงเสียงสุ่ยมาก่อน!”

หลี่ชิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง “นี่อาเล็ก  ตะกี๊อาว่าต้นข้าวนี่เป็นต้นของข้าวหลวงเสียงสุ่ยใช่ปะ?”

ก็อย่างที่รู้ ๆ กันดีอยู่ว่าข้าวหลวงเสียงสุ่ยมันปลูกได้แค่ที่เสียงสุ่ยแถมยังในพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้นด้วย  และมันไม่อาจเอาไปปลูกที่อื่นได้  แต่ต่อให้ฟลุ๊คปลูกได้ขึ้นมามันก็ไม่ได้อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเหมือนอย่างที่ปลูกในเสียงสุ่ย...

นี่คือสาเหตุผลที่ว่าทำไมข้าวหลวงเสียงสุ่ยจึงมีราคาแพงจนคนรวยกว่า 90% ไม่สามารถหามากินได้

แต่ตอนนี้อาเล็กกำลังบอกว่าต้นกล้าในนาของฉินหลินเป็นต้นกล้าของข้าวหลวงเสียงสุ่ยเนี่ยนะ?

หลี่ไข่อธิบายว่า “เป็นต้นกล้าของข้าวหลวงเสียงสุ่ยจริง ๆ ทำได้ไงเนี่ยน้องฉิน  ปกติมันจะปลูกไม่ได้หรอกนะเพราะว่าสภาพแวดล้อมมันไม่เหมาะสม  แค่งอกยังงอกไม่ได้เลย”

ฉินหลินนึกแล้วว่าคำถามนี้มันต้องมาเขาเลยสามารถอธิบายตามเนื้อเรื่องที่ได้แต่งไว้อย่างไหลลื่น “ก็ทางเสียงสุ่ยได้ใช้ข้าวหลวงเสียงสุ่ยมาแลกกับเหล้าสมุนไพรของผมใช่มั้ยล่ะ  ผมก็เลยถือโอกาสขอเมล็ดพันธุ์จากทางนั้นมาลองปลูกซะเลย  พอดีที่บ้านเก่าผมมีแปลงนาที่มีดินที่ดูจะพิเศษมาก ๆ ก็เลยลองดูว่าถ้าใช้ดินนั่นปลูกมันจะสำเร็จมั้ย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่ชิงก็นึกถึงสิ่งที่ฉินหลินเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้และอธิบายออกมา “จำได้ว่านายเคยบอกว่าเมล็ดแตงโมของนายก็บังเอิญไปเจอที่ทุ่งนาที่บ้านเก่าเหมือนกันหนิ (บทที่ 138)”

“อืม!” ฉินหลินพยักหน้า

เอาล่ะ  เรื่องที่แต่งไว้ก่อนหน้านี้ได้ทำงานของมันเสร็จสิ้นแล้ว!

หลี่ไข่ฟังที่หลี่ชิงพูดเสร็จก็ถามขึ้นว่า “มันเรื่องอะไรกัน  ทุ่งนาที่บ้านเก่ามันเกี่ยวอะไรกับแตงโมด้วย”

หลี่ชิงอธิบายว่า “ครอบครัวของฉินหลินมีทุ่งนาอยู่  เมล็ดแตงโมพวกนั้นมันก็ถูกทิ้งไว้ในทุ่งนานั่นแหละ  แล้วฉินหลินก็ไปเห็นว่ามันงอกตอนหน้าหนาวได้”

“ฉินหลิน  นายฉลาดจริง ๆ ทุ่งนาที่สามารถทำให้ยีนของแตงโมกลายพันธุ์จนปลูกในหน้าหนาวได้มันต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่และอาจจะเอามาใช้กับเมล็ดพันธุ์อื่น ๆ ได้ด้วย  แล้วตอนนี้นายก็เอามาใช้กับข้าวหลวงเสียงสุ่ยใช่มะ?”

