บทที่ 160 - ต้องพาเสี่ยวจินกลับบ้าน
ในใจของผมคิด ผมไม่อยากพาเสี่ยวจินกลับไป หลังจากที่เสี่ยวจินกลับไปถึงบ้านแล้ว มันจะยังอยากอยู่กับผมอีกมั้ย? ความผูกพันของผมกับเสี่ยวจินนั้นลึกซึ้งมาก ถ้าไม่มีมันอยู่ข้าง ๆ ผมคงจะรู้สึกว่างเปล่าไม่น้อยแน่ ๆ
แต่ผมได้แค่ถาม “ผมต้องส่งเสี่ยวจินกลับจริง ๆ หรือครับ?”
อาจารย์ตี้พยักหน้า “ใช่แล้ว! เธอต้องส่งมันกลับบ้านของมัน อันที่จริง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร ราชามังกรน่าจะขอบคุณที่เธอนำทายาทของเขากลับไปสู่เผ่า และช่วยเธอในการต่อสู้กับราชามารในอนาคต”
ร่องรอยของความลังเลเกิดขึ้นมาในใจผมแล้ว ผมได้แต่ตอบออกไปอย่างน่าสงสาร “แต่ผมไม่อยากแยกกับเสี่ยวจินนี่ครับ!”
เขากล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดอย่างยิ่ง “จางกง! ทำไมเธอถึงได้ทำตัวแบบนี้? เธอไม่คิดบ้างหรือว่าทำแบบนี้แล้วมันจะเป็นการเห็นแก่ตัวจนเกินไป? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอหวังพึ่งพิงแต่พลังของเสี่ยวจิน มันจะทำให้ความก้าวหน้าในอนาคตของเธอลดลง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอต้องพาเสี่ยวจินกลับไปที่บ้าน!”
ผมได้แต่ก้มหน้าลงฟังที่เขาพูด ตอนนี้ในหัวของผมเต็มไปด้วยความคิดอันวุ่นวาย ถ้าเสี่ยวจินซึ่งเป็นคู่หูที่คอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ จะต้องแยกจากผมไปอย่างนั้นหรือ? ผมไม่อยากจะเสียเขาไปเลย ถึงแม้ว่าเสี่ยวจินจะทรงพลังมาก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจากมันเลย ผมได้แต่นึกย้อนไปถึงตอนที่มันเพิ่งเริ่มออกจากไข่มา ตั้งแต่ตอนนั้น มันก็ไม่เคยอยู่ห่างผมเลย แล้วถ้าผมต้องส่งมันกลับไปจริง ๆ แล้วผม..ผม...
เสียงของอาจารย์ตี้ดังขึ้นขัดความคิดของผม “อาจารย์รู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้เธอทำใจได้ลำบาก แต่ลองคิดแบบนี้นะ ถ้าเสี่ยวจินยังคงคอยติดตามเธอ มันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 60 ปี ในขณะที่เผ่ามังกรทั่วไปจะอยู่ได้อย่างน้อยหลายพันปี อย่าให้ความคิดที่จะดึงมันเอาไว้อยู่เหนือกว่าอายุที่ยืนยาวของมันเลย เข้าใจหรือไม่?”
ผมสะดุดใจกับคำพูดของเขา “อาจารย์ครับ! ที่อาจารย์เพิ่งพูดหมาย...”
