ตอนที่แล้วตอนที่ 237 ไม่มีทางออก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 239 สนามประลอง

ตอนที่ 238 เดิมพัน


ตอนที่ 238 เดิมพัน

แผ่นป้ายบนยอดเขานิรนามคือแผ่นป้ายเกียรติยศที่สมาพันธ์มอบให้กับสำนักเงาสังหาร เนื่องมาจากว่าพวกเขาคือสำนักนักฆ่าอันดับ 1 ของสมาพันธ์อย่างเป็นทางการ

ถึงแม้สำนักของพวกเขาจะอ่อนแอลงทุกวัน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังคงเป็นสำนักนักฆ่าอันดับ 1 ในพันธมิตรมนุษย์อยู่ดี ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ทิ้งเอาไว้ แล้วมันไม่มีทางที่เงากระเรียนจะมอบมันให้กับใครอย่างเด็ดขาด

เงาประกายเงิน, เงารัตติกาลและเงาจันทร์ต่างก็จ้องมองไปยังตงเทียนอย่างไม่พอใจราวกับว่าพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะทำการต่อสู้ได้ทุกเวลา

เงากระเรียนโบกมือให้ศิษย์ทั้งสามอย่าพึ่งทำอะไรโดยวู่วาม เพราะเขารู้ดีว่าการที่ตงเทียนกล้ามายั่วยุเขาถึงสำนักในครั้งนี้ ก็แสดงว่าอีกฝ่ายจะต้องเตรียมการมาเป็นเวลานานพอสมควร

แม้ว่าเงากระเรียนจะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของตงเทียน แต่เขาก็ต้องทำการคิดทุกอย่างอย่างใจเย็น ท้ายที่สุดศึกครั้งนี้ก็ไม่มีช่องว่างให้พวกเขาได้พ่ายแพ้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีหน้าตายไปพบกับบรรพบุรุษของสำนักรุ่นก่อน ๆ

ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เพียงแค่สำนักเงาสังหาร เพราะแม้แต่สมาพันธ์จัสทิสก็คงจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ หากมีใครกล้ามาหยามหน้าพวกเขาถึงถิ่น เนื่องจากเรื่องนี้เปรียบเสมือนกับกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ ซึ่งการกระทำของตงเทียนมันก็ไม่ต่างไปจากการประกาศสงคราม

ตามกฎแล้วผู้ท้าชิงสามารถเดิมพันกับผู้ที่ถูกท้าชิงได้ ซึ่งในบางครั้งการเดิมพันมันก็หมายถึงชีวิตและบางครั้งการเดิมพันก็หมายถึงวิชาลับของสำนัก แต่จุดประสงค์ของตงเทียนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทะเยอทะยาน เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือชื่อเสียงทั้งหมดที่สำนักเงาสังหารได้สั่งสมมา

เงากระเรียนคิดภายในใจว่าถึงแม้ลูกศิษย์ทั้งสามของเขาจะทำตัวก้าวร้าวต่อหน้าของตงเทียน แต่จริง ๆ แล้วสามผู้อาวุโสไม่มีโอกาสเอาชนะเจ้าสำนักเหมันต์สวรรค์คนนี้เลย เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็น่าจะมีโอกาสได้รับชัยชนะเพียงแค่ 50% ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีโอกาสได้รับชัยชนะที่สูงมากจริง ๆ ก็ควรจะเป็นศิษย์พี่เงาสูญของเขาเพียงแค่คนเดียว

น่าเสียดายที่เงาสูญปลีกวิเวกอยู่บนชั้น 14 เพียงลำพัง และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมชายชราคนนี้ให้มาต่อสู้กับตงเทียน

ไม่ว่ายังไงลูกศรของอีกฝ่ายก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว ถ้าหากว่าสำนักเงาสังหารไม่คิดที่จะทำการต่อสู้ ทุกคนก็จะคิดว่าพวกเขารู้สึกเกรงกลัวสำนักเหมันต์สวรรค์ ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่เงากระเรียนไม่สามารถจะยอมรับได้