เมื่อเห็นหลี่ชิงให้ความร่วมมืออย่างดีโดยไม่ได้รู้ตัวเลยแบบนี้ฉินหลินก็ยิ้มเลยสิครับ “ใช่แล้ว  ช่วงตรุษจีนฉันเองก็กลับบ้านเก่าเหมือนกันก็เลยถือโอกาสไปขุดมาใช้ดูแล้วก็พบว่าได้ผลจริง ๆ ด้วย  ไม่ใช่แค่งอกได้นะ  ขนาดเวลาที่ใช้งอกยังสั้นอีกต่างหาก  ฉันเอาดินมาสองกระสอบใหญ่ผสมลงในแปลงนานี่แล้วผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น”

หลี่ไข่ที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองก็เริ่มอยู่ไม่สุข “น้องฉิน  ดินในทุ่งนาของนายต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ มันอาจเป็นดินชนิดพิเศษที่หายากมาก ๆ ก็เป็นได้นะ!”

ประเทศนี้มีผืนดินกว้างใหญ่และทรัพยากรอุดมสมบูรณ์  ชนิดของดินก็มีหลากหลายไปตามภูมิภาคต่าง ๆ และที่พบมากที่สุดและพบมากที่สุดก็มีดินดำ  ดินแดง  ดินเหลือง  ดินร่วนปนทรายเป็นต้น

เป็นเพียงว่าดินเหล่านี้บางชนิดเหมาะจะใช้ปลูกต้นไม้บางชนิดก็ไม่เหมาะเลย

ดินดำที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกมากที่สุด  ส่วนดินแดงนั้นค่อนข้างแย่

นอกจากดินเหล่านี้แล้วยังมีดินที่หายากอยู่ด้วยซึ่งดินเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่นสภาพแวดล้อมหรือสภาพอากาศ  อุณหภูมิ  ความชื้น  หรือมีองค์ประกอบพิเศษอย่างอื่นปนอยู่

แร่ธาตุพิเศษอื่น ๆ ดังกล่าวเหล่านั้นสามารถมีช่วยผลส่งเสริมพืชผลได้  ตัวอย่างเช่นในสถานที่ที่มีการปลูกข้าวหลวงเสียงสุ่ยนั่นไง  เพราะสภาพแวดล้อมรวมไปถึงสภาพของดินมันมีองค์ประกอบที่เอื้ออำนวยให้สามารถปลูกได้

เพราะการมีอยู่ขององค์ประกอบพิเศษเหล่านี้จึงทำให้พืชผลที่ปลูกลงไปมีความแตกต่างและหายากซึ่งดินที่มีองค์ประกอบพิเศษเหล่านั้นไม่อาจประดิษฐ์ขึ้นมาได้ด้วย

เมื่อมีองค์ประกอบที่มีประโยชน์แล้วก็มีองค์ประกอบที่มีโทษด้วย  เช่นดินที่ผ่านการฉายรังสี  ดินที่มีธาตุโลหะหนัก  พืชผลที่ปลูกในดินเหล่านี้จะไม่สามารถเอามากินได้

หลี่ไข่เอามือจกลงไปในดินโดยไม่พูดไม่จาแล้วเอาขึ้นมาถู ๆ นิ้ว

‘ดินของน้องฉินที่ทำให้แตงโมกลายพันธุ์จนอยู่รอดได้ในหน้าหนาวแถมยังอร่อยขึ้น  แล้วมาตอนนี้ยังทำให้ข้าวหลวงเสียงสุ่ยปลูกได้อีกนี่มันต้องเป็นของดีอย่างไม่ต้องสงสัย’

หลี่ชิงมองดูต้นกล้าของข้าวหลวงเสียงสุ่ยและพูดว่า “ฉินหลิน  นี่ไม่ได้แปลว่านายจะสามารถปลูกข้าวหลวงเสียงสุ่ยที่นี่ได้ใช่ปะ?  แต่ก็ยังไม่รู้ว่าผลผลิตจะเป็นยังไงเนอะ”

“คงต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวนั้นแหล่ะถึงจะได้รู้” คำตอบของฉินหลินเหมือนจะไม่แน่ใจทั้ง ๆ ที่ในใจของตนกลับรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

ชาวนาที่อื่น ๆ ก็เป็น  ไอ้ที่ตอนปลูกใหม่ ๆ ออกมาดูดีแต่สุดท้ายแล้วผลผลิตกลับแย่

การเพาะกล้าเป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น  มันจะไปจบตอนเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วต่างหาก

“แต่ถ้าผลผลิตออกมาไม่เลวล่ะก็นายอย่าเป็นคนลืมเพื่อนเชียวล่ะ” หลี่ชิงแสดงอารมณ์ทันที

มันคือข้าวหลวงเสียงสุ่ยเลยเชียวนะ  ถ้าสามารถนั่งชมจันทร์กินข้าวข้างอ่างเก็บน้ำได้ตามสบายล่ะก็ใครจะอยากกลับไปลำบากแย่งกันซื้อกับคนอื่นซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้แบบเดิม ๆ กันล่ะ?

