ตอนที่ 238 เดิมพัน
ตอนที่ 238 เดิมพัน
แผ่นป้ายบนยอดเขานิรนามคือแผ่นป้ายเกียรติยศที่สมาพันธ์มอบให้กับสำนักเงาสังหาร เนื่องมาจากว่าพวกเขาคือสำนักนักฆ่าอันดับ 1 ของสมาพันธ์อย่างเป็นทางการ
ถึงแม้สำนักของพวกเขาจะอ่อนแอลงทุกวัน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังคงเป็นสำนักนักฆ่าอันดับ 1 ในพันธมิตรมนุษย์อยู่ดี ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ทิ้งเอาไว้ แล้วมันไม่มีทางที่เงากระเรียนจะมอบมันให้กับใครอย่างเด็ดขาด
เงาประกายเงิน, เงารัตติกาลและเงาจันทร์ต่างก็จ้องมองไปยังตงเทียนอย่างไม่พอใจราวกับว่าพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะทำการต่อสู้ได้ทุกเวลา
เงากระเรียนโบกมือให้ศิษย์ทั้งสามอย่าพึ่งทำอะไรโดยวู่วาม เพราะเขารู้ดีว่าการที่ตงเทียนกล้ามายั่วยุเขาถึงสำนักในครั้งนี้ ก็แสดงว่าอีกฝ่ายจะต้องเตรียมการมาเป็นเวลานานพอสมควร
แม้ว่าเงากระเรียนจะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของตงเทียน แต่เขาก็ต้องทำการคิดทุกอย่างอย่างใจเย็น ท้ายที่สุดศึกครั้งนี้ก็ไม่มีช่องว่างให้พวกเขาได้พ่ายแพ้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีหน้าตายไปพบกับบรรพบุรุษของสำนักรุ่นก่อน ๆ
ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เพียงแค่สำนักเงาสังหาร เพราะแม้แต่สมาพันธ์จัสทิสก็คงจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ หากมีใครกล้ามาหยามหน้าพวกเขาถึงถิ่น เนื่องจากเรื่องนี้เปรียบเสมือนกับกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ ซึ่งการกระทำของตงเทียนมันก็ไม่ต่างไปจากการประกาศสงคราม
ตามกฎแล้วผู้ท้าชิงสามารถเดิมพันกับผู้ที่ถูกท้าชิงได้ ซึ่งในบางครั้งการเดิมพันมันก็หมายถึงชีวิตและบางครั้งการเดิมพันก็หมายถึงวิชาลับของสำนัก แต่จุดประสงค์ของตงเทียนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทะเยอทะยาน เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือชื่อเสียงทั้งหมดที่สำนักเงาสังหารได้สั่งสมมา
เงากระเรียนคิดภายในใจว่าถึงแม้ลูกศิษย์ทั้งสามของเขาจะทำตัวก้าวร้าวต่อหน้าของตงเทียน แต่จริง ๆ แล้วสามผู้อาวุโสไม่มีโอกาสเอาชนะเจ้าสำนักเหมันต์สวรรค์คนนี้เลย เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็น่าจะมีโอกาสได้รับชัยชนะเพียงแค่ 50% ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีโอกาสได้รับชัยชนะที่สูงมากจริง ๆ ก็ควรจะเป็นศิษย์พี่เงาสูญของเขาเพียงแค่คนเดียว
น่าเสียดายที่เงาสูญปลีกวิเวกอยู่บนชั้น 14 เพียงลำพัง และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมชายชราคนนี้ให้มาต่อสู้กับตงเทียน
ไม่ว่ายังไงลูกศรของอีกฝ่ายก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว ถ้าหากว่าสำนักเงาสังหารไม่คิดที่จะทำการต่อสู้ ทุกคนก็จะคิดว่าพวกเขารู้สึกเกรงกลัวสำนักเหมันต์สวรรค์ ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่เงากระเรียนไม่สามารถจะยอมรับได้
เงากระเรียนตัดสินใจที่จะยอมรับคำท้าทายในครั้งนี้ก่อนแล้วค่อยไปเกลี้ยกล่อมเงาสูญให้ออกมาจากชั้น 14 ทีหลัง ซึ่งถ้าหากว่าเงาสูญยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธเขาก็คงจะต้องออกไปทำการต่อสู้ด้วยตัวเอง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมั่นใจแต่มันก็ไม่มีใครในสำนักที่มีพลังเหนือกว่าเขาอีกแล้ว
“ในเมื่อท่านตงเทียนมีเจตนาจะท้าชิงแผ่นป้ายสำนักนักฆ่าอันดับ 1 พวกเรา สำนักเงาสังหารจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประลองขึ้นมาเอง รีบแจ้งศิษย์ทุกคนในสำนักให้มุ่งหน้าตรงไปยังสนามแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เดี๋ยวนี้” เงากระเรียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“รับทราบครับ!” ผู้อาวุโสทั้งสามพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง เพราะพวกเขาหมดความอดทนมาสักพักแล้วพวกเขาจึงตั้งตารอที่จะต่อสู้กับอีกฝ่าย
“ท่านเงากระเรียนช่างเป็นคนที่กล้าหาญจริง ๆ สมแล้วที่ท่านได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักเงาสังหาร” ตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ว่า
“น่าเสียดายที่ผมกับท่านอายุมากแล้วและพวกเราต่างก็เป็นแค่เจ้าสำนักเหมือนกัน มันคงจะไม่ใช่เรื่องดีถ้าคนแก่สองคนต้องขึ้นไปต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง และถ้าหากว่าเรื่องนี้ได้แพร่กระจายออกไปมันคงจะเป็นเรื่องตลกไปทั่วทั้งสมาพันธ์”
เงากระเรียนไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตงเทียนจะเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ซึ่งถ้าหากว่าเจ้าสำนักไม่ได้ออกไปทำการประลอง มันก็เหลือเพียงแต่การต่อสู้ระหว่างศิษย์ของแต่ละสำนักเท่านั้น
“นี่คือลูกศิษย์ที่ผมเพิ่งรับเข้ามาปีนี้ เขาเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 20 ปี” ตงเทียนกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางฟางหยวน
“อาจารย์ผมจะอายุครบ 20 ปีในเดือนหน้าครับ” ฟางหยวนกล่าวเตือนด้วยรอยยิ้ม
“อ่า ฉันแก่เกินไปแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นนายก็มีอายุเพียงแค่ 19 ปี” ตงเทียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เอาแบบนี้ไหมท่านเงากระเรียน ผมขอให้ลูกศิษย์คนนี้เข้าแข่งขันแทนตัวผม แต่เนื่องมาจากเขายังเด็กมากรบกวนท่านเงากระเรียนออมมือให้กับเขาด้วย” ตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นเงากระเรียนก็สังเกตเห็นชายอ้วนตัวใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาเป็นตัวเอกในการแข่งขัน ซึ่งถ้าหากว่าตงเทียนไม่มั่นใจในลูกศิษย์คนนี้ เขาก็คงจะไม่เสี่ยงส่งฟางหยวนออกมาประลองอย่างเด็ดขาด
ที่สำคัญคือตงเทียนเน้นย้ำถึงอายุของฟางหยวน ซึ่งมันก็หมายความว่าสำนักเงาสังหารสมควรจะส่งศิษย์ที่มีอายุใกล้เคียงกันออกไปทำการประลอง ไม่อย่างนั้นมันก็จะเป็นในกรณีของผู้ใหญ่รังแกเด็ก
ฟางหยวนชำเลืองมองผู้อาวุโสของนิกายทั้งสามคน ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาต่างก็แสดงอาการโกรธออกนอกหน้า แต่พวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจในลูกศิษย์ของตัวเอง
“การอยู่บนภูเขาเฉย ๆ มาตั้งนานทำให้กล้ามเนื้อบนร่างกายของผมฝ่อหมดแล้ว ไหน ๆ พวกเราก็เป็นเจ้าสำนักเหมือน ๆ กัน ทำไมพวกเราถึงไม่มาออกกำลังกายด้วยกันสักหน่อยล่ะ” เงากระเรียนยังคงกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม
คำพูดนี้ทำให้ตงเทียนรู้สึกตื่นเต้นภายในใจ เพราะเงากระเรียนไม่มั่นใจจะส่งศิษย์รุ่นเยาว์ออกมาประลอง ดังนั้นเงากระเรียนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาออกไปประลองด้วยตัวเอง
“ถ้าท่านเงากระเรียนสนใจจะออกกำลังกาย ทางฝั่งของผมก็ไม่คิดจะขัดข้องเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อพวกเราต้องประลองกัน พวกเราก็ควรจะต้องมีของเดิมพันเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย” ตงเทียนกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ไม่ทราบว่าท่านตงเทียนสนใจอะไรในภูเขานิรนามอีกงั้นเหรอ?” เงากระเรียนยังคงกล่าวถามอย่างใจเย็น
“ในเมื่อท่านเงากระเรียนพูดขึ้นมาแบบนี้ผมก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป พวกเราลองเดิมพันเป็นดาวเคราะห์ของสำนักตัวเองดีไหม? หากฝ่ายใดแพ้จะต้องอพยพออกไปจากดาวเคราะห์ของตัวเอง” ตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำพูดในครั้งนี้ทำให้แม้แต่เงากระเรียนก็ยังไม่สามารถรักษาความสงบได้ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าตงเทียนถึงกับกล้าเอาฐานทัพของสำนักมาเป็นสิ่งเดิมพันแบบนี้
ดาวเคราะห์ซึ่งเป็นฐานทัพของแต่ละสำนักต่างก็ล้วนแล้วแต่เหมือนบ้านที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ทิ้งไว้ให้ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะต้องเอาออกไปวางเดิมพันเลย
ลองนึกดูว่าถ้าหากสำนักเงาสังหารไม่ได้ตั้งอยู่บนภูเขานิรนาม พวกเขาจะยังคงเป็นสำนักเงาสังหารอยู่อีกงั้นเหรอ
ที่นี่คือสถานที่ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งถ้าหากพวกเขาได้สูญเสียดาวดวงนี้ไป มันก็ไม่ต่างไปจากการถูกบังคับให้ยุบสำนัก
การเดิมพันครั้งนี้มันสูงมากจนเกินไป!
เหตุผลที่ตงเทียนกล้าวางเดิมพันในครั้งนี้ นั่นก็เพราะว่าเขามีความมั่นใจในแผนการของตัวเองเป็นอย่างมาก แม้ว่าผลลัพธ์การประลองระหว่างเขากับเงากระเรียนจะยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่ชัด แต่ลูกศิษย์ของเขาอย่างฟางหยวนคือผู้ไร้เทียมทานในศิษย์รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และเมื่อเขาได้เห็นการแสดงออกที่ลังเลของเงากระเรียนในระหว่างที่เขาเสนอให้มีการประลองระหว่างศิษย์รุ่นใหม่ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้เองถึงแม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเงากระเรียนจริง ๆ แต่ถ้าหากว่าฟางหยวนสู้ชนะอย่างมากผลลัพธ์ก็จะออกมาเป็นเสมอกัน ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงทางฝั่งของพวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียสิ่งใดเลย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ตงเทียนก็กลัวว่าแผนการจะไม่ดำเนินไปอย่างที่เขาคิด เขาจึงพยายามพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่า
“ท่านเงากระเรียนฟางหยวนยังไม่เคยมีประสบการณ์ในโลกภายนอกเลย ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องต่อสู้กันอยู่แต่ท่านช่วยให้โอกาสลูกศิษย์ของผมต่อสู้ด้วยจะได้ไหม เอาแบบนี้เป็นยังไงให้ฟางหยวนต่อสู้กับศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักเงาสังหารทั้งสิ้นสามคน หากเงาสังหารสามารถเอาชนะฟางหยวนได้แม้แต่เพียงหนึ่งครั้งให้ถือว่าพวกเราเหมันต์สวรรค์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้”
นี่มันจะดูถูกกันมากจนเกินไปแล้ว!
สีหน้าของเงากระเรียนเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะนับตั้งแต่ที่สำนักเงาสังหารได้ก่อตั้งขึ้นมาพวกเขาไม่เคยโดนดูถูกในลักษณะเช่นนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่าสำนักเงาสังหารจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนแอ แต่สำนักนักฆ่าสำนักอื่น ๆ ภายในสมาพันธ์ก็ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้กับสำนักเงาสังหารมาก่อนเลย เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็เคยมีความสัมพันธ์อันดีตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษและถึงแม้ว่ามันจะมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็จะทำการแก้ไขปัญหาเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว
แต่ตอนนี้ตงเทียนกำลังท้าทายความอดทนของเงากระเรียนอย่างรุนแรง และมันก็ทำให้ชายชราร่างเล็กเริ่มรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ
ในความเป็นจริงสำนักนักฆ่าส่วนใหญ่ก็รู้สึกอิจฉาสำนักเงาสังหารที่ได้ครอบครองแผ่นป้ายตำแหน่งสำนักนักฆ่าอันดับ 1 เพียงแต่ตงเทียนคือคนแรกที่กล้านำลูกศิษย์มาท้าทายสำนักเงาสังหารอย่างเปิดเผย
หากเงากระเรียนยอมพ่ายแพ้ในครั้งนี้มันก็เท่ากับการบอกทั่วทั้งจักรวาลให้รู้ว่าสำนักเงาสังหารไม่สามารถปกป้องศักดิ์ศรีในอดีตของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
ในเวลานั้นสำนักนักฆ่าเป็นจำนวนมากจะเดินทางมาหาพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้สำนักเงาสังหารเป็นสะพานช่วยยกระดับให้สำนักของพวกเขามีระดับที่สูงขึ้น
“ในเมื่อท่านตงเทียนกล้าเสนอมาแบบนี้ พวกเราก็ไปเจอกันในสนามประลอง!” เงากระเรียนลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวออกไปเสียงดัง
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกผู้อาวุโสทั้งสามมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาในทันที เพราะเจ้าสำนักได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะพูดอะไรแต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในปัจจุบันได้
โอกาสได้รับชัยชนะของพวกเขามีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก แต่ด้วยคำสั่งของเงากระเรียนมันก็เท่ากับทำให้พวกเขาไม่เหลือทางถอย
“เอาล่ะทุกคนเตรียมตัวไปลานประลองได้แล้ว” เงากระเรียนกล่าว
ตงเทียนเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะนำลูกศิษย์ของเขาเดินออกไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลอง
ทันใดนั้นผู้อาวุโสทั้งสามก็ได้ไปล้อมรอบร่างของเงากระเรียนเอาไว้
“ท่านเจ้าสำนักช่วยคิดเรื่องนี้อีกครั้งได้หรือไม่? เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับฐานทัพของพวกเราเลยนะครับ” เงาประกายเงินกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว ผมก็คิดว่าการเดิมพันในครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเกินไป” เงารัตติกาลกล่าวขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“พวกนายทุกคนตื่นขึ้นมายอมรับความจริงได้แล้ว! ถึงแม้ว่าตงเทียนจะไม่มาในวันนี้แต่อีกไม่นานมันก็จะต้องมีสำนักอื่นเข้ามาท้าทายพวกเราอยู่ดี” เงากระเรียนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ความจริงข้อนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามเงียบเสียงไป เพราะพวกเขาต่างก็เข้าใจความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“ในเมื่อสำนักเงาสังหารไม่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ไปได้ พวกเราก็ควรจะต้องสู้จนตัวตายดีกว่าถูกทรมานไปอย่างช้า ๆ” เงากระเรียนทิ้งคำพูดเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปโดยไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม
แต่ในทันใดนั้นเองภูเขานิรนามก็เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อยราวกับเกิดแผ่นดินไหว แต่หลังจากที่แรงสั่นสะเทือนได้เกิดขึ้นประมาณ 10 วินาที จู่ ๆ แรงสั่นสะเทือนพวกนั้นมันก็หายไปอย่างกะทันหัน
เหตุแผ่นดินไหวบนดาวนิรนามไม่ใช่เรื่องแปลก มันจึงไม่มีใครใส่ใจกับแรงสั่นสะเทือนที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่เลย ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีใครได้สังเกตเห็นว่ามันได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นตรงบริเวณเชิงเขา
***************