เงากระเรียนตัดสินใจที่จะยอมรับคำท้าทายในครั้งนี้ก่อนแล้วค่อยไปเกลี้ยกล่อมเงาสูญให้ออกมาจากชั้น 14 ทีหลัง ซึ่งถ้าหากว่าเงาสูญยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธเขาก็คงจะต้องออกไปทำการต่อสู้ด้วยตัวเอง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมั่นใจแต่มันก็ไม่มีใครในสำนักที่มีพลังเหนือกว่าเขาอีกแล้ว

“ในเมื่อท่านตงเทียนมีเจตนาจะท้าชิงแผ่นป้ายสำนักนักฆ่าอันดับ 1 พวกเรา สำนักเงาสังหารจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประลองขึ้นมาเอง รีบแจ้งศิษย์ทุกคนในสำนักให้มุ่งหน้าตรงไปยังสนามแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เดี๋ยวนี้” เงากระเรียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“รับทราบครับ!” ผู้อาวุโสทั้งสามพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง เพราะพวกเขาหมดความอดทนมาสักพักแล้วพวกเขาจึงตั้งตารอที่จะต่อสู้กับอีกฝ่าย

“ท่านเงากระเรียนช่างเป็นคนที่กล้าหาญจริง ๆ สมแล้วที่ท่านได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักเงาสังหาร” ตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ว่า

“น่าเสียดายที่ผมกับท่านอายุมากแล้วและพวกเราต่างก็เป็นแค่เจ้าสำนักเหมือนกัน มันคงจะไม่ใช่เรื่องดีถ้าคนแก่สองคนต้องขึ้นไปต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง และถ้าหากว่าเรื่องนี้ได้แพร่กระจายออกไปมันคงจะเป็นเรื่องตลกไปทั่วทั้งสมาพันธ์”

เงากระเรียนไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตงเทียนจะเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ซึ่งถ้าหากว่าเจ้าสำนักไม่ได้ออกไปทำการประลอง มันก็เหลือเพียงแต่การต่อสู้ระหว่างศิษย์ของแต่ละสำนักเท่านั้น

“นี่คือลูกศิษย์ที่ผมเพิ่งรับเข้ามาปีนี้ เขาเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 20 ปี” ตงเทียนกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางฟางหยวน

“อาจารย์ผมจะอายุครบ 20 ปีในเดือนหน้าครับ” ฟางหยวนกล่าวเตือนด้วยรอยยิ้ม

“อ่า ฉันแก่เกินไปแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นนายก็มีอายุเพียงแค่ 19 ปี” ตงเทียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“เอาแบบนี้ไหมท่านเงากระเรียน ผมขอให้ลูกศิษย์คนนี้เข้าแข่งขันแทนตัวผม แต่เนื่องมาจากเขายังเด็กมากรบกวนท่านเงากระเรียนออมมือให้กับเขาด้วย” ตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทันใดนั้นเงากระเรียนก็สังเกตเห็นชายอ้วนตัวใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาเป็นตัวเอกในการแข่งขัน ซึ่งถ้าหากว่าตงเทียนไม่มั่นใจในลูกศิษย์คนนี้ เขาก็คงจะไม่เสี่ยงส่งฟางหยวนออกมาประลองอย่างเด็ดขาด

ที่สำคัญคือตงเทียนเน้นย้ำถึงอายุของฟางหยวน ซึ่งมันก็หมายความว่าสำนักเงาสังหารสมควรจะส่งศิษย์ที่มีอายุใกล้เคียงกันออกไปทำการประลอง ไม่อย่างนั้นมันก็จะเป็นในกรณีของผู้ใหญ่รังแกเด็ก

ฟางหยวนชำเลืองมองผู้อาวุโสของนิกายทั้งสามคน ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาต่างก็แสดงอาการโกรธออกนอกหน้า แต่พวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจในลูกศิษย์ของตัวเอง

“การอยู่บนภูเขาเฉย ๆ มาตั้งนานทำให้กล้ามเนื้อบนร่างกายของผมฝ่อหมดแล้ว ไหน ๆ พวกเราก็เป็นเจ้าสำนักเหมือน ๆ กัน ทำไมพวกเราถึงไม่มาออกกำลังกายด้วยกันสักหน่อยล่ะ” เงากระเรียนยังคงกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม

คำพูดนี้ทำให้ตงเทียนรู้สึกตื่นเต้นภายในใจ เพราะเงากระเรียนไม่มั่นใจจะส่งศิษย์รุ่นเยาว์ออกมาประลอง ดังนั้นเงากระเรียนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาออกไปประลองด้วยตัวเอง

“ถ้าท่านเงากระเรียนสนใจจะออกกำลังกาย ทางฝั่งของผมก็ไม่คิดจะขัดข้องเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อพวกเราต้องประลองกัน พวกเราก็ควรจะต้องมีของเดิมพันเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย” ตงเทียนกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ไม่ทราบว่าท่านตงเทียนสนใจอะไรในภูเขานิรนามอีกงั้นเหรอ?” เงากระเรียนยังคงกล่าวถามอย่างใจเย็น

“ในเมื่อท่านเงากระเรียนพูดขึ้นมาแบบนี้ผมก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป พวกเราลองเดิมพันเป็นดาวเคราะห์ของสำนักตัวเองดีไหม? หากฝ่ายใดแพ้จะต้องอพยพออกไปจากดาวเคราะห์ของตัวเอง” ตงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

คำพูดในครั้งนี้ทำให้แม้แต่เงากระเรียนก็ยังไม่สามารถรักษาความสงบได้ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าตงเทียนถึงกับกล้าเอาฐานทัพของสำนักมาเป็นสิ่งเดิมพันแบบนี้

ดาวเคราะห์ซึ่งเป็นฐานทัพของแต่ละสำนักต่างก็ล้วนแล้วแต่เหมือนบ้านที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ทิ้งไว้ให้ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะต้องเอาออกไปวางเดิมพันเลย

ลองนึกดูว่าถ้าหากสำนักเงาสังหารไม่ได้ตั้งอยู่บนภูเขานิรนาม พวกเขาจะยังคงเป็นสำนักเงาสังหารอยู่อีกงั้นเหรอ

ที่นี่คือสถานที่ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งถ้าหากพวกเขาได้สูญเสียดาวดวงนี้ไป มันก็ไม่ต่างไปจากการถูกบังคับให้ยุบสำนัก

การเดิมพันครั้งนี้มันสูงมากจนเกินไป!

เหตุผลที่ตงเทียนกล้าวางเดิมพันในครั้งนี้ นั่นก็เพราะว่าเขามีความมั่นใจในแผนการของตัวเองเป็นอย่างมาก แม้ว่าผลลัพธ์การประลองระหว่างเขากับเงากระเรียนจะยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่ชัด แต่ลูกศิษย์ของเขาอย่างฟางหยวนคือผู้ไร้เทียมทานในศิษย์รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และเมื่อเขาได้เห็นการแสดงออกที่ลังเลของเงากระเรียนในระหว่างที่เขาเสนอให้มีการประลองระหว่างศิษย์รุ่นใหม่ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้เองถึงแม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเงากระเรียนจริง ๆ แต่ถ้าหากว่าฟางหยวนสู้ชนะอย่างมากผลลัพธ์ก็จะออกมาเป็นเสมอกัน ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงทางฝั่งของพวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียสิ่งใดเลย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ตงเทียนก็กลัวว่าแผนการจะไม่ดำเนินไปอย่างที่เขาคิด เขาจึงพยายามพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่า

“ท่านเงากระเรียนฟางหยวนยังไม่เคยมีประสบการณ์ในโลกภายนอกเลย ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องต่อสู้กันอยู่แต่ท่านช่วยให้โอกาสลูกศิษย์ของผมต่อสู้ด้วยจะได้ไหม เอาแบบนี้เป็นยังไงให้ฟางหยวนต่อสู้กับศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักเงาสังหารทั้งสิ้นสามคน หากเงาสังหารสามารถเอาชนะฟางหยวนได้แม้แต่เพียงหนึ่งครั้งให้ถือว่าพวกเราเหมันต์สวรรค์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้”

นี่มันจะดูถูกกันมากจนเกินไปแล้ว!

