บทที่ 231: ทาส
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าหิว!”
ลู่หลีที่กำลังหลับอยู่ตรงมุมห้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงทะเลาะกันของพ่อแม่ พอตื่นมาท้องของเขาก็ร้องประท้วงดังลั่น เขาจึงเริ่มส่งเสียงโวยวายเพราะความหิวโหย
ยามนี้ครอบครัวตระกูลลู่ไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบันเลย
เมื่อแม่กวางเฒ่าเห็นว่าลูกชายตื่นแล้ว ดวงตาของนางก็เป็นประกาย ก่อนที่นางจะวิ่งไปดึงเขาขึ้นจากพื้นพลางพูดเกลี้ยกล่อมว่า
“ลูกเอ๋ย ท่านผู้เฒ่ามีอาหารมากมาย เราไปขโมยกินกันเถอะ เจ้ายังเป็นเด็ก แม้เขาจะรู้เข้า เขาก็ไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาพิเศษแบบนี้ หัวหน้าเผ่าคงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยของลู่หลีอย่างแน่นอน
“ข้าไม่ไป ท่านแม่ก็ไปเองสิ”
เด็กหนุ่มแกะมือแม่ของตนออกจากแขน พอเขาได้ยินว่าตัวเองต้องออกไปจากที่นี่ เขาก็ต่อต้านขึ้นมาทันที
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่พวกเขาทะเลาะกับบ้านตระกูลหูคราวที่แล้ว เขาก็มักจะหลบอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ แล้วไม่ขยับตัวออกจากมุมไปไหนไม่ว่าจะเป็นยามที่กินหรือปลดทุกข์ก็ตาม
บัดนี้เขาปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์
“ลูกเอ๋ย ทำไมดื้ออย่างนี้!” แม่กวางเฒ่าโกรธลูกชายมากจนทำอะไรไม่ถูก
ใจจริงนางเองก็อยากไปขโมยอาหารคนเดียว แต่ในระหว่างความวุ่นวายตอนนี้ หัวหน้าเผ่าและภูตคนอื่นคอยระวังนางและไม่ยอมให้นางเข้าใกล้เสบียงเลยแม้แต่น้อย
นั่นทำให้หญิงชราหาจังหวะเข้าไปขโมยของกินไม่ได้เลย!
“ข้าหิว! ข้าหิวมาก! ข้าอยากกิน!” ลู่หลีโวยวายแล้วทิ้งตัวกลิ้งไปกับพื้นโดยไม่สนใจฟังอะไรทั้งสิ้น
เด็กหนุ่มทำนิสัยเหมือนกับตอนที่ลู่มู่ทำตัวเป็นอันธพาลทุกประการ
นางไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าจริง ๆ หรือเขาแค่แกล้งทำเป็นบ้ากันแน่!
สถานการณ์ย่ำแย่นี้ทำให้แม่กวางเฒ่าทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งสามีก็ไม่ยอมทำตามที่นางสั่ง และเจ้าลูกชายหัวรั้นก็ไม่เชื่อฟังนางอีก
ในขณะนั้นเอง พ่อกวางเฒ่าหยิบส้มโอลูกใหญ่ออกมาจากถุงหนังสัตว์ก่อนจะโยนให้ลู่หลี
ส้มโอกลิ้งไปมาบนพื้น 2-3 ตลบ พอมันกลิ้งมาถึงขาของเด็กหนุ่มที่กำลังเตะไปมา ในที่สุดเขาก็หยุดดิ้นแล้วพลิกตัวไปกอดส้มโอ จากนั้นก็เริ่มปอกมันกินโดยที่ทั้ง 2 คนไม่สนใจจะพูดคุยกับลู่มู่สักคน
หญิงชรามองดู 2 พ่อลูกแล้วกระทืบเท้าขัดใจ แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
...
ในเวลานี้หลงโม่, หูชิงซานและกลุ่มภูตชายมุ่งหน้ามายังทางเข้าเผ่า
จากระยะไกล ทุกคนมองเห็นความยุ่งเหยิงด้านนอกเผ่า ทั้งกำแพงของเผ่าพังทลาย หิมะบนพื้นปลิวว่อน รวมถึงดินสีดำผสมกับหิมะและซากศพกองรวมกันเป็นวงกลม
เบื้องหลังความโกลาหลนั้น มีหมาป่าสีเทากลุ่มหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่พวกเขา โดยที่ข้างหลังมีชายที่อยู่ในร่างมนุษย์ถูกล้อมรอบไปด้วยภูตหมาป่า ซึ่งเขากำลังส่งสายตาดูถูกให้กับฝ่ายตรงข้าม
“ไอ้พวกสารเลว!” ภูตชายคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
พวกมันมาโจมตีเผ่าอื่นไม่พอยังกล้าทำตัวหยิ่งผยองอีก!
