บทที่ 996 (117) จี้ช่าวหยินก้าวหน้า(ตอนฟรี)
บทที่ 996 (117) จี้ช่าวหยินก้าวหน้า
หลังจากแยกทางกับหรงซูเยี่ยน จี้เฟิงก็เดินทางกลับทันที แต่เขาไม่คาดคิดว่าหรงซูเยี่ยนกำลังคิดเกี่ยวกับการล่าถอยของตัวเธออยู่แล้ว
ในความเป็นจริง จี้เฟิงไม่เข้าใจในรายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอ และหรงซูเยี่ยนก็เป็นบุคคลที่ทรงพลังคนหนึ่ง ตัวอย่างเช่นคืนนี้ แม้ว่าระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มจะเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงและทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดมาก แต่เธอก็ไม่บ้าคลั่งหรือเสียสติไปกับความโกรธความเสียใจเหล่านั้น
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าหรงซูเยี่ยนเป็นคนที่ทรงพลังเพียงใด!
และที่เธอต้องการจะล่าถอย ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนไม่มีหัวใจ แต่เป็นเพราะเธอผิดหวังในตัวอู๋จื้อเหอมากเกินไป
หากจี้เฟิงรู้ เขาคงตั้งใจมากขึ้นที่จะดึงหรงซูเยี่ยนมาอยู่ฝ่ายเขา หากบุคลากรที่ทรงพลังเช่นนี้หลุดมือไป มันจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!
หลังจากกลับมาถึงบ้าน จี้เจิ้นหัวพ่อของเขาก็ยังไม่กลับมา ตามที่เซียวซูเหม่ยแม่ของเขาบอก พ่อของเขากำลังจัดการกับเหตุฉุกเฉินในกระทรวง
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว โชคดีที่เขาให้พ่อของเขาฝึกยิมนาสติก มิฉะนั้นร่างกายของพ่อจะไม่สามารถรับภาระงานที่หนักหนา ที่มีมาทั้งกลางวันและกลางคืนแบบนี้ได้
เป็นเพราะการมาหยานจิงครั้งนี้เป็นแค่การผ่านทาง จี้เฟิงจึงไม่ได้คิดที่จะอยู่นานและไม่ได้ไปรบกวนผู้อาวุโสจี้
เช้าวันรุ่งขึ้น เขากำลังจะบินกลับไปที่เจียงโจวพร้อมกับจางเล่ยและคนอื่นๆ
ในขณะที่เขากำลังโทรจองตั๋วเครื่องบิน จี้เจิ้นหัวพ่อของเขาก็กลับมาหลังจากที่ไปอยู่ที่ทำงานตลอดทั้งคืน พ่อของเขายังคงดูสง่าผ่าเผยเช่นเคย เพียงแต่มีท่าทีเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นเล็กน้อย เมื่อเห็นเช่นนั้น จี้เฟิงก็รู้สึกเป็นห่วงและอดไม่ได้ที่จะกำชับให้พ่อแม่ของเขาฝึกยิมนาสติกให้มากขึ้น
สำหรับความกังวลของลูกชาย จี้เจิ้นหัวและภรรยาของเขาตกลงรับปากอย่างง่ายดาย บางครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ต้องการอะไรจากลูกๆมากมายนัก แค่คำพูดที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริงก็ทำให้พวกเขามีความสุขไปอีกนาน
“เสี่ยวเฟิง เจ้าจะกลับวันนี้แล้วเหรอ?” จี้เจิ้นหัวที่เพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จเดินมานั่งบนโซฟาและจิบชาร้อน
จี้เฟิงที่กำลังนำอาหารเช้าไปให้พ่อของเขาพยักหน้าและพูดว่า “ครับ มีเรื่องให้จัดการมากมายในเจียงโจว ผมไม่อยากเสียเวลา”
“ความขยันหมั่นเพียรเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องรู้จักแบ่งเวลาให้สมดุลกับการพักผ่อนด้วย” จี้เจิ้นหัวสั่งสอนลูกชาย
เซียวซูเหม่ยที่อยู่ใกล้ๆหน้ามุ่ยและบ่นทันที “คุณยังกล้าสอนเจ้าเด็กคนนี้ในการแบ่งเวลาจากการทำงานมาพักผ่อนอีกรึ? แล้วคุณล่ะ? ดูตาสิ แดงก่ำไปหมด เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือเปล่า? ลูกชายของเรายังหนุ่มยังแน่น อายุเพิ่งจะยี่สิบ เป็นห่วงตัวเองก่อนดีมั้ยตาเฒ่า...”