สีหน้าของเงากระเรียนเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะนับตั้งแต่ที่สำนักเงาสังหารได้ก่อตั้งขึ้นมาพวกเขาไม่เคยโดนดูถูกในลักษณะเช่นนี้มาก่อน

ถึงแม้ว่าสำนักเงาสังหารจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนแอ แต่สำนักนักฆ่าสำนักอื่น ๆ ภายในสมาพันธ์ก็ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้กับสำนักเงาสังหารมาก่อนเลย เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็เคยมีความสัมพันธ์อันดีตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษและถึงแม้ว่ามันจะมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็จะทำการแก้ไขปัญหาเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว

แต่ตอนนี้ตงเทียนกำลังท้าทายความอดทนของเงากระเรียนอย่างรุนแรง และมันก็ทำให้ชายชราร่างเล็กเริ่มรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ

ในความเป็นจริงสำนักนักฆ่าส่วนใหญ่ก็รู้สึกอิจฉาสำนักเงาสังหารที่ได้ครอบครองแผ่นป้ายตำแหน่งสำนักนักฆ่าอันดับ 1 เพียงแต่ตงเทียนคือคนแรกที่กล้านำลูกศิษย์มาท้าทายสำนักเงาสังหารอย่างเปิดเผย

หากเงากระเรียนยอมพ่ายแพ้ในครั้งนี้มันก็เท่ากับการบอกทั่วทั้งจักรวาลให้รู้ว่าสำนักเงาสังหารไม่สามารถปกป้องศักดิ์ศรีในอดีตของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว

ในเวลานั้นสำนักนักฆ่าเป็นจำนวนมากจะเดินทางมาหาพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้สำนักเงาสังหารเป็นสะพานช่วยยกระดับให้สำนักของพวกเขามีระดับที่สูงขึ้น

“ในเมื่อท่านตงเทียนกล้าเสนอมาแบบนี้ พวกเราก็ไปเจอกันในสนามประลอง!” เงากระเรียนลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวออกไปเสียงดัง

เหตุการณ์นี้ทำให้พวกผู้อาวุโสทั้งสามมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาในทันที เพราะเจ้าสำนักได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะพูดอะไรแต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในปัจจุบันได้

โอกาสได้รับชัยชนะของพวกเขามีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก แต่ด้วยคำสั่งของเงากระเรียนมันก็เท่ากับทำให้พวกเขาไม่เหลือทางถอย

“เอาล่ะทุกคนเตรียมตัวไปลานประลองได้แล้ว” เงากระเรียนกล่าว

ตงเทียนเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะนำลูกศิษย์ของเขาเดินออกไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลอง

ทันใดนั้นผู้อาวุโสทั้งสามก็ได้ไปล้อมรอบร่างของเงากระเรียนเอาไว้

“ท่านเจ้าสำนักช่วยคิดเรื่องนี้อีกครั้งได้หรือไม่? เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับฐานทัพของพวกเราเลยนะครับ” เงาประกายเงินกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว ผมก็คิดว่าการเดิมพันในครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเกินไป” เงารัตติกาลกล่าวขึ้นมาเช่นเดียวกัน

“พวกนายทุกคนตื่นขึ้นมายอมรับความจริงได้แล้ว! ถึงแม้ว่าตงเทียนจะไม่มาในวันนี้แต่อีกไม่นานมันก็จะต้องมีสำนักอื่นเข้ามาท้าทายพวกเราอยู่ดี” เงากระเรียนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ความจริงข้อนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามเงียบเสียงไป เพราะพวกเขาต่างก็เข้าใจความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

“ในเมื่อสำนักเงาสังหารไม่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ไปได้ พวกเราก็ควรจะต้องสู้จนตัวตายดีกว่าถูกทรมานไปอย่างช้า ๆ” เงากระเรียนทิ้งคำพูดเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปโดยไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม

แต่ในทันใดนั้นเองภูเขานิรนามก็เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อยราวกับเกิดแผ่นดินไหว แต่หลังจากที่แรงสั่นสะเทือนได้เกิดขึ้นประมาณ 10 วินาที จู่ ๆ แรงสั่นสะเทือนพวกนั้นมันก็หายไปอย่างกะทันหัน

เหตุแผ่นดินไหวบนดาวนิรนามไม่ใช่เรื่องแปลก มันจึงไม่มีใครใส่ใจกับแรงสั่นสะเทือนที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่เลย ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีใครได้สังเกตเห็นว่ามันได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นตรงบริเวณเชิงเขา

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด