ตอนที่ 241 เงาควัน
ตอนที่ 241 เงาควัน
ศิษย์ส่วนใหญ่ภายในสำนักยังไม่รู้ว่าการประลองที่ดูเหมือนธรรมดาในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ชี้ชะตากรรมของสำนัก ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาได้พ่ายแพ้พวกเขาก็จำเป็นจะต้องมอบดาวนิรนามให้กับสำนักเหมันต์สวรรค์ และพวกเขาก็จะถูกบังคับให้ออกจากดาวดวงนี้ที่เปรียบเสมือนกับบ้านของตัวเอง
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายถึงการที่พวกเขาสูญเสียฐานที่มั่นไปเท่านั้น แต่มันยังกระทบกับชื่อเสียงของสำนักเงาสังหารอย่างรุนแรง ซึ่งถ้าหากว่ามันได้เกิดกรณีนั้นขึ้นจริง ๆ สำนักเงาสังหารก็อาจจะสูญหายไปตลอดกาล
เงากระเรียนยืนขึ้นด้วยท่าทางสง่างามทำให้ทุกคนเงียบเสียงของตัวเองลงในทันที
ชายชราส่งเสียงกระแอมขึ้นมา 2-3 ครั้งก่อนที่เขาจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเหมันต์สวรรค์และสำนักเงาสังหาร หลังจากนั้นเงากระเรียนก็ได้พูดถึงกฎการแข่งขันและบทลงโทษสำหรับผู้ทำผิดกฎ ก่อนที่เขาจะกลับไปนั่งยังที่นั่งของตัวเอง
แม้ภายนอกเงากระเรียนจะยังคงมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ภายในหัวใจของเขากลับรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
เหล่าบรรดาศิษย์ของสำนักเงาสังหารต่างก็ปรบมือหลังจากที่เจ้าสำนักของตัวเองได้พูดจนจบ โดยในตอนนี้ทุกคนต่างก็มีความคาดหวังว่าพวกเขาจะสั่งสอนบทเรียนให้กับสำนักเหมันต์สวรรค์ที่กล้ามาหยามหน้าถึงถิ่นของพวกเขา
เงาสูญนั่งขัดสมาธิบนต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากสนามประลอง โดยดวงตาของเขายังคงหม่นหมองและศีรษะของเขาก็ส่ายไปส่ายมาราวกับว่าเขาไม่พอใจเรื่องทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ขณะนั้นชายชราก็ทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นยืนก่อนที่เขาจะล้มเลิกความคิดและกลับไปนั่งขัดสมาธิบนต้นไม้ต่อไป
ทันทีที่เงากระเรียนประกาศเริ่มต้นการแข่งขัน ฟางหยวนก็เดินไปยังลานประลองก่อนที่เขาจะชกหมัดขวาเข้าใส่ฝ่ามือซ้ายจนก่อให้เกิดเสียงดังคล้ายกับเสียงตีกลอง
การกระทำของชายอ้วนในครั้งนี้ทำให้เหล่าศิษย์ของสำนักเงาสังหารรู้สึกไม่พอใจอีกครั้ง และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าฟางหยวนเป็นนักสู้ที่ทรงพลัง แต่ทุกคนก็มองไปยังชายอ้วนด้วยสายตาแห่งความเกลียดชังไม่ได้มีร่องรอยแห่งความเคารพแฝงอยู่ในแววตาของพวกเขาเลย
เมื่อผู้ท้าชิงได้ทำท่าทางท้าทายทุกคนอย่างซึ่ง ๆ หน้าแล้ว ชายหนุ่มผู้มีใบหน้ากลมโตเหมือนแตงโมก็กระโดดขึ้นไปบนลานประลอง
หลังจากนั้นหน้าจอก็แสดงข้อมูลของผู้ที่อยู่บนเวที โดยชายอ้วนจากทางฝั่งสำนักเหมันต์สวรรค์มีอายุเพียงแค่ 19 ปี ขณะที่ชายหัวแตงโมจากฝั่งสำนักเงาสังหารมีอายุ 20 ปี
พยูนที่อยู่ข้าง ๆเซี่ยเฟยได้บอกข้อมูลเพิ่มเติมแก่ชายหนุ่มว่าชายผู้มีหัวเหมือนแตงโมคนนี้คือศิษย์ชั้นนำในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่ของสำนัก โดยเขาได้รับการตั้งชื่อว่าเงาควันเนื่องมาจากเขามีพลังพิเศษเป็นการเรียกควันและสามารถลอบโจมตีภายในกลุ่มควันของเขาได้
แต่ในความคิดของเซี่ยเฟยถึงแม้พลังพิเศษในการสร้างควันจะเหมาะสมสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด แต่ควันเพียงแค่นี้ก็ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับนักสู้ระดับสูงได้ เพราะท้ายที่สุดนักสู้ระดับสูงได้พึ่งพาประสาทสัมผัสทั้งหก แต่กลุ่มควันที่สร้างขึ้นมาสามารถปิดบังได้เพียงแค่ประสาทสัมผัสทางด้านการมองเห็นอย่างเดียวเท่านั้น
เซี่ยเฟยสามารถคาดเดาได้อย่างรวดเร็วว่าชายหัวแตงโมจะต้องเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ แต่เขาก็พยายามจินตนาการว่าฟางหยวนจะจัดการกับชายหัวแตงโมคนนี้อย่างไร
เมื่อการประลองได้เริ่มต้นขึ้นชายหัวแตงโมก็เริ่มปล่อยควันปกคลุมพื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร ซึ่งควันพวกนี้มีทั้งกลิ่นเปรี้ยวและกลิ่นเหม็นคล้ายกับควันที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานสารเคมี
เซี่ยเฟยมองเห็นไม่ชัดว่าชายหัวแตงโมปล่อยควันออกมาจากตรงไหน แต่หลังจากที่เขาได้กลิ่นควันเขาก็เริ่มสงสัยว่าชายคนนี้ได้ปล่อยควันออกมาจากก้นของเขาหรือเปล่า
ตูม!
เสียงปะทะดังกึกก้องขึ้นมาจากในกลุ่มควันก่อนจะมีร่างชายคนหนึ่งกระเด็นออกมาอย่างรุนแรง โดยทั่วทั้งตัวของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีน้ำเงินทำให้มีบาดแผลพุพองเกิดขึ้นทั่วทั้งร่างกาย
เห็นได้ชัดว่าร่างของชายคนนี้ไม่มีทางเป็นฟางหยวน เพราะร่างของเขาไม่ใช่ร่างของชายอ้วนเลยเว้นแต่ว่าฟางหยวนจะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างฉับพลัน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถมีร่างเล็กเช่นนี้ได้
ร่างของเงาควันปลิวโค้งไปตกอยู่ท่ามกลางศิษย์ของสำนักเงาสังหาร ซึ่งศิษย์บริเวณนั้นก็รีบยื่นมือออกไปแตะจมูกเงาควันด้วยความตื่นตระหนก
“เขาไม่หายใจ!”
“เงาควันตายแล้ว!!”
ศิษย์ผู้ตรวจชีพจรของเงาควันส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ
ไม่กี่วินาทีก่อนเงาควันยังมีชีวิตอยู่เลย แต่ในวินาทีต่อมาร่างของเขากลับเสียชีวิตท่ามกลางศิษย์ของสำนัก
ยิ่งไปกว่านั้นเงาควันยังเป็นตัวแทนของสำนักเงาสังหาร แต่เขากลับถูกฟางหยวนสังหารภายใต้การเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว ดังนั้นนอกเหนือจากความโกรธที่ปะทุขึ้นภายในใจของเหล่าศิษย์ทั้งหลายแล้ว มันยังมีความอับอายอยู่ภายในใจของศิษย์พวกนี้ด้วย
ในเวลาเดียวกันเงากระเรียนก็กำลังใช้มือเคาะโต๊ะเพื่อบรรเทาอารมณ์ที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รู้สึกติดใจเรื่องที่เงาควันสูญเสียชีวิตเลย เพราะในการต่อสู้ของนักฆ่ามันเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตอยู่แล้ว
เซี่ยเฟยไม่ได้รู้สึกสนใจเรื่องการเสียชีวิตของเงาควันเช่นเดียวกัน แต่เขารู้สึกสงสัยในพลังของฟางหยวนมากกว่า
หากตัดสินจากเปลวไฟบนร่างของเงาควัน มันก็แสดงว่าชายอ้วนคนนั้นน่าจะมีความสามารถในการปล่อยไฟ แต่ทำไมเปลวไฟที่เขาได้ปล่อยออกมามันถึงเป็นเปลวไฟสีน้ำเงิน นี่คือเรื่องที่ชายหนุ่มไม่เข้าใจ
ระบบระบายอากาศในสนามประลองเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อทำการดูดควันที่เงาควันได้ปล่อยออกมา ขณะที่ร่างของเงาควันได้ถูกหามออกไปโดยศิษย์ของสำนักทำให้สนามประลองกลับคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนยืนอยู่บนลานประลองด้วยความเบื่อเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยสายตาที่ยั่วยุ เพราะท้ายที่สุดดาบเล่มใหญ่ข้าง ๆ ชายหนุ่มก็สามารถดึงความสนใจของเขาไปได้มากที่สุด