จี้เจิ้นหัวอดไม่ได้ที่จะมองบน เขามองไปที่ภรรยาของเขาด้วยสายตาขอร้องและกล่าวว่า “ฉันกำลังสอนลูกอยู่ อย่าขัดสิ!”
จี้เฟิงและเซียวหยูซวนที่อยู่ใกล้ๆแอบยิ้มและหัวเราะคิกคักเบาๆ การทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆระหว่างคู่สามีภรรยาอย่างพ่อแม่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตครอบครัว สิ่งที่เรียกว่าความสุขในครอบครัวช่างเกิดขึ้นจากเรื่องที่ธรรมดามากจริงๆ
ในความเป็นจริง มีหลายต่อหลายคู่ที่ทะเลาะและโต้เถียงกันมาตลอดชีวิตคู่ของพวกเขา และเมื่อวันหนึ่งพวกเขาเลิกทะเลาะกัน ต่างคนต่างหันหลังไม่คุยกัน ถึงเวลานั้นอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ยิ่งกว่าตอนทะเลาะกันเสียอีก
“เสี่ยวเฟิง ถ้าเจ้าพอจะเลื่อนเวลาออกไปได้สักวันหนึ่ง พ่อว่าจะให้เจ้าไปหาน้องชายของเจ้า พ่อได้ยินมาจากอาสามของเจ้าว่าตอนนี้เจ้าเด็กนั่นดีขึ้นมากหลังจากที่ได้รับการฝึกฝน ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากทีเดียว!” หลังจากโต้เถียงกับภรรยาของเขาเสร็จ จี้เจิ้นหัวก็หันมาพูดกับลูกชาย
“น้องชายของผม?” จี้เฟิงผงะไปครู่หนึ่ง และตระหนักได้ทันทีว่าพ่อหมายถึงใคร “ไอ้เจ้าจี้ช่าวหยินนั่นน่ะเหรอ?”
“พูดจาให้ดีหน่อย!” จี้เจิ้นหัวตำหนิ “เจ้าเป็นพี่ชาย ดังนั้นเจ้าต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง เจ้าจะเป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไรหากพูดจาให้ดีๆยังทำไม่ได้!”
จี้เฟิงเกาหัวของเขาและยิ้มแห้งๆ “เข้าใจแล้วครับ”
ในความเป็นจริงที่จี้เฟิงเผลอเรียกจี้ช่าวหยินออกมาแบบนั้นเป็นเพราะภาพจำของเขาเกี่ยวกับตัวจี้ช่าวหยินเป็นเพียงเด็กงี่เง่าที่เรียนไม่เก่งอีกทั้งยังตั้งแก๊งเด็กเกเรทำตัวไม่ดีอีกต่างหาก
เมื่อจี้เฟิงมาถึงเจียงโจวเป็นครั้งแรก ทุกคนรู้จักจี้ช่าวหยินในชื่อนายน้อยผู้ชั่วร้ายของตระกูลจี้!
แต่เวลาผ่านไปสองปีเหมือนแค่กะพริบตา ความประทับใจของจี้เฟิงที่มีต่อจี้ช่าวหยินยังคงเหมือนเดิม ดังนั้นเมื่อจู่ๆพ่อของเขาพูดถึงจี้ช่าวหยิน เขาถึงพูดแบบนั้นออกมาโดยอัตโนมัติ
“เขาโตขึ้นแล้วเหรอ?” จี้เฟิงหัวเราะ “เป็นเหล็กที่ถูกหลอมจนร้อนแล้วสินะครับ? ถ้าอย่างนั้นผมจะลองดูว่าเด็กคนนั้นจะจับไปขึ้นรูปเป็นอะไรได้บ้าง!”
ถ้าเขาจะไปเยี่ยมจี้ช่าวหยินที่ค่ายทหาร แน่นอนว่าเขาต้องไปพบกับจี้เจิ้นผิง อาสามของเขาก่อน
ในบรรดาพี่น้องของพ่อเขา ถ้าหากพูดถึงนิสัยใจคอส่วนตัว อาคนโปรดของเขาคืออาคนสุดท้อง อาจี้เจิ้นผิง เขาดูไม่ต่างจากชายหนุ่มคนหนึ่งเลยหากเปรียบเทียบกับจี้เจิ้นหัวและจี้เจิ้นกั๋วพี่ชายทั้งสองคนของเขา อาสามจี้เจิ้นผิงเป็นคนที่มีชีวิตชีวาที่สุดและจี้เฟิงก็รู้สึกเข้าถึงได้ง่ายที่สุดด้วย
แน่นอนว่าการใช้คำว่ามีชีวิตเพื่ออธิบายชายผู้อยู่ในวัยกลางคนนั้นค่อนข้างไม่เหมาะสม แต่ในสายตาจี้เฟิง อาสามจี้เจิ้นผิงเป็นแบบนั้นจริงๆ
...............
สุดท้ายจี้เฟิงก็ไปที่เขตทหารเพียงลำพัง เพราะถ้าเขาพาเซียวหยูซวนไปด้วย มันจะกลายเป็นการเยี่ยมเยียนอย่างเป็นทางการมากขึ้น ซึ่งไม่เหมาะกับโอกาสนี้เท่าไหร่นัก
เมื่อได้พบกับอาสามจี้เจิ้นผิง จี้เฟิงพบว่าเขายังคงดูคล่องแคล่วแข็งแรงเช่นเคย เพียงแต่มีออร่าพิเศษบางอย่าง ดวงตาของจี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเปล่งประกายเมื่อเขาเห็นว่ามันเป็นออร่าของกระแสไฟฟ้าชีวภาพ
“อาสามเรียนยิมนาสติกชุดแรกครบแล้วเหรอครับ?” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
จี้เจิ้นผิงพยักหน้า “ก็ถือว่าครบแล้วล่ะนะ แต่มันยังค่อนข้างยากนิดหน่อยในตอนที่ต้องเคลื่อนไหวทุกท่าในคราวเดียว”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ยิมนาสติกมีประสิทธิภาพที่ดีมากเลยใช่ไหมล่ะครับ?”
“อย่าให้พูด! ยิมนาสติกนี้ ถ้าดูผ่านๆอาจจะไม่มีอะไรพิเศษมากนัก แต่ผลที่ได้นั้นน่าทึ่งจริงๆ!” ทันทีที่จี้เจิ้นผิงพูดถึงสิ่งนี้ เขาก็แสดงความกระตือรือร้นออกมาทันที “เสี่ยวเฟิง กระแสชีวภาพที่เจ้าพูดถึงครั้งล่าสุดคืออะไร? มันมีผลยังไง?”
นับตั้งแต่ที่เขารู้สึกได้ถึงพลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพที่สร้างขึ้นในร่างกายของเขา จี้เจิ้นผิงก็ได้ศึกษามัน แต่เขาพบว่า ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้มันอย่างไร เขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้เหมือนอย่างที่จี้เฟิงทำ
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “อาสาม ผมกะว่ารออีกสักพักผมค่อยบอกตอนอาสามเริ่มฝึกชุดที่สอง แต่ไหนๆอาสามก็พูดขึ้นแล้ว ผมจะบอกว่าอายังทำไม่ได้!”
“เข้าใจแล้ว!”
จี้เจิ้นผิงพยักหน้าและพูดว่า “ตอนนี้มีคนเบื้องบนแสดงความกังวลเกี่ยวกับยิมนาสติกชุดนี้และวางแผนที่จะส่งเสริมมันในอีกหลายๆกองทหาร เจ้าคิดยังไง?”
“ส่งเสริมมัน?”
จี้เฟิงตกใจ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นว่า “อาสาม อาก็ได้เห็นผลของยิมนาสติกชุดนี้แล้ว ขอเพียงแค่ฝึกฝนมันอย่างต่อเนื่องก็เพียงพอแล้วที่จะทำคนธรรมดาให้เป็นยอดฝีมือ ดังนั้นเรื่องแผนการว่าจะเผยแพร่หรือจัดการยังไง ผมไม่ขอก้าวก่ายดีกว่า”
จี้เจิ้นผิงพยักหน้าและพูดว่า “ส่วนตัวฉันคิดเห็นว่าเราสามารถส่งเสริมยิมนาสติกได้ แต่ต้องทำให้ง่ายขึ้นและในขณะเดียวกันก็ต้องเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด จัดการให้เป็นการฝึกที่ไม่ซับซ้อนแต่ต้องเพียงพอที่จะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของทหารแต่ละคนได้หลายเท่า ควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดอย่างเคร่งครัดอย่าให้รั่วไหล แน่นอนว่าฉันกำลังพูดถึงการสร้างยิมนาสติกอีกเวอร์ชันนึงขึ้นมา...”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ จี้เฟิงไม่คิดที่จะเข้าไปแทรกแซง เขาเชื่อว่าอาสามและเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้ตระหนักถึงความสำคัญของยิมนาสติกดี และจะเตรียมการได้อย่างสมเหตุสมผล พวกเขาสามารถพิจารณาถึงปัญหาได้รอบด้านมากกว่าจี้เฟิง
ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่ได้พูดต่อในหัวข้อนี้ แต่บอกถึงเหตุผลการมาว่าเขาอยากมาพบจี้ช่าวหยิน
“ไอ้เจ้าเด็กเวรนั่นทำได้ดีทีเดียวเมื่ออยู่ที่นี่!” เมื่อพูดถึงจี้ช่าวหยิน จี้เจิ้นผิงนั้นมีท่าทีพึงพอใจมาก “ฉันจะให้คนเรียกตัวเขามาที่นี่ เจ้าสองคนก็คุยกันไปก็แล้วกัน!”
ระหว่างที่รอ จี้เฟิงได้รู้จากอาสามว่าจี้ช่าวหยินทำงานได้ดีมากในกองทัพ ดูเหมือนเด็กคนนี้จะเกิดมาเพื่ออยู่ในกองทัพยังไงยังงั้น หลังจากสองปีตั้งแต่เขาเกณฑ์ทหารเข้ามา เขาได้รับเลือกเข้าสู่กองทัพเรดแอร์โรว์ เป็นกองทัพที่มีความเคร่งครัดสูง ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกหรือการใช้เส้นสายใดๆ
“ดูท่าเด็กคนนี้จะมีแววรุ่งทางการทหารจริงๆ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา จี้เฟิงก็ได้เห็นจี้ช่าวหยิน
ไม่ได้เจอกันสองปี จี้ช่าวหยินในตอนนี้ตัวใหญ่และสูงขึ้น เมื่อเขามายืนใกล้ๆจี้เฟิง ดูเหมือนว่าเขาจะสูงกว่าจี้เฟิงหนึ่งถึงสองเซนติเมตร
ร่างกายของเด็กคนนี้ดูแข็งแกร่งมาก เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและพละกำลัง
จี้เฟิงยังสังเกตเห็นอีกว่าจี้ช่าวหยินเองก็ฝึกยิมนาสติกด้วยเช่นกัน และดูเหมือนเขาจะทำได้ดีทีเดียว จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะแอบพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แน่นอนว่าจี้ช่าวหยินเปลี่ยนไปแล้ว และเขาก็ไม่ใช่คุณชายเพลย์บอยเหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไป
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อแม่หลายๆคนกัดฟันเพื่อส่งลูกๆของพวกเขาไปที่กองทัพสำหรับเด็กเกเร ดูเหมือนว่ากองทัพจะเป็นสถานที่สำหรับดัดสันดานคนที่ได้ผลอย่างดีเยี่ยม!
อย่างไรก็ตาม เมื่อจี้ช่าวหยินเห็นจี้เฟิง เขารู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ฉากที่จี้เฟิงหิ้วเขาด้วยมือข้างเดียวและเกือบจะโยนเขาออกจากรถยังคงติดตราตรึงใจเป็นภาพชัด ซึ่งทำให้จี้ช่าวหยินกลัวจี้เฟิงเล็กน้อยในหัวใจ
“ได้ข่าวว่าเป็นผู้เป็นคนขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?” ใบหน้าของจี้เฟิงมืดครึ้มลง “แต่ทำไมนายไม่รู้วิธีที่จะทักทายพี่ชายด้วยซ้ำล่ะ?”
“อ่า.. พี่ชาย พี่สาม สวัสดีครับพี่สาม!” จี้ช่าวหยินหดหัวด้วยความตกใจและรีบทักทายอย่างรวดเร็ว
แต่จี้เจิ้นผิงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เขาตำหนิทันที “ทำไมเจ้าถึงต้องกลัวเขา! ในฐานะทหาร เจ้าไม่ควรแสดงความกลัวเช่นนี้! หรือที่ฝึกมามันไม่ได้ทำให้เจ้าเป็นทหารที่ดีเลย?!”
