(ฟรี) ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 90 บันทึกจ้าวเมือง
เมืองกุเวรคือเมื่องที่รุ่งเรืองอย่างมากในอาณาเขตนิกายกระบี่ล่องนภา เหล่าพ่อค้าทั่วทั้งอาณาจักรนภาสวรรค์ต่างก็เขามาค้าขายที่นี่และเพราะจ้าวเมือง ผู้เป็นยอดฝีมือขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์ เมืองกุเวรนี้จึงมีแต่ความสงบ
เหตุผลที่เมืองนี้สงบสุขเช่นนี้ เป็นเพราะจ้าวเมืองกุเวรผู้นี้ได้ยกระดับเมืองของตนจากเมืองธรรมดาทั่วไปให้กลายเป็นเมืองการค้าในอาณาจักนภาสวรรค์ได้ ทำให้ผู้คนในเมืองต่างชื่นชมและหวั่นเกรงเขา
มีผู้คนคิดว่าเจ้าเมืองกุเวรเป็นร่างอวตารของเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ความมั่งคั่งของพวกเขาเทียบเท่ากับกองกำลังอาณาจักรนภาสวรรค์เสียด้วยซ้ำ แต่นี่ก็เป็นเพียงข่าวลือ… ไม่มีใครที่รู้แน่ชัดว่าจ้าวเมืองกุเวรนี้มั่งคั่งมากเพียงใด
เซวียนห่าวอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดเมืองกุเวรที่มั่งคั่งเสียเพียงนี้ แต่ก็ยังล่มสลายได้
“นี่มัน...” เมื่อเซวียนห่าวลงมายังเมืองนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
เมืองกุเวรเป็นเมืองที่มั่งคั่งสมคำร่ำลือเสียจริง ที่นี่มีอาคารที่สวยงามนับไม่ถ้วนรายล้อมรอบหอคอยใหญ่ใจกลางเมือง
แม้จะมีบางส่วนที่ล่มสลาย แต่เซวียนห่าวก็ยังตระหนักถึงความมั่งคั่งในอดีตของพวกเขาได้
“ศพของผู้คนอยู่ที่ใดกัน?” เมื่อเซวียนห่าวเดินไปเรื่อย ๆ เขาก็ยังไม่เห็นศพของผู้คนแม้แต่ศพเดียว เมืองนี้ช่างว่างเปล่าจนหน้าขนลุก
‘ไม่มีร่องรอยของโรคระบาดแม้แต่น้อย มีเพียงร่องรอยของการต่อสู้เพียงเท่านั้น หรือว่าจะเกิดการต่อสู้ที่เมืองนี้...’
เมื่อเซวียนห่าวเดินสำรวจรอบ ๆ เมืองกุเวร เขาก็ไม่พบสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย
เซวียนห่าวบินเข้าไปยังหอคอยใหญ่ที่อยู่กลางเมือง นี่คือตำหนักจ้าวเมือง เขาเข้าไปในตำหนักจ้าวที่ถูกทำลายด้วยสีหน้าที่หวาดระแวง
เมื่อเซวียนห่าวเข้าไปยังตำหนักจ้าวเมือง เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดที่วนเวียนอยู่ในที่แห่งนี้ เขาคาดว่าจ้าวเมืองกุเวรจะได้ต่อสู้กับเหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดนี้
“ข้าคิดว่าจ้าวเมืองผู้นี้มิใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ทั่วไปเสียแล้ว... เป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนตัวจากอาณาจักรนภาสวรรค์!” เมื่อเซวียนห่าวสัมผัสถึงกลิ่นอายนี้ แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดของเหล่ายอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดเหล่านี้ก็ยังเป็นถึงขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้น 8
หากเซวียนห่าวคาดเดาไม่ผิด จ้าวเมืองกุเวรอาจเป็นยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งมากหรือไม่ก็ยอดฝีมือขอบเขตราชันครึ่งก้าว!
เมื่อเซวียนห่าวเดินไปเรื่อย ๆ เขาก็สงสัยมากขึ้นว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น
โรคระบาดที่คาดว่าจะทำลายเมืองกุเวร นั้นอยู่ในหอคอยนี้ แต่มันไม่ได้อยู่ในร่างของผู้คน… ในหอคอยนี้มีขวดและลูกแก้วที่บรรจุเหลวสีเขียวไว้ข้างใน
เมื่อเซวียนห่าวหยิบขวดเหล่านั้นขึ้นมาตรวจสอบ เขาก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อบ ดูเหมือนว่าสิ่งที่จ้าวเมืองกุเวรกำลังทำนั้น มันได้ไปทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังโรคระบาดขุ่นเคือง แต่เซวียนห่าวก็ต้องงงงวยอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าจ้าวเมืองนั้นทำสิ่งใด
แต่จากสิ่งที่เขารู้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่ได้มาจากอาณาจักรนภาครามหรือนิกายมารเช่นนิกายนวาระทมิฬ
เพราะหากพวกเขามียอดฝีมือที่ทรงพลังเช่นนี้ เหตุใดพวกเขาจึงต้องใช้โรคระบาดให้เสียเวลาเปล่า
“หืม?” เมื่อเซวียนห่าววางขวดนั้นลง เขาก็พบเข้ากับสมุดที่ถูกเศษกำแพงปกคลุม
เซวียนห่าวมองไปยังชื่อสมุดนี้
[บันทึกการทดลองหมายเลข 37: โรคระบาดที่เกิดจากพลังศักดิ์สิทธ์จำพวกภัยพิบัติ]
เซวียนห่าวชะงักเล็กน้อยเมื่อจ้องมองไปยังชื่อของสมุดนี้ เซวียนห่าวรู้สึกว่าสิ่งนี้ช่างคล้ายกับวิทยาศาสตร์ในโลกเดิมของเขาอย่างมาก
“จ้าวเมืองกุเวรเป็นนักปรุงโอสถด้วยหรือ?” ทันทีที่เซวียนห่าวมองเห็นชื่อของสมุดนี้ เขาก็คิดได้ทันที
นักปรุงโอสถมักจะจดทุกสิ่งที่พวกเขาทดลองลงไปในสมุด
[โรคระบาดหมายเลข 127 ของเทพเหวินเซินได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรสวรรค์นภา เป็นไปได้ว่านักบุญคนใหม่ของเทพเหวินเซินต้องการที่จะเปลี่ยนให้อาณาจักรนภาสวรรค์หันมานับถือเทพเหวินเซิน เพื่อที่เขาจะได้เลื่อนระดับ]
แม้ว่าจ้าวเมืองกุเวรจะจดไว้อย่างละเอียดเพียงใด เซวียนห่าวก็ยังไม่รู้เรื่องมากนัก
[นักบุญระดับสูงของเทพเหวินเซินได้เพิ่งพบที่ตั้งของที่ทดลองหมายเลข 5 และทำลายมันไปเสียแล้ว]
เซวียนห่าวเก็บสมุนนี้ไว้ เมื่อเขากลับไปยังนิกายกระบี่ล่องนภา เขาจะมอบมันให้กับจ้าวนิกาย เขาคิดว่านักปรุงโอสถในนิกายกระบี่ล่องนภาอาจเข้าใจมัน...
เมื่อเซวียนห่าวมองไปรอบ ๆ เขาก็ถอนหายใจและกลับไปหาเบาะแสดังเดิม
ไม่ว่าโรคระบาดนี้จะเป็นเช่นใด มันก็สร้างหายนะแก่พวกเขาอย่างมากจริง ๆ