“แกรู้จักแต่เรื่องกินเหรอวะ!”

หลี่ไข่ผลักหลี่ชิงความโกรธและพูดกับฉินหลินว่า “ฉันขอวิเคราะห์องค์ประกอบของดินที่ว่านี่หน่อยได้มั้ย  อยากรู้ว่าในดินมันมีอะไรอยู่”

สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรนอกจากจะต้องวิจัยพืชผลแล้ว  การวิจัยดินปลูกพืชก็เป็นอีกความสามารถหนึ่งที่ควรต้องมีเช่นกัน

“ตามสบายเลยครับ  จะได้ช่วยผมดูด้วยว่าดินมันมีปัญหาอะไรแอบแฝงอยู่มั้ย” ก็ว่าไปนั่นเลยเชียวทั้ง ๆ ที่ตัวเองรู้อยู่แล้วว่าไอ้องค์ประกอบที่ว่ามันมีผลช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของพืชและเพิ่มโอกาสให้พืชปรับปรุงยีน

เอาล่ะ  การแสดงนี้ก็สมควรแก่เวลาแล้วล่ะนะ

มีหลี่ไข่กับหลี่ชิงช่วยเป็นพยานให้  แถมหลี่ไข่ยังเป็นนักวิจัยอีก  หากเจ้าตัวสามารถวิเคราะห์ดินออกมาได้ล่ะก็น่าจะรู้สึกประสบความสำเร็จสุด ๆ เลยเชียวล่ะ?

เมื่อหลี่ไข่ได้รับคำยินยอมจากฉินหลินแล้วก็ลากตัวหลี่ชิงไปที่ห้องโถง “มาช่วยขนของก่อน”

เขาเอากุญแจห้องเก็บของออกมาไขประตูหลังเคาน์เตอร์

ก่อนกลับไปช่วงตรุษจีนเขาได้เอาเครื่องมือทั้งหมดใส่ไว้ในห้องเก็บของนี้และฉินหลินก็ให้กุญแจกับอีกฝ่ายไป

เปิดประตูแล้วสองอาหลานก็ช่วยกันหยิบอุปกรณ์ออกมา

หลี่ไข่เตรียมเครื่องมือในการทดสอบดินโดยพร้อมเริ่มงานทุกเมื่อ

ตัวเขาที่ศึกษาการทดลองเกี่ยวกับยีนพืชในอุณหภูมิต่ำย่อมต้องพบว่าปัญหาเรื่องดินมีผลกระทบต่อการปลูกพืชอย่างไม่อาจเลี่ยงได้  ดังนั้นเขาจึงมีเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบและวิเคราะห์ดินติดห้องแล็บอยู่เสมอ

เมื่อจัดของเสร็จแล้วหลี่ไข่ได้หยิบอุปกรณ์อะไรก็ไม่รู้ออกมาแล้วไปเก็บตัวอย่างดินจากแปลงนา  จากนั้นก็เดินกลับมาที่ห้องโถง

ครั้งนี้เป็นการศึกษาดินที่ยากกว่าการเช็คไข่เป็ดครั้งก่อนมาก

ในตอนเย็น

เมื่อฉินหลินมาที่ห้องโถงเก่าอีกครั้งเขาเห็นว่าหลี่ไข่ยังคงง่วนอยู่กับอุปกรณ์ของตน  พอเห็นแบบนี้ฉินหลินก็อดถามไม่ได้ “ยังวิเคราะห์ไม่เสร็จอีกเหรอครับ?”

หลี่ไข่ขมวดคิ้วมุ่น “มันไม่ใช่งานที่จะได้ผลเร็วขนาดนั้นน่ะสิ  ผลการวิเคราะห์ดินต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้านู่นแหล่ะ  ประเด็นสำคัญคือฉันเจอองค์ประกอบพิเศษในดินแล้ว  แต่น่าแปลกที่ไม่รู้ว่ามันคือธาตุอะไร”

เมื่ออีกฝ่ายว่างั้นฉินหลินก็ส่ายหน้าแล้วปล่อยให้ศึกษาต่อไป  ส่วนตัวเองก็ไปเช็คสถานการณ์ที่อ่างเก็บน้ำต่อ

สะพานโป๊ะค่อย ๆ เข้าใกล้คำว่าเสร็จสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีการสร้างศาลาพักผ่อนขึ้นบนโหนดของสะพานโป๊ะซึ่งผู้คนสามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนได้

ถ้าซักวันหนึ่งเมล็ดบัวในเกมเปิดขายเมื่อไหร่เขาจะซื้อมาปลูกรอบ ๆ ศาลา  ยิ่งถ้ามีสีเขียวตัดกับสีดอกบัวด้วยแล้วความงดงามของมันต้องเกินจะพร่ำเพ้อพรรณนาเป็นแน่แท้

แล้วเวลาก็ล่วงเลยจนฟ้าเริ่มมืด

ห้องโถงเก่า

อาจารย์หลินออกมาจากห้องครัวมาพร้อมอาหาร  เมื่อเห็นว่าหลี่ไข่ยังคงเล่นดินอยู่หน้าเครื่องมือเขาเลยส่งเสียงเรียก “อาจารย์หลี่ได้เวลากินข้าวแล้วครับ!”

ตอนอยู่ที่บ้านไร่หลี่ไข่มักจะกินอาหารที่อาจารย์หลินปรุงให้อยู่เสมอ  ดังนั้นเขาจึงสุภาพกับอีกฝ่ายมาก ๆ “อ้อขอบคุณมากครับอาจารย์หลิน  เดี๋ยวผมขอไปล้างมือก่อนนะ”

“ผมเห็นคุณเล่นดินนี่มาตั้งนานแล้ว  ตกลงว่าดินนี่มันมีอะไรเหรอครับ” อาจารย์หลินถามด้วยความสงสัย

“ก็ดินในแปลงนาของเถ้าแก่คุณมันพิเศษมากน่ะสิผมเลยขอมาศึกษา” หลี่ไข่ไม่ได้ปิดบัง

“อ้อ” แล้วอาจารย์หลินเข้าไปในครัวด้วยท่าทางครุ่นคิด

เขาไปหยิบสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าและเริ่มขีด ๆ เขียน ๆ ข้อความลงไป

มันคือเนื้อหาที่เถ้าแก่ขอให้เขาเขียน  ไอ้ที่ว่าวิธีในการฟื้นฟูต้นแปะก๊วยอายุ 500 ปีทั้งสองต้นนั่นแหล่ะ

แต่ว่าเขาไม่รู้จริง ๆ และก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษด้วย  แค่เอาปุ๋ยคอกไปโรยรอบ ๆ ตามปกติ  ทำติดต่อกันมาหลายปีจนสุดท้ายมันก็ยอมฟื้นคืนชีพให้

แต่จะให้เขียนไปตามนี้มันจะมีอะไรที่น่าเชื่อถือกันเล่า

‘ถ้าวิธีนี้มันได้ผลจริงล่ะก็ทำไมมันไม่ได้ผลตั้งแต่ก่อนหน้านี้ล่ะฟะ  มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ ๆ หรือบางทีมันอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับกูด้วยซ้ำ’

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด  เถ้าแก่มอบหมายงานให้แต่จะหลอกเถ้าแก่ก็ไม่ได้  ก็เลยเขียนไปว่า  ขี้วัว + ปุ๋ยหมัก + ดินจากแปลงนา

‘เออ  ก็จารย์หลี่บอกว่าดินมันพิเศษนี่หว่า  งั้นกูโบ้ยให้ดินแม่งนี่แหล่ะ  เถ้าแก่ถามกูก็บอกดิน  ดินมันพิเศษไง  ดินเท่านั้นที่ทำให้เกิดผลแบบนี้ได้!’

อาจารย์หลินเริ่มรู้สึกว่าตัวเองนี่ก็ไหวพริบดีไม่น้อยเหมือนกัน

ผ่านไปหนึ่งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้นฉินหลินยังคงไปขดของจากเกมส่งให้บ้านไร่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจากนั้นก็ไปดูที่ห้องโถงเดิม

หลี่ไข่ยังคงเล่นดินอยู่เลยซึ่งเห็นได้ชัดว่ายังวิเคราะห์ไม่ออก

ฉินหลินเลยเข้าไปดูที่แปลงนา

เขาขอให้เฉินต้าเป่ยหาคนมาตีแปลงนาเพิ่ม  อีกไม่กี่วันเมื่อแปลงนาพร้อมแล้วเขาจะย้ายกล้าลงปลูก

สำหรับต้นกล้าที่จะย้ายลงปลูกได้นั้นต้องเลือกต้นที่มีใบจริงแล้ว 3 ใบ  ถ้าเอาต้นขนาดนี้ไปปลูกมันจะโตเร็วมาก ๆ แต่หากย้ายตอนที่พึ่งจะใบเดียวอยู่มันจะไม่ยอมแตกกอและผลผลิตที่ได้จะต่ำลงมาก ๆ

ในช่วงฤดูทำนาโดยทั่วไปแล้วเกษตรกรจะเคร่งครัดในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ทว่าการเลือกต้นกล้านั้นก็เป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น  ยังมีขั้นตอนอื่นอีกคือก่อนย้ายปลูกควรจะต้องพรวนดินให้ร่วนมากที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบรากเสียหายตอนย้ายกล้าเพราะมันจะทำให้ต้นกล้าตายได้

ฉินหลินใส่ใจในเรื่องนี้มากเพราะว่าเขามีต้นกล้าไม่มากนัก

หลังจากใช้เวลาไปกับต้นกล้าอยู่พักหนึ่งจู่ ๆ เฉินหลี่ก็โทรเข้ามาและเขาก็รับสายทันที “สวัสดีท่านรองเฉิน”

เสียงหัวเราะของเฉินหลี่ดังขึ้นจากปลายสาย “เถ้าแก่ฉินขั้นตอนการทำสัญญาที่ดินห้าพันหมู่เสร็จแล้วนะครับ  สามารถไปจัดการที่สำนักงานที่ดินได้เลย  ผมจะให้จงเล่ยไปรอที่นั่นก่อน”

เมื่อฉินหลินได้ข่าวเขาก็ไปที่อำเภอโดยตรงไปยังสำนักงานที่ดินทันที

ทันทีที่รถหยุดจงเล่ยก็เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับเถ้าแก่ฉิน  ท่านรองเฉินได้จัดการให้แล้วทำให้ไม่ต้องรอคิว  เดี๋ยวเชิญตามผมไปทำเรื่องได้เลยครับ”

“ครับ!” ฉินหลินพยักหน้า

ใครเคยไปจัดการเรื่องที่ดินคงจะรู้ว่ากว่าจะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ได้นั้นช่างใช้เวลานานเหลือแสน  แถมคิวก็ยาวอีก  แค่เรื่องง่าย ๆ เผลอ ๆ ต้องใช้เวลาหลายวันซะด้วยซ้ำ

ซึ่งนั่นคือสภาพของคนส่วนใหญ่  แต่คนส่วนน้อยอย่างฉินหลินที่ทางอำเภอนัดหมายไว้ให้แล้วไม่ต้องไปต่อคิวและสามารถเสร็จสิ้นขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ปีที่แล้วมีคนแอบถ่ายเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วโพสต์ลงเน็ตจากนั้นก็เกิดการถกเถียงกันจนเสียงแตกเป็นสองฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งก็บอกต้องต่อคิวสิเหมือนกันสิวะอย่าได้สองมาตรฐานแบบนี้  อีกฝ่ายก็บอกว่าคนที่ได้อภิสิทธิ์เขาทำเรื่องใหญ่ ๆ กันหากมัวแต่ชักช้าก็ฉิบหายกันพอดีสิ  จะมาหาความเท่าเทียมอะไรตอนนี้วะพวกโง่นี่

ผลสุดท้ายคือข่าวนั่นถูกระงับไปไม่มีการไปจัดการใครทั้งสิ้น

จะมีก็แค่คำอธิบายอย่างเป็นทางการว่าบุคคลที่ถูกแอบถ่ายเป็นประธานบริษัทขนาดใหญ่ในเขตเมืองและมีโครงการความร่วมมือกับทางการอยู่  ซึ่งอีกฝ่ายได้เข้ามาพบปะพูดคุยเจรจาเป็นการส่วนตัว

แม้จะไม่รู้ว่าไอ้ที่ประกาศมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม  แต่ที่รู้อยู่อย่างหนึ่งคือในโลกนี้ไม่มีไอ้สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมที่แท้จริงหรอก  อย่ามัวมองหาสิ่งที่มันไม่มีให้เมื่อยเลยน้อง

ก็ลองคิดดูซิว่าเวลาตัวเองไปทำธุรกรรมที่ธนาคารตัวเองต้องหยิบบัตรคิวแล้วนั่งรอคิวใช่มั้ย  พอถึงคิวพนักงานนี่ก็อย่างกับหุ่นยนต์ไม่รู้จะเย็นชาอะไรนักหนา  แต่พอหัวหน้าตัวเองไปบ้างอีพนักงานนี่กลายเป็นคนปกติมีมารยาทอ่อนหวานขึ้นมาเลย  ขนาดประธานสาขายังมาต้องรับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

มันคือบรรทัดฐานทางสังคม  และไอ้การโพสต์คลิปวิดีโอในลักษณะนี้บนอินเทอร์เน็ตเพื่อทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนจริง ๆ แล้วมันก็เป็นความคิดที่ผิดปกติประเภทหนึ่ง

ฉินหลินได้รับการต้อนรับจากเฉินหลี่และจงเล่ยที่ตามมา  จากนั้นก็แทบจะสามารถผ่านขั้นตอนทั้งหมดได้ในชั่วพริบตา  แล้วในที่สุดก็ได้เอกสารสัญญามาถือไว้

สรุปแล้วตั้งแต่วันนี้บ้านไร่ชิงหลินจะมีที่ดินเพิ่มขึ้นอีก 5,000 หมู่

เมื่อฉินหลินกลับไปที่ห้องทำงานก็เอาเอกสารสัญญาเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย  พอดีกับที่เฉินต้าเป่ยได้เข้ามารายงานว่า “เถ้าแก่ครับ  แปลงนาที่เถ้าแก่สั่งมาทำเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ”

“ปะ  พาไปดูหน่อย” ฉินหลินพยักหน้าและเดินตามเฉินต้าเป่ยไปที่แปลงนาใหม่

โดยแปลงนาที่เฉินต้าเป่ยจัดให้นั้นอยู่ไม่ไกลจากอ่างเก็บน้ำซึ่งสะดวกต่อการทำระบบชลประทาน

จะเห็นได้ว่าเฉินต้าเป่ยได้ทำแปลงนานี้ให้ด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี  คันนาถูกอัดจนแน่นตึ้บ  มีการตีปุ๋ยกับดินให้ละเอียดและมีความสม่ำเสมอเท่า ๆ กัน

ฉินหลินพอใจกับผลงานนี้มาก “เดี๋ยวพาคนไปถอนกล้าจากแปลงนาเดิมมาดำที่แปลงใหม่นี้ด้วยนะ  เสร็จแล้วก็ให้ตีแปลงนาเพิ่มอีก”

ดินวิเศษจากเกมนั้นยามที่ใช้ปลูกพืช  พืชชุดเดียวจะไม่ได้กินองค์ประกอบพิเศษทีเดียวหมดทำให้สามารถปลูกพืชรอบใหม่ซ้ำได้อีกหลายรอบ

“ครับเถ้าแก่!” เฉินต้าเป่ยตอบและเดินไปเรียกคนไปช่วยถอนกล้าจากแปลงนาเดิม  พวกเขาประคองต้นกล้าของข้าวหลวงเสียงสุ่ยมาดำลงในแปลงนาที่พึ่งทำเสร็จใหม่ ๆ ด้วยความระมัดระวัง

เฉินต้าเป่ยใส่ใจกับงานนี้มาก  เขารู้เพียงว่าต้องทำตามที่เถ้าแก่สั่งให้ดีโดยที่ไม่รู้เลยว่าต้นกล้าที่ตัวเองถอน ๆ ดำ ๆ นั้นมันคืออะไร  ไม่รู้ว่าเมื่อรู้แล้วคนเหล่านี้จะทำหน้ายังไงกันบ้าง?