เซี่ยเฟยอยากจะต่อสู้กับฟางหยวนเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาไม่ได้รับสิทธิ์ให้ทำการเคลื่อนไหว ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงแค่คนนอกที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของสำนัก มันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เขาจะนั่งดูอยู่ตรงนี้เฉย ๆ
“ฉันฝากดาบเล่มนี้เอาไว้หน่อยนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เซี่ยเฟยหันไปพูดกับพยูน
พยูนเป็นคนซื่อ ๆ ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยบอกว่าเขาจะไปเข้าห้องน้ำเด็กหนุ่มก็รีบชี้ทางไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กอดดาบอีวีสเซอเรทเอาไว้ภายในอ้อมแขน เนื่องจากกลัวว่ามันจะมีใครมาฉกฉวยดาบเล่มนี้ของเซี่ยเฟยไป
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินออกไปข้างนอกตามทางเดิน ทางเข้าสู่สนามประลองมีทั้งสิ้นสี่เส้นทาง ซึ่งร่างของเงาควันก็ถูกคลุมด้วยผ้าขาวทิ้งไว้ในเส้นทางที่ชายหนุ่มกำลังมุ่งหน้าไป
ชายหนุ่มยกผ้าขาวเพื่อสำรวจศพของเงาควัน แล้วมันก็โชคดีที่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เลย เพราะทุกคนต่างก็กำลังรอคอยการต่อสู้ในรอบที่ 2
“ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ เห็นได้ชัดเลยว่าร่างของเขาได้รับความเสียหายจากเปลวไฟ แต่ทำไมอวัยวะภายในร่างของเขาถึงถูกทำลายไปด้วย?” อันธอุทานขึ้นมาอย่างสงสัย
“ฉันกำลังคิดว่าเงาควันไม่ได้เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยเปลวไฟ” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันจะเป็นไปได้ยังไง? นายก็น่าจะเห็นไฟสีน้ำเงินที่ลุกท่วมตัวของเงาควันตอนที่ร่างของเขากระเด็นออกมา” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอว่าทำไมเปลวไฟที่ลุกท่วมร่างของเขาถึงมีสีน้ำเงิน” เซี่ยเฟยกล่าว
“แปลกสิ ปกติเปลวไฟมันควรจะเป็นสีแดง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเปลวไฟอันนี้มันถึงเป็นสีน้ำเงิน” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยายามมองสำรวจไปรอบ ๆ ศพเพื่อหาร่องรอยการโจมตีของฟางหยวนเพิ่มเติม
ผิวหนังส่วนใหญ่ของเงาควันไหม้เกรียมจนกลายเป็นสีดำ แต่ที่น่าแปลกคือแม้แต่อวัยวะภายในของเขาก็ยังถูกเผาไหม้ไปด้วย ราวกับว่าเปลวไฟสีน้ำเงินอันแปลกประหลาดสามารถแทรกซึมเข้าไปภายในร่างกายของเงาควันได้
ในความเป็นจริงเงาควันได้สวมใส่ชุดต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สามารถเดินเข้าไปท่ามกลางเปลวไฟปกติได้เลย แต่ภายในระยะเวลาเพียงแค่สั้น ๆ ร่างของเขากลับถูกเผาไหม้ทั้งภายในและภายนอก
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีร่องรอยการโจมตีอยู่เพียงแค่บนหน้าอก ส่วนชุดต่อสู้ในบริเวณอื่น ๆ ก็ไม่มีรอยบุบเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็พยักหน้าพร้อมกับแววตาที่เป็นประกาย ก่อนที่เขาจะได้กล่าวขึ้นมาอย่างจริงจังว่า
“ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วว่าฟางหยวนโจมตียังไง”
***************