จี้ช่าวหยินหน้าแดงทันที “รายงานหัวหน้า ผมไม่ได้กลัวครับ!”
จี้เฟิงยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้ายทันทีและพูดว่า “ไอ้เด็กเวร ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ สงสัยต้องโดนสั่งสอนสักทีสองทีถึงจะจำอะไรๆขึ้นมาได้บ้าง!”
“ไม่มีเหตุผล! คุณไม่สามารถทำร้ายคนโดยไม่มีเหตุผลได้!”
จี้ช่าวหยินยืดตัวตรงและเชิดหน้าพูด จากนั้นก็พึมพำเบาๆ “นอกจากนี้ ผมคิดว่าตอนนี้คุณเอาชนะผมไม่ได้...”
“โอ้? ไอ้เด็กนี่ นายคิดว่าได้เรียนรู้เทคนิคบางอย่างในกองทัพ ก็เลยคิดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือแล้วจริงๆ?” จี้เฟิงตะคอกทันที “ออกมากับฉัน แล้วมาดูกันว่าฉันจะสอนบทเรียนให้กับนายยังไง!”
“ได้! ไปพิสูจน์กัน!”
จี้ช่าวหยินกัดฟันแล้วก้าวออกไป “แต่ถ้าคุณแพ้ คุณห้ามรังแกผมอีก!”
จี้เจิ้นผิงเฝ้าดูสองพี่น้องด้วยรอยยิ้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเขานี่แหละที่เป็นคนกระตุ้นให้สองพี่น้องได้ประลองฝีมือกัน
เมื่อมาถึงสนามด้านนอกอาคารสำนักงาน จี้เฟิงและจี้ช่าวหยินยืนเผชิญหน้ากัน
“ไอ้หนู มันยังไม่สายเกินไปหรอกนะที่จะร้องขอความเมตตา!” จี้เฟิงกล่าว
“ไม่มีทาง!” จี้ช่าวหยินเกร็งคอและตะคอก “ข้าคือชายชาติทหาร และเป็นทหารของกองพลเรดแอร์โรว์ ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้!”
“ไม่ยอมแพ้?” จี้เฟิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ดี! งั้นฉันก็จะทุบนายจนกว่านายจะยอมแพ้!”
ทันทีที่พูดจบเขาก็พุ่งตัวเป็นฝ่ายเปิดก่อนทันที
ดวงตาของจี้ช่าวหยินหรี่ลงและจ้องมองการเคลื่อนไหวของจี้เฟิงทันทีพร้อมกับตอบโต้กลับ
พลังของจี้ช่าวหยินไม่ธรรมดาเลย ทั้งพลังและความเร็วมันดีพอที่จะทำให้จี้เฟิงสนใจ
จี้ช่าวหยินมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาสามารถใช้เทคนิคบางอย่างกับจี้เฟิงได้ ถึงแม้จี้เฟิงจะไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทดสอบเขา แต่นี่ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“ตู้ม—!”
จี้เฟิงเตะจี้ช่าวหยินออกไปด้วยการเตะครั้งสุดท้ายของเขา จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้หนู ไม่เลวเลย นายก้าวหน้าขึ้นมากจริงๆ!”
แต่จี้ช่าวหยินที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้แต่ทำหน้าสลด “มันจะมีประโยชน์อะไร ผมยังเอาชนะคุณไม่ได้”
“นั่นเป็นเพราะพี่สามของนายมีวิธีการฝึกที่ดีกว่าน่ะสิ แต่ตราบใดที่เจ้าติดตามเขา เจ้าจะเก่งขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต!” จี้เจิ้นผิงที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆพูดขึ้นและหัวเราะ
“จริงเหรอครับ?!” จี้ช่าวหยินเบิกตากว้าง
แต่จี้เฟิงกลับหันไปมองจี้เจิ้นผิงอาสามของเขาอย่างสงสัย “อาสาม.. ที่อาพูด มันหมายความว่าไง?”
อาสามต้องการให้จี้ช่าวหยินติดตามเขา?
....จบบทที่ 996 ~