บทที่ 157 – สิ้นสุดความขมขื่น เริ่มต้นใหม่ด้วยความหวานชื่น
“จริงเหรอ? นั่นมันเยี่ยมมาก!” ผมอุทานอย่างตื่นเต้น “ออกไปคุยกันนอกห้องเถอะ ตรงนี้คนเยอะเกินไป” ตอนนี้พวกเรากลายเป็นจุดสนใจของนักศึกษาคนอื่นในห้องไปหมดแล้ว
มู่จือกับผม พาหม่าเคอออกมาหาที่เงียบสงบเพื่อนั่งลงคุยกัน
“หม่าเคอ! ในที่สุดนายก็หายดี! นายไม่รู้หรอกว่าพวกเราเป็นห่วงนายแค่ไหน” มู่จือเอ่ยขึ้นมา
หม่าเคอพยักหน้า แล้วตอบเธอ “ฉันรู้! ไห่เย่วบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว พี่ใหญ่! ขอบคุณพี่มาก ไห่เย่วบอกว่าในที่สุดพวกเราก็สามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาได้”
“นายจะยังพูดถึงการแข่งขันบ้า ๆ นั่นอีกทำไม?” ผมกระแอมออกมา ก่อนจะถามเขา “ฉันอยากรู้เรื่องนายทำให้ไห่เย่วยอมรับนายมากกว่า นายทำได้ยังไง? รีบเล่ามาเดี๋ยวนี้!”
เขาเริ่มหน้าแดง “หลังจากที่ผมได้รับบาดเจ็บ ผมรู้สึกตัวอยู่ไม่มากนักหรอก ส่วนใหญ่มันจะเจ็บเสียมากกว่า ตอนนั้นมันเหมือนกับว่าร่างกายของผมมันจะถูกฉีกออกอย่างนั้นแหละ ผมรู้ว่าพี่เป็นคนช่วยรักษาผมไว้เพราะตอนนั้นผมรู้สึกตัวช่วงสั้น ๆ แต่ก็ไม่ได้นานนัก แล้วผมก็หมดสติไปอีก คราวนี้ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมรู้สึกว่ามีพลังงานเย็น ๆ กระจายเข้ามาทั่วร่างกายของตัวเอง และมันทำให้ความเจ็บปวดค่อย ๆ หายไป ผมนี่รู้สึกเหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้าเลยครับ มันรู้สึกสบายอย่างที่สุด ผมนึกว่านั่นเป็นเพราะผมตายไปแล้ว แต่ตอนที่ผมลืมตาขึ้นมา ผมพบว่าตัวเองยังไม่ตาย และตอนนั้นผมกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเองแล้วด้วย”
“ทำไมนายอยู่ในห้องของนาย?”
“ก็ไห่เย่วกับปู่ของเธอส่งผมกลับไปครับ” เขาอธิบาย ก่อนกล่าวต่อ “ตอนนั้นพวกเขารักษาอาการบาดเจ็บของผมเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วนายไปทำเรื่องไห่เย่วนั่นตอนไหน? นายไปขอคบกับเธอยังไง?” มู่จือถาม
หม่าเคอหน้าแดงเต็มที่แล้ว “มู่จือ! เธอถอยออกไปก่อนก็ดีนะ เรื่องบางเรื่องเธอไม่รู้ก็น่าจะดีกว่า”
“มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่ควรรู้? ฉันก็อยากรู้เรื่องทั้งหมดด้วยนี่” มู่จือไม่ยอมขยับ
เขาต้องกระซิบออกมา “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ชายหญิง เธอแน่ใจแล้วนะว่าอยากจะฟัง?”
ตอนนี้กลายเป็นว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของมู่จือแดงขึ้นมาแทนแล้ว เธอรีบเดินหนีออกไปทันที “พวกนายนี่มันน่ารำคาญทั้งคู่เลย พวกนายพี่น้องไม่มีใครเป็นคนดีเลย!” นี่มันทำให้ผมกับหม่าเคอหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
“เล่าต่อได้แล้ว เกิดอะไรขึ้น?” ผมเร่งเขา
หม่าเคอมองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงลึกลับ “ตอนที่ผมตื่นมา มันมีเลือดอยู่!”
ผมอึ้ง “ที่ไหน?”
เขายิ้มออกมาเหมือนไม่อยากจะยิ้ม “ตรงนี้!” แล้วเขาก็ชี้ลงข้างล่าง ตอนที่เขาเอ่ยออกมา
ผมเหมือนจะนึกอะไรออก “นายหมายความว่า...”
หม่าเคอพยักหน้าให้ผม “ใช่แล้ว! เป็นอย่างที่พี่คิดนั่นแหละ”
ผมกล่าวกับเขาอย่างอิจฉา “นายนี่มันโชคดีเกินไปแล้ว! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมซิงไห่เทียนทำตัวเหมือนกับว่ามันเป็นความลับนักหนา เขาถึงขนาดพูดว่าการรักษาด้วยวิธีนี้เกี่ยวพันกับหญิงพรหมจรรย์ และถามย้ำไห่เย่วอยู่หลายรอบเลย เอ่อ!! แล้วหลังจากนั้นนายทำยังไงต่อ?”
เขากล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเหมือนกัน แต่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ตลอดเลย แล้วผมก็คิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ผมเลยบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ เขารีบให้คนไปเชิญซิงไห่เทียนมาพบที่วังในทันที แล้วเรื่องทั้งหมดก็กระจ่าง พวกเขาจัดแจงเรื่องการแต่งงานของผมกับไห่เย่วขึ้นมาวันนั้นเลย พวกเขาตั้งใจจะให้พวกเราแต่งงานกันทันทีหลังจากเรียนจบ!” หน้าตาของเขาเปลี่ยนเป็นคนที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความสุขแล้ว ตอนที่พูดออกมาใกล้จะจบคำ
“แล้วไห่เย่วยอมแต่งด้วยหรือ?” ผมยังสงสัยอยู่
เขาพยักหน้า “ทันทีที่ผมเดินได้ ผมรีบไปหาเธอที่ตระกูลซิงทันทีเลยครับ ตอนแรกเธอไม่อยากจะเจอผม แต่..ฮ่าฮ่า ผมแกล้งทำเป็นเจ็บขึ้นมาอีก แล้วก็แกล้งล้มลงกับพื้น! เธอรีบวิ่งออกมาช่วยผมจากในห้องเลยล่ะ ผมเลยรีบฉวยโอกาสนี้ทำคะแนนใหญ่เลย จนในที่สุดเธอก็ยอมคุยกับผมดี ๆ เธอบอกว่าเธอเริ่มเปิดใจให้ผมตั้งแต่ที่ผมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเธอนั่นแหละ แล้วก็คิดได้ในที่สุดว่าใครที่เหมาะสมกับเธอจริง ๆ เธอยอมแต่งงานกับผมครับ พี่ใหญ่ ฮ่าฮ่าฮ่า!!”
ผมเขกหัวเขาทันที “ทำตัวดี ๆ หน่อย นายดีใจมากเกินไปแล้ว! ถึงขนาดน้ำลายไหลเลยเนี่ย”
หม่าเคอหัวเราะแก้เขิน “ก็ผมดีใจนี่ครับ! ในที่สุดความพยายามหลายปีก็ได้ผล”
ผมเห็นด้วยกับเขา “ไอ้น้องชาย ในที่สุดนายก็ได้รางวัลจากการที่อดทนมาไม่น้อย ต้องรักษามันเอาไว้ให้ดี ๆ ล่ะ นายถามไห่เย่วหรือเปล่าว่าเธอช่วยนายยังไง?”
หม่าเคอยิ้ม “ถามครับ! แต่เธอหน้าแดงแล้วไม่ยอมตอบ”
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่านายยัง....อืม! ถ้าอย่างนั้นมันก็ยัง..” ผมเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้ว
“เรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะรีบร้อนตอนนี้หรอก ตอนแรกผมก็คิดจะรุกเธอให้เร็ว ๆ อยู่หรอก แต่เธอยังปฏิเสธอยู่ ผมเลยไม่ได้ทำอะไร แค่ตอนนี้เธอยอมให้ผมกอดเธอโดยไม่หนีไปไหน นี่ก็มีความสุขมากแล้วครับ” หม่าเคอรีบพูดขัดก่อนที่ผมจะคิดอะไรเลยเถิดทันที
นี่หม่าเคอก็ทำสำเร็จไปแล้ว ตามจีบสาวมาหลายปี ในที่สุดก็ลงเอยกันได้ด้วยดี ผมรู้สึกดีใจกับเขาด้วยจริง ๆ แต่ผมก็ยังคิดต่อถึงเรื่องของตัวเองกับมู่จือ ว่าเมื่อไหร่มันจะได้ลงเอยอย่างสมบูรณ์เสียทีนะ?
“พี่ใหญ่! พี่คิดอะไรอยู่น่ะ?” หม่าเคอถาม
ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ก่อนจะตอบเขา “ไม่มีอะไร! แค่มีความสุขกับนายน่ะ นายไม่ได้เจ็บตัวอย่างเสียเปล่าเลย”
“นั่นก็ใช่ครับ ผมไม่มีอะไรให้นึกเสียใจเลย ตอนที่ขึ้นไปช่วยเธอ ตอนนั้นผมไม่ได้คิดว่าตัวเองจะรอดเสียด้วยซ้ำ ผมแค่ต้องการช่วยเธออย่างเดียวเท่านั้น แต่สวรรค์ยังเข้าข้างผมอยู่ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมเอาชีวิตของผมไป ยังให้ของขวัญกลับมาเป็นคนรักอีกด้วย”
ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะตบไหล่เขา “วันนี้ไห่เย่วก็มาเรียนใช่มั้ย? เดี๋ยวตอนเที่ยงตามเธอไปกินข้าวที่ภัตตาคารหยกปริ่มน้ำกัน ไปฉลองชีวิตใหม่ของนายกันสักหน่อย แต่ตอนนี้พวกเราควรกลับไปที่ห้องเรียนกันแล้ว!”
หม่าเคอก็รีบลุกขึ้นยืนแล้ว “งั้นผมกลับห้องของตัวเองก่อนแล้วกันครับ แล้วเอาไว้เจอกันตอนเที่ยงนะครับ”
ผมกับมู่จือ ไปเรียกซือหวามาเจอหม่าเคอกับไห่เย่วในตอนเที่ยงด้วย ท่าทางของไห่เย่วตอนนี้คือหน้าแดงและก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอด ไม่ยอมสบตากับพวกเราเลย แน่นอน! เมื่อสมาชิกครบแล้ว พวกเราก็พากันไปที่ร้านหยกปริ่มน้ำด้วยกัน
ระหว่างการเดินทางผมอดไม่ได้ที่จะแหย่ไห่เย่ว “หวา! ทำไมเธอหน้าแดงอย่างนั้นล่ะไห่เย่ว? ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย? ไม่สบายหรือเปล่า?”
เธอหน้าแดงกว่าเดิมอีก แต่ยังก้มหน้าอยู่เหมือนเดิมไม่ยอมตอบโต้
หม่าเคอรีบเข้ามาทำหน้าที่ของเขาทันที “พี่ใหญ่! หยุดเลยนะ! อย่าแกล้งเธอเลยครับ”
“อะไร? เดี๋ยวนี้ปกป้องกันขนาดนี้เลยเหรอ?” ผมกับซือหวาหัวเราะ ผมยังหยอกเขาต่อ “ต่อไปนายนี่ต้องกลัวเธอมากแน่ ๆ! ระวังเถอะ เธอต้องข่มนายแน่ ๆ ในอนาคต”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ผมยอมให้เธอหมดนั่นแหละ!” ไห่เย่วหันมาจับมือของเขาไปกุมเอาไว้ แล้วพากันเดินไปด้วยกัน
“ดูพวกเขาสิ ดูเหมาะสมกันดีจริง ๆ! แล้วต่อไปนะ! ฉันก็อยากจะเป็นคนออกคำสั่งนายเหมือนกัน! นายจะยอมมั้ย?” มู่จือเรียกร้อง
นี่มันอะไรกัน? มันมาเข้าตัวผมได้ยังไงเนี่ย? แล้วผมจะตอบยังไงดีล่ะ? ตอบผิดไปได้ลงหลุมแน่ ๆ ผมได้แต่กัดฟันเอาใจเธอไปก่อน “ยอมจ้า! ยอมทุกอย่างเลย! ยอมแน่นอน!”
ลองมาคิดดูให้ดี ๆ ผมไม่ได้มีความสุขอย่างนี้มานานแล้วเหมือนกันนะ หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมากมาย พวกเราสนิทสนมกันมากขึ้น กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากขึ้น อาหารเที่ยงมื้อนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศอันแสนสุขจริง ๆ