ตอนที่แล้วตอนที่ 1114 เสแสร้งปล่อย ..เพื่อจับ(1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1116 สถานที่ที่เขาได้ห่างหายไปนาน…

ตอนที่ 1115 งั้นเราก็แค่นั่งรอดูละครดีๆ ก็พอ..


เว่ย เทียนเฉิง ที่ได้จัดให้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ไปอยู่ข้างๆ หลินฟาน ก็เพื่อให้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ เป็นสายลับ แต่ที่ผ่านมา เว่ย เทียนเฉิง ไม่ได้บอก เว่ย เยว่เอ๋อร์ เกี่ยวกับจุดประสงค์ของเขา เมื่อนั้น เว่ย เยว่เอ๋อร์ ก็ได้กลายมาเป็นสายลับทางธุรกิจโดยที่เธอไม่รู้ตัว

แต่เหตุการณ์แย่งชิงสถาปนิกในครั้งนี้ ก็ได้ทําให้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ตระหนักได้ว่า ..เธอ ได้ถูก เว่ย เทียนเฉิง หลอกใช้ให้แล้ว ดังนั้นมันก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีความสุขมาก และเธอก็ต้องการที่จะกลับไปซักไซ้เอาความเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เว่ย เจี้ยนเซิง ก็เชื่อว่าถึงเวลาที่จะต้องบอกความจริงกับ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้แล้ว เพราะถ้าให้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พวกเขาก็จะสามารถทําสิ่งต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้น ..ในอนาคต

“ถ้า คุณป้า ยอมที่จะเป็นสายลับให้กับพวกเรา ต่อไปพวกเราก็จะสืบสาวราวเรื่อง หยงจิ่ว กรุ๊ป ได้โดยที่ไม่ต้องอ้อมค้อมอะไรแล้ว ตอนนี้ คุณป้า ก็ได้เป็นเลขาส่วนตัวของ หลินฟาน แล้ว ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคนที่สนิท และไว้ใจมากที่สุดของ หลินฟาน ข่าวที่เธอมีทั้งหมด เราสามารถเอามาอยู่ในมือได้โดยตรง และต่อไปสําหรับเราแล้ว ..หยงจิ่ว กรุ๊ป  ก็เท่ากับไม่มีความลับใดๆ กับเราอีก” เว่ย เจี้ยนเซิง ได้วิเคราะห์ประโยชน์ของการทําเช่นนี้

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “แบบนี้.. มันดีกว่าอย่างแน่นอน แต่ ป้าของแก ชอบ หลินฟาน ตัวน้อยนั่นมาก เธอจะไม่เห็นด้วยกับเราอย่างแน่นอน! ถ้าบอกเธอ เธอจะไม่คิดอยู่ใน หยงจิ่ว กรุ๊ป อีกต่อไป และในตอนนี้เราจะทำอะไรเสี่ยงๆ เช่นนี้ไม่ได้!”

จุดประสงค์ของ เว่ย เทียนเฉิง ในตอนนี้ ก็คือต้องการให้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ยังคงอยู่ใน หยงจิ่ว กรุ๊ป ต่อไป

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “แต่เมื่อกี้ คุณป้า เองก็ได้พูดแล้วไม่ใช่เหรอว่า ..ต่อไปอยากหวังว่าจะได้ข่าวของ หยงจิ่ว กรุ๊ป จากปากของเธออีก ผมเองเกรงว่านี่ ..จะเป็นเรื่องที่ยากมาก”

เว่ย เทียนเฉิง ได้พูดพร้อมกับหัวเราะไปว่า : “ตราบใดที่มีเนินเขาเขียวขจี เราก็ไม่กลัวที่จะไม่มีฟืน(1) ตราบใดที่เธอยังอยู่ใน หยงจิ่ว กรุ๊ป ฉันเองก็มีวิธีที่จะทําให้เธอพูด อย่างที่แกพูดไป เธอมีข้อมูลของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ในมือ และมันก็มีประโยชน์มากสําหรับเรา!”

“... …” เว่ย เจี้ยนเซิง ได้เงียบแล้ว ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะไม่ยอมรับคําแนะนําของเขา เขาถูกปฏิเสธ แต่ในใจเขาก็กลับยังรู้สึกว่า ..เขาพูดถูก

ท้ายที่สุดแล้ว เว่ย เยว่เอ๋อร์ ก็เป็นคนของตระกูลเว่ย ของพวกเขา ต่อหน้าผลประโยชน์ของตระกูลเว่ย ทุกอย่างก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ รวมถึงสิ่งที่เรียกว่าความรัก เว่ย เยว่เอ๋อร์ ก็สมควรที่จะตระหนักได้ ..ถึงเรื่องนี้!

ถ้าไม่ใช่เพราะลําดับความอาวุโสของ เว่ย เยว่เอ๋อร์ สูงกว่าเขา เขาเองคงจะเข้าไปสั่งสอน เว่ย เยว่เอ๋อร์ ไปนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ เว่ย เยว่เอ๋อร์ มีศักดิ์เป็นป้าของเขา ตอนนี้เขาเองก็ไม่กล้าล้ำเส้น

“คุณพ่อครับ พวกเราเองยังไม่รู้เลยว่าครั้งนี้ คุณป้า จะตัดสินใจอย่างไร ถ้าครั้งนี้เธอลาออกขึ้นมาจริงๆ ล่ะ?” เว่ย เจี้ยนเซิง ได้กล่าว

เว่ย เทียนเฉิง ได้พูดไปว่า : “ป้าของแกคนนี้ ฉันเข้าใจดี และเธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ.. ให้เวลาเธอหน่อย”

คืนนี้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เธอนอนไม่หลับ

เธอกําลังสับสน และดิ้นรนอยู่ ตอนนี้ ตระกูลเว่ย และหลินฟาน ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เธอกลับมาในคืนนี้ เดิมทีก็ตั้งใจที่จะโน้มน้าว เว่ย เทียนเฉิง ไม่ให้เป็นศัตรูกับ หลินฟาน แต่ปฏิกิริยาแรกของ เว่ย เทียนเฉิง ..ก็ได้ทําให้เธอ ผิดหวังแล้ว

เหตุผลหลายอย่างบอกกับเธอว่า ..เธอ ไม่ควรอยู่ข้าง หลินฟาน อีกต่อไป เผื่อว่า หลินฟาน จะรู้ถึงตัวตนของเธอในภายหลัง เขาก็จะต้องโกรธเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่..

เหตุผลบอกกับเธอว่าทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ ก็คือ ให้เธอไปสารภาพถึงตัวตนที่แท้จริงกับ หลินฟาน ในความเป็นจริง ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้.. เธอเองก็พยายามกระตุ้นตัวเองมากกว่าหนึ่งครั้ง ที่จะแสดงตัวตน และสารภาพมันออกไปกับ หลินฟาน อย่างเป็นทางการ และถ้าหาก หลินฟาน ยอมรับในตัวเธอได้ และได้กลายมาเป็นคนรัก สุดท้ายก็ได้มีครอบครัวด้วยกันก็คงจะดีที่สุด แต่ตอนนี้ ..ดูเหมือนว่า ตัวเลือกในการที่จะได้อยู่ด้วยกันจะไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ผลลัพธ์ของคําสารภาพของเธอ ก็คือการออกไปจาก หลินฟาน ..เท่านั้น

แต่ถ้าจะให้เธอทิ้ง หลินฟาน ไปแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกถึงความอาลัยอาวรณ์เป็นหมื่นอย่าง ทั้งนี้มันก็ไม่ง่ายที่เธอจะมีโอกาสเช่นนี้ ที่จะได้เห็น หลินฟาน ในทุกๆ วัน เธอเองชอบงานนี้มาก จนเธอนึกไม่ออกว่าหลังจากออกจาก หลินฟาน ไปแล้ว เธอกลัวว่าเธอจะเป็นบ้าแน่..

คืนนี้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้ติดอยู่ในความยากลําบากในการเลือกตัดสินใจ จนกระทั่งฟ้าสางแล้ว เธอจึงเพิ่งจะได้นอนหลับไป..

เธอเองได้นอนหลับไปจนถึงช่วงบ่ายของวัน

แต่ จู่ๆ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ก็ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ..ด้วยเสียงโทรศัพท์

เป็น หลินฟาน ที่โทรเข้ามา

“เยว่เอ๋อร์ คุณได้จัดการเรื่องที่บ้านคุณเสร็จหรือยัง? พรุ่งนี้คุณจะกลับมาทํางานได้ไหม ในตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในบริษัท และดูเหมือนว่า เจียอี้ จะไม่สามารถจัดการคนเดียวได้..” หลินฟาน ได้กล่าว

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ที่เดิมที มีความคิดที่ยุ่งเหยิงมาก พอได้ยินคําพูดของ หลินฟาน เธอจึงได้พยักหน้าโดยที่ไม่ลังเลเลย : “อืมม, ตอนนี้เดี๋ยวฉันจะกลับไปที่หยุนเฉิง แล้วจะเข้าไปทํางานในวันพรุ่งนี้”

หลินฟาน ยิ้มแล้วพูดว่า : “นี่ก็ดีแล้ว งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“เจอกันพรุ่งนี้” เว่ย เยว่เอ๋อร์ ก็ยิ้มเช่นกัน

จากนั้นเธอก็ได้วางโทรศัพท์

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ยังคงถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ และยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วเธอก็ได้ถอนหายใจออกมา

เพียงแค่คำว่า ‘ศัตรู’ มันก็ได้ทำให้เธอเป็นกังวลจนนอนไม่หลับทั้งคืน.. แต่เมื่อ หลินฟาน พูดออกมาแค่ประโยคเดียว เธอก็กลับสูญเสียความสามารถในการคิดของตัวเองไปเสียแล้ว ในตอนนี้ ..เธอแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปหา หลินฟาน ในตอนนี้เลย

ตามที่คิดไว้ เธอเองได้รีบลุกขึ้นทําความสะอาดอย่างง่ายๆ และรีบกลับไปที่เมืองหยุนเฉิง

วั่นกู่ กรุ๊ป..

เว่ย เจี้ยนเซิง ได้ผลักประตูเดินเข้ามาในห้องทํางานของ เว่ย เทียนเฉิง แล้วพูดว่า : “คุณพ่อครับ ผมเพิ่งได้ยิน ป้าหยุน พูดว่า คุณป้า ได้ออกจากบ้านไปแล้ว และคาดว่ากำลังกลับไปที่เมืองหยุนเฉิงแล้วครับ”

ป้าหยุน เป็นแม่บ้านของ ตระกูลเว่ย เธอรับผิดชอบในเรื่องอาหารการกินของ ครอบครัวเว่ย

เว่ย เทียนเฉิง ได้ยกยิ้ม : “เป็นไปตามที่คาดไว้ เธอไม่มีทางเลือกแยกจาก หลินฟาน ตัวน้อยนั่นไปได้แน่ และมันก็เป็นการดีที่เธอตัดสินใจกลับไปอยู่เคียงข้าง หลินฟาน ตัวน้อย แน่นอนว่า.. มันจะมีประโยชน์กับเราในสักวันหนึ่ง”

เว่ย เจี้ยนเซิง ได้พูดขึ้นว่า : “คุณพ่อครับ ต่อไปเราจะจัดการกับ หลินฟาน อย่างไรต่อไปดี?”

เรื่องการแย่งสถาปนิก พวกเขาก็ได้พ่ายแพ้ลงไปอีกครั้ง ทั้งยังกลายเป็นเรื่องตลกใหญ่ เขาเองได้อัดอั้นมันอยู่ใจ และต้องการที่จะระบายความโกรธของตัวเองออกมา

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “หลินฟาน ตัวน้อยนี่.. มันหยิ่งเกินไป เขาเองได้ราบรื่นมาโดยตลอด แต่อีกไม่นาน.. ซูเปอร์ลีก จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เราจะต้องให้มัน ได้ลิ้มรสชาติของความล้มเหลว! ฉันจะพูดแค่คําเดียวว่า ฉันต้องการให้ หลินฟาน ตัวน้อยนี่ ไม่มีชัยชนะเลยสักเกมเดียว แกไปทำไงก็ได้ให้มันแพ้ไปเป็นสิบๆ เกมติดต่อกัน มาให้ได้!”

เว่ย เจี้ยนเซิง ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ : “ทีมของ หลินฟาน ตัวน้อย ถ้ามันได้แพ้ไปเป็นสิบๆ เกมติดต่อกันจริงๆ ถึงตอนนั้นสีหน้าของ หลินฟาน ตัวน้อยนี่.. มันจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”

เว่ย เทียนเฉิง ก็ได้แสดงสีหน้าที่มืดมนออกมา : “และ.. แกจะต้องทำให้แน่ใจให้ได้ว่า ..มันจะต้องพ่ายแพ้เป็นสิบๆ เกมติดต่อกัน!”