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะมาจากไหน ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ากลับไปยังที่ที่พวกเจ้าจากมาซะ อย่าพยายามมาปล้นเผ่าของเรา ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตกลับไปแน่!” เสียงชายที่อยู่เบื้องหลังหูชิงซานตะโกนเสียงดังกังวาน
“เจ้าพูดไร้สาระอะไร ฆ่าพวกมันให้หมดซะ!” ภูตอีกคนโต้แย้งขึ้นมา
“กับดักของหูเจียวเจียวทำให้พวกมันสูญเสียภูตไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้พวกมันต้องสู้เราไม่ได้แน่ ๆ ฉะนั้นพวกเราบุกโจมตีพวกมันกันเถอะ!”
ในสายตาของพวกหูชิงซาน ซากศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นต้องสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับคู่ต่อสู้แน่นอน และฝ่ายตรงข้ามมีภูตหมาป่าเพียงไม่กี่สิบตัว ดังนั้นพวกมันคงต้านทานพวกเขาไม่ได้แล้ว
ทางด้านหลางซัวเม้มริมฝีปากอย่างดูแคลน
เขาคิดว่าภูตส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าพวกตนแข็งแกร่งไม่มากนัก แถมยังเป็นสัตว์กินพืชอย่างเช่นกวาง วัว และจิ้งจอก ซึ่งพวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ตามธรรมชาติของภูตหมาป่า ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันมีกำลังรบเพียงร้อยคนเท่านั้น
ชายผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไม่ให้ความสนใจกับภูตอ่อนแอพวกนี้เลยสักนิด
“ไอ้พวกกระจอก กล้าพูดจาอวดดีเสียจริง หึ...” เขายิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามและชี้นิ้วไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชา
วินาทีต่อมา กลุ่มภูตหมาป่าก็เดินขึ้นมาจากด้านหลังหลางซัวทีละตัวแล้วมองดูฝ่ายตรงข้ามด้วยดวงตาสีเขียวเข้มที่ฉายแววเย่อหยิ่ง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกหูชิงซานเบิกตากว้างทันที
“นั่นมัน! เป็นไปได้ยังไง…” จิ้งจอกหนุ่มทำหน้าตกใจขณะมองไปที่ภูตหมาป่ามากกว่าร้อยตัวตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ
จากซากศพมากมายบนพื้นดินจะเห็นได้ว่าภูตอย่างน้อย 200 คนตายเพราะกับดักที่คนในเผ่าวางไว้ แล้วอีกฝ่ายจะมีกำลังคนเหลือมากมายได้อย่างไร? นอกจากภูตที่เสียชีวิตด้วยกับดัก ศัตรูน่าจะนำภูตมาอย่างน้อย 400-500 คน
เป็นไปได้ไหมว่าเผ่าของฝ่ายตรงข้ามมีภูตนับพันคน?
เมื่อเปรียบเทียบกับเผ่าที่ทรงพลังเช่นนี้ เผ่าขนาดเล็กของพวกเขาเทียบไม่ติดเลย!
แล้วกลุ่มภูตชายฝั่งที่อยู่ในเผ่าก็ต้องหน้าซีดเซียวเป็นไก่ต้ม
“พวกมันก็แค่ทาสไร้ประโยชน์ ไม่ว่ากับดักของพวกเจ้าจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าจะฆ่าไปกี่ตัว” หลางซัวหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดเหมือนไม่สนใจซากศพทั้งหลายบนพื้น
“ทาส!?” ใบหน้าของหูชิงซานมืดลง เขาไม่คาดคิดว่าจะมีทาสอยู่ในเผ่าของอีกฝ่ายมากขนาดนี้
ไม่นานก็มีชาย 2 คนเดินออกมาจากฝูงภูตหมาป่า ชายคนนั้นถือโซ่สีดำ 2 เส้นไว้ในมือ และที่ปลายอีกด้านของโซ่เป็นภูตที่ถูกล่ามมือและเท้าไว้
คนเหล่านี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าท่อนบน ร่างกายของพวกเขาจึงแดงเพราะถูกความเย็นกัดผิวจนแตกระแหง อีกทั้งใบหน้าของแต่ละคนดูซีดเซียวผิดปกติ แล้วทุกย่างก้าวที่พวกเขาเดินนั้นดูไม่มั่นคงเลยสักนิด
ครู่ถัดมา ภูตหมาป่าเตะทาสคนหนึ่งจนโซ่ส่งเสียงดัง ส่งผลให้ทาสทั้งแถวล้มลงไปนั่งคุกเข่าบนหิมะ
โดยธรรมชาติแล้วผู้คุมชะตาชีวิตคนอื่นไม่ได้สนใจชีวิตของทาสเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นภูตหมาป่าคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง
“พวกเจ้าคิดว่าไอ้กับดักโง่ ๆ นี่สามารถทำร้ายพวกเราได้งั้นรึ? เจ้าเพิ่งฆ่าทาสที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ไปเท่านั้นแหละ”
“คิดหรือว่าเผ่ากระจ้อยร่อยอย่างพวกเจ้าจะต่อต้านเราได้ ฝันไปซะเถอะ!”
เมื่อหูชิงซานได้รู้ความจริง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขึงขัง และความโกรธก็พลุ่งพล่านในดวงตา “เจ้าใช้ทาสมาเหยียบกับดักแทนเนี่ยนะ!”
ทาสคือภูตจากเผ่าที่พ่ายแพ้ให้แก่ฝ่ายตรงข้าม
ผู้หญิงมีโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า แต่ผู้ชายและเด็กมีเพียง 2 ทางเลือก นั่นก็คือยอมตกเป็นทาสหรือตาย
ทาสเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์
พอจิ้งจอกหนุ่มคิดว่าระเบิดไม่ใช่แค่กำจัดผู้บุกรุกไม่ได้ แต่ยังคร่าชีวิตทาสที่บริสุทธิ์แทน ขณะนี้โทสะในใจของชายหนุ่มลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ
ไอ้หมาป่าชาติชั่ว!
พวกมันไม่สมควรเกิดมาเป็นภูต!
ทางด้านหลางซัวยิ้มเหยียดในขณะที่ดวงตาเย็นชาฉายแววชั่วร้าย และเขาก็พูดอย่างเฉยเมยว่า
“มันเป็นแค่กลุ่มทาส ข้าไม่ได้ฆ่าพวกมันทันทีนั่นก็ถือว่าข้าเมตตาพวกมันมากแล้ว การตายเพื่อข้าถือเป็นเกียรติของพวกมัน”
เขาพูดเหมือนกับว่าคนที่ล้มตายไปต่อหน้าตนไม่ใช่ศพ แต่เป็นผักปลาเน่า ๆ
“นี่เจ้า!”
หูชิงซานกัดฟัน มันกล้าพูดได้อย่างไรว่านี่เป็นเกียรติที่ต้องมาตายเพราะมัน? เขาเคยเห็นคนไร้ยางอายมามากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นคนเลือดเย็นเช่นนี้มาก่อน
“ตราบใดที่พวกเจ้าหลีกทางยอมจำนนโดยง่าย ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าและปล่อยให้พวกเจ้าได้เป็นทาสของข้า”
หลางซัวเอ่ยพลางยกมือขึ้นกระดิกนิ้วเบา ๆ 2-3 ครั้งประหนึ่งว่ากำลังหยอกล้อกับลูกแมวหรือลูกสุนัข
ถัดมา ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พอเขาเปิดปากพูดอีกครั้ง น้ำเสียงเกียจคร้านก่อนหน้านี้ก็ฟังดูน่ากลัวขึ้น
“มิฉะนั้น พวกเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปเหมือนศพพวกนี้”
บอกได้เลยว่าเขาไม่รังเกียจที่จะฆ่าทุกคน!
“เจ้ากำลังฝันไปอยู่หรือไง ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีกี่คน ต่อให้เราต้องเอาชีวิตเข้าแลก เราก็จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้ก้าวเข้ามาในเผ่า!” ภูตชายของเผ่าตะโกนเสียงดัง
เมื่อหลางซัวได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย แววตาขี้เล่นก็ฉายชัดขึ้น
จากนั้นเขาถามว่า “เอ๋... พวกเจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมข้าถึงพาคนมาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น? ข้าจะบอกให้ก็ได้ว่าคนที่เหลือเข้าไปในเผ่ากันหมดแล้ว…”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ไม่น้าาาา แล้วแบบนี้พวกเจียวเจียวจะเป็นยังไงกันบ้างเนี่ย