“ใช่ ถ้าฉันไม่ได้คาดเดาผิด บิดาของเสี่ยวจินต้องมีความสามารถในการเพิ่มอายุไขของมันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้”
ผมตัดสินใจได้ในทันที “ได้ครับ เพื่อเสี่ยวจิน ผมจะพามันกลับบ้านเอง”
อาจารย์ตี้ยิ้มออกมาอย่างวางใจ “นี่สิถึงจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ช่วงเวลาที่เสี่ยวจินติดตามเธอมาตลอดนั้นมันมีความหมายอย่างมาก ในตอนแรก อาจารย์คิดว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เธอจะพามันกลับไป น่าจะเป็นช่วงหลังจากที่เธอจบการศึกษาจากสถาบันเวทย์มนต์ชั้นสูงแล้ว แต่ตอนนี้ระดับพลังเวทย์ และความสามารถของเธอนั้นสูงมากพอแล้ว อีกทั้งยังมีวิกฤติของราชามารที่จะเข้ามาในอีกไม่กี่ปีนี้อีก อาจารย์เลยตัดสินใจให้เธอรีบเดินทางไปยังหุบเขามังกรเร็วขึ้นกว่าที่คิดเอาไว้ เธอน่าจะยังมีหนังสือเล่มที่อาจารย์เคยมอบให้เธอเอาไว้อยู่ หนังสือที่กล่าวเกี่ยวกับมังกรเล่มนั้น บนหน้าสุดท้ายของมันบันทึกวิธีเดินทางไปที่นั่นอยู่ หลังจากส่งเสี่ยวจินเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อกับแม่ เวลาในวันหยุดนี้น่าจะพอให้เธอทำทั้งหมดนี่ได้สำเร็จแน่”
ผมตอบเขา “หนังสือ ‘ผู้ครองแผ่นดินที่แท้จริง-มังกร’ เล่มนั้นใช่มั้ยครับ ผมเคยอ่านมันจบไปแล้ว หุบเขามังกรน่าอยู่ในอาณาจักรอ้ายเซี่ยนี่เอง อยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่งในเขตการปกครองเทียนคงนี่เอง”
เขาพยักหน้า “เธอคงต้องไปหาตำแหน่งที่แน่นอนด้วยตัวเอง และต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรก อย่าลืมม้วนเวทย์เคลื่อนย้ายที่อาจารย์เคยให้ไว้ครั้งก่อน ถ้าเจอเข้ากับอันตรายเธอต้องใช้มันเพื่อหลบหนีทันที”
“ได้ครับ! อาจารย์สบายใจได้เลย ผมมีประสบการณ์มากกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะแล้ว แถมคราวนี้ยังเป็นการเดินทางไปทำเรื่องดีด้วย มันคงจะไม่มีอะไรอันตรายมากหรอกครับ” ผมพูดให้เขาวางใจ
แต่เขายังเตือน “ไม่ว่าจะอย่างไร การระวังเอาไว้ก่อนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาตัวรอดแล้ว! เธออยู่กินข้าวเย็นกับอาจารย์ก่อนแล้วค่อยกลับนะ”
หลังจากทานอาหารเย็นเป็นเพื่อนกับอาจารย์ตี้เสร็จแล้ว ผมก็เดินทางกลับมาที่สถาบันเวทย์มนต์หลวงทันที
ขณะที่ผมนอนอยู่บนเตียงภายในห้องพักของตัวเอง ผมคิดอยู่ในใจ ผมต้องแยกจากเสี่ยวจินในเวลาอีกไม่นานแล้ว และผมยังไม่รู้ว่าการเดินทางไปหุบเขามังกรครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้ผมลังเลใจเมื่อมีความคิดเรื่องการแยกกับเสี่ยวจินผุดขึ้นมามากนัก พวกเราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแล้ว
วันต่อมาผมไปที่ห้องเรียนตามปกติ ผมเขียนประโยคสั้น ๆ ลงบนกระดาษ ..อีกไม่กี่วันจะถึงวันหยุดแล้ว เธอมีแผนจะทำอะไร?.. ก่อนจะส่งมันให้มู่จืออ่าน
เธอใช้เวลาไม่นานในการตอบ เธอเขียนลงบนกระดาษใต้ข้อความของผม “ฉันจะกลับบ้าน แล้วนายล่ะ?”
ผมลองทดสอบดู เขียนกลับไปว่า “ฉันไปกับเธอด้วยได้มั้ย?”
“นั่นมันไม่น่าจะดี ที่บ้านของฉันเข้มงวดมาก มันจะดีกว่าถ้าฉันกลับบ้านไปคนเดียว” นั่นคือสิ่งที่เธอเขียนตอบกลับมา หลังจากที่ผมเห็น ผมรู้สึกผิดหวัง อารมณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้วของผมมันยิ่งแย่ลงไปอีก
ผมตอบกลับเธอไป “ถ้าเธอไม่ให้ฉันกลับไปเป็นเพื่อน ก็ไม่เป็นไร ลืมมันไปเสียเถอะ! ฉันก็มีบางอย่างที่ต้องจัดการเหมือนกัน”
เธอถามกลับมา “นายจะทำอะไร? ไปที่ไหนเหรอ?”
“ฉันจะพาเสี่ยวจินกลับไปที่หุบเขามังกร พามันกลับไปเจอกับครอบครัวของมัน” ผมตอบไปตามตรง
มู่จือเขียนกลับมาด้วยความเป็นห่วง “การเดินทางไปหุบเขามังกรนั้นอันตรายมากเลยนะ นายน่าจะชวนหม่าเคอไปเป็นเพื่อนนายด้วยนะ แล้วถ้านายส่งเสี่ยวจินกลับแล้ว นายก็จะไม่มีสัตว์เวทย์คอยช่วยแล้วนะ”
ผมเขียน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เสี่ยวจินแค่ต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวของมัน ส่วนหม่าเคอช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างหรอก ฉันไม่อยากจะรบกวนเขานัก การเดินทางครั้งนี้ไม่น่าจะอันตรายมากนัก ฉันเดินทางคนเดียวได้ สบายมาก”
เธอยังเขียนมาถามผมอีก “นายไม่พอใจฉันเหรอ?”
ผมเขียนตอบ “ไม่นี่! ทำไมฉันต้องไม่พอใจด้วย?”
“แล้วทำไมช่วง 2-3 วันนี้นายทำเป็นไม่สนใจฉันเลย” เธอยังเขียนมาถามไม่หยุด
ผมเขียนไปตามตรง “เธอก็น่าจะรู้ว่าเพราะอะไร เธอบอกฉันได้มั้ยว่าทำไมเธอถึงไม่เปิดใจยอมรับฉันเสียที ทั้งที่ฉันสารภาพความในใจของฉันไปให้เธอหมดแล้ว?”
คราวนี้เธอเงียบไปนานมาก ก่อนที่จะเขียนตอบกลับมา “จางกง ตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะที่ลำบากใจมากจริง ๆ นะ นายช่วยหยุดถามฉันก่อนได้มั้ย? ได้โปรดเถอะ! ถ้าสวรรค์ตั้งใจจะให้พวกเราอยู่ด้วยกัน นายจะรู้เรื่องพวกนี้เองในอนาคต นายยังจำเรื่องที่นายเขียนในจดหมายฉบับที่ 100 นั่นได้ใช่มั้ย? ฉันเหมือนเด็กสาวในเรื่องนั้นนั่นแหละ และฉันรักนายหมดหัวใจ แต่นายจะรอฉันได้มั้ย?”
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่จือตอบออกมาตรง ๆ แบบนี้ มันทำให้ผมดีใจ ผมรีบเขียนตอบกลับไป “แน่นอน ฉันรอเธอได้แน่ แล้วจะตั้งใจรอด้วย จะไม่มีการสั่นคลอนใด ๆ เกิดขึ้นกับฉันอย่างแน่นอน ฉันจะไม่กดดันเธอแล้ว แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ฉันรอนานนัก ฉันไม่อยากรอจนถึงวันที่ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะกอดเธอ”
หลังจากที่อ่านข้อความของผม หน้าของเธอแดงขึ้น มองหน้าผม ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วเธอก็เขียนมาอีก “นายนี่มันเกินจะทนจริง ๆ! วันนี้เราไปกินข้าวกลางวันด้วยกันนะ”
ผมอ่านแล้วพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้เขียนอะไรตอบไปอีก ตอนนี้ผมรู้สึกดีขี้นมาก ผมว่าผมกับมู่จือเข้าใจกันมากขึ้นอีกขั้นแล้ว
และเป็นเธอที่ยังไม่หมดเรื่องที่จะคุย เธอยังส่งกระดาษมาอีกครั้ง “อันที่จริง ไหสุ่ยนั้นเหมาะสมกันกับนายที่สุดแล้ว นายไม่ควรจะทำให้เธอเจ็บปวดอีก”
หลังจากอ่านสิ่งที่เธอเขียนมาครั้งนี้ ผมต้องเอนตัวเข้าไปกระซิบเธออย่างไม่เข้าใจ “ถ้าฉันไม่ทำให้ไหสุ่ยเจ็บปวด นั่นหมายความว่าฉันจะต้องทำให้เธอเจ็บปวดแทนนะ!”
มู่จือยิ้ม แล้วส่ายหัว “ทำไมฉันจะต้องเจ็บด้วย ที่บ้านเกิดของฉันมันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายที่มีความสามารถ จะมีภรรยา 2-3 คนนี่”
ผมตอบกลับด้วยความประหลาดใจ “ความรู้สึกของคน ๆ หนึ่งมันสามารถแบ่งได้ด้วยเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะแบ่งความรู้สึกที่ฉันมีให้เธอคนเดียวไปให้คนอื่นอีก ฉันทุ่มเททุกอย่างให้เธอคนเดียว นี่มันไม่ดีใช่มั้ย?” ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอคิดเลย ถึงกับจะแบ่งคนรักให้คนอื่นเนี่ยนะ!