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “อีกไม่กี่วัน ทีมหยุนเฉิง ก็จะมีเกมอุ่นเครื่องกับทีมเย่เฉิง จริงๆ แล้วในความคิดของผม ด้วยความแข็งแกร่งของ ทีมหยุนเฉิง เราไม่จําเป็นต้องทําอะไรเล็กๆ น้อยๆ นี่เลยด้วยซ้ำ เพราะการที่ หลินฟาน ตัวน้อยนี่ มันได้ซื้อสโมสรขยะแบบนี้มา ก็เท่ากับว่ามันได้ทำตัวเองขายหน้าแล้ว..”

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวขึ้นทันทีว่า : “แกเองไม่ใช่บอกหรือว่า หลินฟาน ตัวน้อย มันได้ไปหา อู๋ ต๋า มาเป็นโค้ชไม่ใช่เหรอไง?”

เว่ย เจี้ยนเซิง ได้ยิ้ม และพูดว่า : “อู๋ ต๋า เคยเป็นอดีตนักเตะอัจฉริยะมาก่อนก็จริงครับ แต่ในระยะเวลาอันสั้นแค่นี้ เขาจะไปสามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างไรกันครับ”

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “งั้นก็รอดูความแข็งแกร่งของพวกเขาก่อน ถ้า ทีมหยุนเฉิง แพ้.. งั้นเราก็แค่นั่งรอดูละครดีๆ ก็พอ”

“ใช่..” เว่ย เจี้ยนเซิง ได้กล่าว เขาเองได้มั่นใจมากว่า ทีมขยะอย่างทีมหยุนเฉิง จะไม่สามารถชนะได้ พวกเขาเองในตอนนี้ก็แค่รอดูเรื่องตลกก็พอ

หลินฟาน มักจะดูเรื่องตลกของพวกเขา และในตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ดูเรื่องตลกของ หลินฟาน บ้างแล้ว..

บ่ายวันนี้ หลินฟาน ได้ตื่นขึ้นมาที่เพนต์เฮาส์ของ ทอมสัน ยี่ผิน ในชั้นบนสุด

เมื่อคืนเขาเหนื่อยมาก...

เขาเอง.. ก็พอเพิ่งได้นอนตอนตีสี่ตีห้า

ตัวเขาเองยังนอนได้ต่อ แต่ หลัว หลี่ กลับไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ตอนเช้า หลัว หลี่ ก็ต้องรีบออกไป ..เพราะมีคดี

หลินฟาน เองก็ได้นอนหลับไปจนถึงบ่าย หลังจากตื่นนอน เขาก็ได้โทรไปหาเลขาฯ ของเขา จ้าว เจียอี้ และจัดการเรื่องของบริษัท เขาเห็นว่า จ้าว เจียอี้ ดูยุ่งเกินไป เพราะเธอต้องจัดการคนเดียว..

ดังนั้นเขาจึงหันไปโทรหา เว่ย เยว่เอ๋อร์ และถามเธอว่าจะกลับมาได้เมื่อไหร่ หยงจิ่ว กรุ๊ป เองในตอนนี้ ก็กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว บริษัทเองก็กำลังยุ่ง หลินฟาน ตระหนักได้ดีว่าเขาขาดกำลังคนจริงๆ และเขาก็ได้ให้ความสําคัญกับ เว่ย เยว่เอ๋อร์ มาก ความสามารถในการทํางานของ เว่ย เยว่เอ๋อร์ นั้นถือได้ว่ายอดเยี่ยม ..อย่างไม่ต้องสงสัย

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ หลินฟาน เองก็ได้วิ่งไปที่บริษัททุกวัน  และมันก็ยากที่จะนั่งสะบัดมืออย่างกับเจ้าของร้านทั่วไปที่ไม่ต้องลงมือทำเอง คนรวยนี่ก็น่าเบื่อ ทั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

ในโลกนี้มหาเศรษฐีทุกคนต่างก็มีอาณาจักรธุรกิจเป็นของตัวเอง ที่จริงแล้ว พวกเขาก็ยุ่งมาก ยุ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปเยอะ ในทางตรงกันข้าม หยงจิ่ว กรุ๊ป เองก็เพิ่งที่จะเริ่มต้นขึ้น ..เท่านั้น

กริ้งๆ กริ๊งๆ กริ้ง…

ในเวลานี้ จู่ๆ หลินฟาน ก็ได้รับโทรศัพท์จากสายหนึ่ง..

(1)[ตราบใดที่มีเนินเขาเขียวขจี เราก็ไม่กลัวที่จะไม่มีฟืน (留得青山在,不怕没柴烧)] - หมายถึง ตราบใดที่มีชีวิต, ก็ย่อมต้องมีความหวัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด