บทที่ 105 คำแนะนำทิศทาง
บทที่ 105 คำแนะนำทิศทาง
.
ตามความเข้าใจของซูฉางซิงในเกมวันโลกาวินาศนี้ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือผู้ที่สูญเสียคุณสมบัติในการเล่นเกมไปแล้ว ยกเว้นคนอย่างหวงเปียวที่มีความสามารถในการรักษาตัวเองที่แข็งแกร่ง
ดังนั้นถ้าจะให้พูดอย่างมีเหตุผล การกำจัดผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่งทิ้งไปเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
แต่กลุ่มของหวงเปียวไม่ได้เลือกที่จะทำเช่นนั้น
หวงเปียวยิ้มและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตามประสบการณ์ของผม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมนุษย์ก็ต้องตาย ดังนั้นแม้แต่คนที่ยังไม่ตายก็ต้องตายอยู่ดี”
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงได้ทำตัวเป็นคนโง่?
ซูฉางซิงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย และเข้าใจว่าทำไมหวงเปียวถึงได้สั่งสอนหวงเทาสำหรับความประมาทของเขา และพูดว่า “หลานชายของคุณคงต้องกระอักเลือดแน่ถ้าเขาได้ยินสิ่งที่คุณพูด”
หวงเปียวคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “โดยหลักแล้ว เขาเป็นคนประเภทที่สามารถตายได้ น้องชาย ในความเห็นของผม คุณเป็นหนึ่งในคนที่ตายยาก”
ซูฉางซิงพูดอย่างจริงจัง “ผมเชื่อในวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อโชคลาง อย่างน้อยคนสมัยใหม่ควรเชื่อในวิทยาศาสตร์”
แสงทอดเงาเป็นคลื่นบนโต๊ะผ่านหน้าต่างที่แตกราวกับสายน้ำไหลริน มันทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ
หวงเปียวพูดอย่างโง่เขลา “ผมเคยเชื่อในวิทยาศาสตร์ แต่ตอนนี้…”
“แล้วแผนการต่อไปของคุณล่ะ? จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณจะอยู่ที่นี่ ตราบใดที่คุณอยู่ คุณจะเป็นผู้นำอันดับสองของเรา แต่ถ้า… อืม ถ้าคุณต้องการเป็นอันดับหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้”
เมื่อพิจารณาจากเหตุผลต่างๆ หวงเปียวจึงได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ท้ายที่สุด การเอาตัวรอดก็เป็นกฎเหล็กข้อแรก
จากมุมมองของหวงเปียว ถ้าซูฉางซิงอยู่ที่นี่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความน่าจะเป็นที่กลุ่มของพวกเขาจะรอดชีวิตนั้นจะสูงขึ้นมาก
เป็นคำพูดที่กะทันหันมาก
ซูฉางซิงคิดอย่างรอบคอบและตระหนักได้ว่า หวงเปียวควรตัดสินว่าเขาคือ ‘เด็กโชคดี’ เพราะถ้านับเวลาตั้งแต่เขาเข้าไปในบริษัทโล่เทพเจ้า จนถึงเวลาที่ประกาศโลกถูกโพสต์ ไทม์ไลน์นั้นตรงกันพอดี
สิ่งนี้จะไม่ทำให้ผู้คนสงสัยได้อย่างไร?
เพียงแต่หวงเปียวไม่สามารถชี้ชัดได้เท่านั้น
จิตใจของหวงเปียวซับซ้อนกว่าที่ซูฉางซิงจินตนาการไว้ หรืออาจเป็นเพราะหวงเปียวคิดมากเกินไป แต่ก็สอดคล้องกับลักษณะของผู้นำ
“นั่นไม่จำเป็น และ…” ซูฉางซิงหยุดไปชั่วขณะและพูดต่อไปว่า “การปรับปรุงคุณสมบัติในร้านค้าลึกลับ อาจมีความสำคัญมากกว่าที่คุณคิด ดังนั้นหากคุณต้องการเอาชีวิตรอดจากเกมวันโลกาวินาศ คุณต้องไปที่ร้านค้าเพื่อแลกรับการปรับปรุงคุณสมบัติ”
รูม่านตาของหวงเปียงแคบลงทันที ด้วยตระหนักดีว่านี่เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก การปรับปรุงคุณสมบัติของร้านค้าลึกลับนั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับการเป็นสิ่งมีชีวิตไม่ธรรมดา
ซูฉางซิงเงียบไปชั่วครู่ สูดลมหายใจเข้าลึกและพูดว่า “แม้ว่าการออกไปข้างนอกตอนกลางคืนจะอันตรายเกินไป แต่วันนี้เป็นเวลาที่ร้านค้าลึกลับจะรีเฟรช จึงเป็นโอกาสที่ดีหากคุณจะมองหาร้านค้าลึกลับ”
ซูฉางซิงคิดอยู่ชั่วครู่และพูดต่อไปว่า “ผมคิดว่าอีกห้าวันข้างหน้าจะมีความสำคัญมาก แม้ว่าจะมีการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ผมยังคงแนะนำให้คุณนำทีมออกไปค้นห้าร้านค้าลึกลับในวันนี้”
หวงเปียวชำเลืองมองซูฉางซิงแล้วถามว่า “แล้วคุณล่ะ?”
ซูฉางซิงคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ผมจะหลีกเลี่ยงการกระทำที่ต้องอยู่กับคุณตามลำพัง แต่ผมสามารถให้คำแนะนำกับคุณได้”
หวงเปียวถามด้วยความสงสัย “คำแนะนำ?”
ซูฉางซิงเคาะโต๊ะด้วยนิ้วชี้ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง คำแนะนำทิศทาง คุณควรเข้าใจว่าการค้นหาที่ตั้งร้านค้าลึกลับเป็นสิ่งที่ยากที่สุด”
“จริงเหรอ?” หวงเปียวตกใจและพูดว่า “ให้ตายเถอะ น้องชาย คุณนี่มันผิดปกติจริงๆ สามารถตรวจจับตำแหน่งของร้านค้าลึกลับได้ด้วย”
ซูฉางซิงพูดอย่างใจเย็น “ก็ประมาณนั้น แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญ เป็นเพียงการรับรู้เท่านั้น”
หวงเปียวใช้ฝ่ามือบังครึ่งใบหน้า และจมดิ่งอยู่ในความคิด ประกายในดวงตาดูสว่างเป็นพิเศษในห้องมืด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตบโต๊ะอย่างแรงและพูดอย่างร่าเริง “ถ้าเป็นแบบนี้ ผมก็มีความมั่นใจมากขึ้น ให้ตายเถอะ ผมจะต่อสู้อย่างหนักและหาคะแนนให้เยอะๆ”
ซูฉางซิงเห็นความประมาทที่เกิดขึ้นของหวงเปียว และกระแอมเตือน “แค่ทำในสิ่งที่คุณทำได้ก็พอ ยังมีเวลาเหลือให้เวลากับตัวเองเถอะ”
หวงเปียวแสดงสีหน้าว่าเข้าใจ และพูดอย่างลึกซึ้งว่า “จริงๆแล้ว ผมมักรู้สึกว่าเรากำลังจะตาย พวกเราทุกคนกำลังจะตาย แต่ผมคิดว่าเรายังสามารถเลือกวิธีตายของเราได้”
ซูฉางซิงลูบหน้าผากและพูดว่า “นี่เป็นแนวคิดที่คุณถูกปลูกฝังตอนเป็นทหารใช่ไหม?”
หวงเปียวคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ก็ประมาณนั้น ผมไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ แต่ตอนอยู่ในกองทัพผมได้เรียนรู้มากมาย”
……
เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงที่ทั้งสองคนคุยกันอย่างเต็มที่อยู่ภายในห้อง ทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะ และมิตรภาพก็ยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น
ตอนที่ซูฉางซิงเดินออกจากห้องก็พบว่า จูซินเสวี่ยได้จากไปแล้ว เธอได้รับมอบหมายให้ทำงานบางอย่าง ไม่มีใครในกลุ่มที่เป็นระเบียบที่ว่างงาน
ในห้องโถงมีคนอยู่น้อยมาก มีเพียงไม่กี่คนที่พักผ่อนอยู่ที่นี่
ซูฉางซิงพบเก้าอี้อยู่ตรงมุมห้อง เขานั่งลงวางมีดเหล็กไว้ข้างๆตัว และหลับตาลง เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดทางจิตใจอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เนื่องจากท่าทางที่ดุร้ายของเขา จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยด้วย ซูฉางซิงมีความสุขที่ได้พักผ่อน
ไม่นานหลังจากนั้น จูเหวินหวู่ที่ร่างกายเปื้อนไปด้วยฝุ่นได้กลับมาจากข้างนอกพร้อมกับดาบยาวในมือ เมื่อเห็นซูฉางซิง เขาก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าประหลาดใจ และพูดว่า “พี่ใหญ่ซู พูดตามตรง ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะรอดออกมาจากสถานที่น่ากลัวนั่นได้”
ซูฉางซิงค่อยๆลืมตาขึ้นและพูดด้วยความโมโหว่า “นี่คุณคิดมาตลอดว่าผมจะตายอยู่ข้างในนั้นใช่ไหม”
จูเหวินหวู่ยักไหล่ที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล ริมฝีปากซีดแตกของเขา ยกยิ้มอย่างเขินอาย
“หะ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น เหตุผลหลักเป็นเพราะสถานที่นั้นแปลกเกินไป แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ พี่ใหญ่คราวนี้คุณวางแผนที่จะอยู่กับเราไหม?”
ซูฉางซิงคิดว่าจูเหวินหวู่คงไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลานาน เขาจึงยื่นขวดน้ำดื่มให้ และพูดว่า “ก็ประมาณนั้น เห็นคุณกลืนน้ำลาย น่าจะหิวน้ำมาก ดื่มน้ำสักหน่อยสิ”
จูเหวินหวู่เช็ดเลือดสีดำที่มือบนเสื้อผ้า แล้วยื่นมือรับขวดน้ำ และพูดอย่างอายๆว่า “ขอบคุณครับพี่ใหญ่”
แต่เขาไม่ได้ดื่มมากนัก แค่จิบไปเพียงครั้งเดียวแล้วก็หยุด และพร้อมจะคืนขวดน้ำดื่มให้ซูฉางซิง
ซูฉางซิงคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดว่า “มันเป็นรางวัลของคุณสำหรับการนำทางก่อนหน้านี้”
จูเหวินหวู่เลียริมฝีปากที่เปียกชื้นและพูดเบาๆว่า “ขอบคุณครับ พี่ใหญ่”
เขารู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย น้ำดื่มมีค่ามากในปัจจุบัน และมีค่ามากกว่าชีวิตมนุษย์ ซึ่งทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าความรู้สึกของการส่งถ่านกลางหิมะได้ทันท่วงทีนั้นเป็นอย่างไร
ซูฉางซิงหลับตาลง เม้มปากและพูดว่า “ไม่มีอะไรต้องขอบคุณ นี่เป็นแค่ข้อตกลงอย่างยุติธรรม และเป็นสิ่งที่คุณควรได้รับ”
จูเหวินหวู่พยักหน้าและพูดว่า “งั้นผมไปก่อนนะ หัวหน้าหวงบอกว่ามีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรา และบอกว่ามันจะเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่”
หนุ่มหน้าขาวผิวพรรณดีรูปร่างผอมบางที่นั่งอยู่ข้างๆ มองไปยังจูเหวินหวู่ที่กำลังจะจากไป จากนั้นก็มองไปยังซูฉางซิงที่นั่งหลับตาพักผ่อน แล้วเลียริมฝีปากที่แห้งผากและครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
จากนั้นเขาก็เดินไปหาซูฉางซิง แล้วกุมมือโค้งคำนับและพูดอย่างจริงจังว่า “พี่ใหญ่ ผมก็กระหายน้ำเหมือนกัน”
ซูฉางซิงลืมตามองไปที่เขา แล้วเลิกคิ้วขึ้นและพูดเบาๆว่า “ไปซะ”
“ครับ พี่ใหญ่”
ชายหนุ่มจากไปด้วยความโกรธ แต่เขาไม่ได้ผิดหวัง นี่เป็นเพียงการลองพยายามทำดูเท่านั้น
แม้ว่าซูฉางซิงจะอยู่เงียบๆที่มุมห้อง แต่ชื่อเสียงของเขาก็แพร่กระจายไปทั่วสถานที่ชุมนุมอย่างเงียบๆ
สำหรับผู้มาใหญ่จะบอกกันว่ามีชายนิสัยดุร้ายมาอยู่ในสถานที่ชุมนุม
แต่สำหรับคนเก่าจะบอกกันว่าชายผู้โหดเหี้ยมคนนั้นกลับมาแล้ว