เมื่อฉินหลินกลับมาที่ห้องโถงเดิมอีกครั้งหลี่ไข่ก็ลุกขึ้นจากเครื่องมือพอดี

“วิเคราะห์ได้แล้วเหรอครับ” ฉินหลินถาม

หลี่ไข่ส่ายหัว “ดินมีองค์ประกอบพิเศษอยู่จริง  แต่ที่รู้ก็แค่อันที่มีผลแบบทั่ว ๆ ไปเท่านั้น  แต่อันที่เป็นเฉพาะทางยังไม่รู้ต้องใช้เครื่องมือที่ดีกว่านี้”

“แล้วมันก็ยังต้องใช้เวลานาน  การทดลองของฉันมันยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ฝืนทำวิจัยต่อไปก็เสียเวลาเปล่า”

“เพราะงั้นเลยมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย  ข่าวดีก็คือดินนี้มีองค์ประกอบที่อาจส่งผลกระทบต่อยีนของพืช”

“เพียงแต่ว่ายังไม่มีการศึกษาผลกระทบแบบเฉพาะเจาะจงอย่างชัดเจนเลยไม่อาจบอกรายละเอียดได้  แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของต้นกล้าแตงโมกับข้าวหลวงเสียงสุ่ยแล้วถือว่ามีผลกระทบที่รุนแรงอย่างแน่นอน”

“ส่วนข่าวร้ายก็คือองค์ประกอบนั้นกำลังจางหายไป  แปลว่าถ้าปลูกพืชลงไปเรื่อย ๆ มันจะถูกพืชกินไปเรื่อย ๆ จนหมด  และในอนาคตพืชที่ปลูกบนดินนี้ก็จะไม่แตกต่างจากพืชทั่วไปอีก”

“ดินประเภทนี้มีการขุดเจอกันไม่น้อย  แต่ที่ไม่ค่อยเห็นเป็นเพราะทันทีที่มันปรากฏจะมีห้องทดลองของบริษัทใหญ่ ๆ หรือไม่ก็ห้องแล็บของรัฐมากว้านซื้อไปเพื่อใช้เพาะพันธุ์พืชชนิดใหม่ ๆ บางครั้งบางคราวพืชแปลก ๆ ที่เป็นชนิดใหม่ซึ่งไม่เคยมีในโลกมาก่อนก็อาจเกิดมาจากดินพวกนี้ก็ได้”

“ดังนั้นขอเตือนด้วยความหวังดีเลยนะน้องฉิน  ถ้าเกิดมีใครอยากซื้อดินของนายล่ะก็อย่าได้ขายเป็นอันขาด  และอย่าปลูกพืชใด ๆ ลงดินนี้อีกไม่งั้นมันจะดูดองค์ประกอบพิเศษนี้จนหมด”

“ถ้าจะปลูกล่ะก็ให้หาอะไรที่มันมีค่ามาปลูก  ถ้าโชคดีล่ะก็นายอาจได้พืชสายพันธุ์ใหม่ ๆ อีกหลากหลายชนิดที่ทำให้วงการด้านพันธุศาสตร์ก้าวหน้า  แล้วแบบนั้นแหละนายถึงจะร่ำรวยจริง ๆ”

“ถ้าคุณมีเวลา พาฉันไปที่นาเก่าของคุณเพื่อดูว่าฉันจะหาอะไรได้อีกไหม”

“อืม” ฉินหลินพยักหน้า

ฉันชื่นชมหลี่ไข่ในใจของฉันจริงๆ และเขาวิเคราะห์บางอย่างจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติของดินที่ใช้กับการเพาะปลู

นี่คือพลังของวิทยาศาสตร์

ยิ่งไปกว่านั้นตามที่หลี่ไข่ว่ามานี้แปลว่าเขาจะสามารถทำเมล็ดพันธุ์ได้มากขึ้นในอนาคตย่อมใช่ปะ?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด