ตอนที่ 6 ผู้หญิงชุดแดง
ทุกคนแต่งตัวหาอะไรกินเสร็จ แล้วเราก็เก็บข้าวของและไปยังเมืองโบราณฟีนิกซ์ เมืองโบราณเต็มไปด้วยอาคารไม้ซึ่งสวยงามมาก เมืองโบราณฟีนิกซ์เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในประเทศจีน โดย นักเขียนชื่อดังในนิวซีแลนด์
รู้สึกว่าที่แห่งนี้มันสวยจริงๆ เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆที่ฉันเคยเห็น
พวกเรากว่า 50 คน เดินเตร่ไปทั่วเมืองโบราณทุกเช้า
จากนั้นเล่าจางก็พาเราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โรงแรมนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีห้าชั้น เล่าจางเปิดห้องมากกว่า 20 ห้อง หนึ่งห้องสําหรับ2คน
นี่เป็นข่าวดีอย่างมาก มันรู้สึกสดชื่นที่ได้อยู่ในเต็นท์ในป่าในตอนแรก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัด อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ฉันเป็น
ขณะที่เรากําลังคุยกันที่ล็อบบี้ จู่ๆ ผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าๆที่แผนกต้อนรับก็ยืนขึ้นในชุดสวย เธอยืนขึ้นด้วยความโกรธมากและตะโกนใส่โทรศัพท์ว่า "ไอ้สารเลว! ถ้าคุณไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฉัน ฉันจะกระโดดลงจากตึกเพื่อแสดงให้คุณเห็นทันที!"
เสียงของเธอดังมากจนพวกเราทุกคนกลัว ท้ายที่สุดเราทุกคนที่เป็นนักเรียน จ้องมองไปที่เธอว่าสุดท้ายแล้วมันจบการสนทนานี้อย่างไร
ตอนนั้นฉันยืนอยู่ใกล้ๆผู้หญิงคนนั้น และฉันได้ยินเสียงจากชายที่พูดอยู่โทรศัพท์ว่า "มันก็แล้วแต่เธอ คุณจะกระโดดหรือไม่"มันเรื่องของคุณ
หลังจากเสียงนั้นพูดจบเธอก็วางสายโทรศัพท์ทันที
ผู้หญิงอีกสองคนที่อยู่แผนกต้อนรับก็รีบมาปลอบโยนผู้หญิงคนนั้นทันที ฉันเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าของเธอก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
ไอ้สารเลวเอ๊ย แล้วมึงจะเสียใจ!" หลังจากพูดอย่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็หยิบเสื้อโค้ทหนังสีแดงออกมาจากด้านล่างของแผนกต้อนรับ แล้วรีบขึ้นไปบนบันไดทันที
เล่าจางคงรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติและจึงรีบวิ่งออกไปดู
แม้ว่าเล่าจางจะดูอ้วนมาก แต่เขาก็วิ่งเร็วมากๆ
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เรามาทำเรื่องของเรากันต่อ
ผู้หญิงอีกสองคนที่แผนกต้อนรับอาจคิดว่าผู้หญิงคนนั้นแค่โกรธ พวกเขาวิ่งขึ้นไปสงบสติอารมณ์และขอให้เราเช็คอินต่อจนเสร็จ
ปัง!
ไม่นานก็มีเสียงดังที่ประตูโรงแรม ฉันมองและเดินออกไปดูฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดหนังสีแดงนอนอยู่ที่ประตูโรงแรม ฉันเดินช้าๆไปที่ประตู เธอเสียชีวิตแน่ๆ ตาทั้งสองข้างหลุดออกมา
ที่ปากกับจมูกก็มีเลือดออกเต็มเลย
ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆร่างของเธอ ทันใดนั้นฉันก็เห็นว่าเธอยังไม่ตาย เฉยเห็นปากของเธอขยับแล้วพูดว่า ตาย”ตาย
หลังจากที่พูดเสร็จ ผู้หญิงคนนั้นก็หมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อต่าฉันเลย
"ให้ตายเถอะ เธอตายแล้ว“ฉันรีบถ่ายรูปเธอเก็บไว้ด้วย” ทันใดนั้น เพื่อนร่วมชั้นเรียนหญิง ชื่อ เจนนี่ที่อยู่ข้างๆ ฉัน ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาด้วยรอยยิ้มเพื่อถ่ายรูปร่างของผู้หญิงคนนั้นด้วย แต่ระหว่างหยิบโทรศัฟท์มาเธอก็สะดุดล้มซะก่อน ฉันเห็นแบบนั้นฉันก็เลยหัวเราะ5555
เธอคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพูดว่า: "คุณมีความสุขมาก
เหรอที่เห็นฉันล้ม ไอ้คนบ้าเอ้ย..
“คุณมันบ้า โทรศัพท์มือถือก็แบตหมด
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน โถ้เว้ย “
ฉันมองไปที่เจนนี่อย่างเหนื่อยล้า เล่าจางก็วิ่งลงไปชั้นล่าง
หอบแง๊กๆ เขาตะโกนใส่เราว่า "คุณกําลังทําอะไรอยู่ โทรไปที่หมายเลขฉุกเฉินแล้วโทรหาตํารวจด่วนๆเลย!"
ทันใดนั้น ทุกคนก็เริ่มหยิบโทรศัฟย์มาอย่างเร่งรีบ แต่มีเพียง เจนนี่เท่านั้นที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาชาร์จแบต และก็ถ่ายรูปสองรูป แล้วก็ส่งแชทของเธอกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆเธออย่างมีความสุข
ฉันไม่อยากจะสนใจเขา ไม่นานรถรถพยาบาลก็มาถึง แต่หมอส่ายหัว เธอไม่มีชีพจรแล้ว ตํารวจก็พาเล่าจางและผู้หญิงสองคนที่แผนกต้อนรับไปทําบันทึกประจำวัน
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้คงไม่มีอะไรแล้ว
หวังลุ่ยกับฉันก็แยกย้ายกันไปพัก
ห้องพักของโรงแรมมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ชั้นสามทั้งหมดเต็มไปด้วยนักเรียนในชั้นเรียนของเรา ฉันมองลงมาจากหน้าต่าง ฉันยังคงเห็นเลือดบนพื้นลางๆอยู่ด้านล่าง
หวังลุ่ย นอนเบื่อๆและดูโฆษณาของโทรศัพท์มือถือที่ลดราคาอยู่เพียง 399 เครื่อง
และฉันก็หยิบหนังสือขึ้นมาอย่างเบื่อหน่ายเพื่อดูว่ามีบันทึกที่เกี่ยวข้องของกับการตายแบบผู้หญิงในชุดสีแดงที่กระโดดลงจากอาคารหรือไม่
แน่นอน!
ฉันเจอจริงๆ แต่เมื่อฉันอ่านบันทึกในหนังสือเล่มนี้ จู่ๆ ฉันก็สูดอากาศเข้าแล้วถอนหายใจแรงๆ ฉันอ้าปากค้าง
มันมีใจความว่า คนที่ฆ่าตัวตายนั้น วิญญานเหล่านี้จะวนเวียนไม่ไปไหนและจะตกนรกหมกไหม้ และถ้าผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายด้วยชุดแดงด้วยความแค้น เธอจะกลายเป็นผีวิญญาณที่ดุร้าย เต็มไปด้วยแรงพยาบาทของคนที่เธอเกลียดชัง
ฉันส่ายหน้าแล้วโยนหนังสือทิ้ง แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเกลียดใคร ก็ตามแต่ก็มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนิ
หลังจากนอนเล่นอยู่ในห้องประมาณสองชั่วโมง โทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น เล่าจางโทรมา…..
"รีบลงมา ออกไปกินข้าวกลางวันกันเถอะ" หลังจากพูดอย่างนั้น เล่าจางก็วางสายโทรศัพท์ หวังลุ่ยกับฉันรีบลงไป เพื่อนร่วมชั้นมารวมตัวกันที่ห้องโถงและพวกเขาทั้งหมดก็ล้อมรอบเล่าจางและถามว่ามีอะไรเป็นยังงัยบ้าง ทุกคนต่างส่งสัย
"ไม่เป็นไร แค่ให้ปากคำแล้วลงบันทึกประจำวัน ออกไปทานอาหารเย็นกันเถอะ" หลังจากที่เล่าจางพูดจบ เขาก็เดินนำไปข้างหน้า และพวกเราก็เดินตามไป
เรามาถึงห้องอาหาร แล้วทุกคนก็เริ่มกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
ฉันกินอาหารไปได้สองคำ
ฉันรู้สึกว่าจิตใจของฉันคิดถึงแต่ร่างของผู้หญิงที่กระโดดลงจากอาคารและเสียชีวิต
นอกจากฉันกับเล่าจางแล้ว คนอื่นไม่กังวลหรือตกใจอะไรเลย
ทุกคนกินดื่มอย่างมีความสุข
เล่าจางก็ดูเหมือนจะกังวลและไม่อยากกินอาหารสักเท่าไร
ปัง!
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเตะเปิดออก แล้วก็มีชายสามคนเดินเข้ามา ผู้นําเป็นชายหัวแดงที่ดูอายุประมาณ 20 ปี
และอีกสองคนก็ดูเหมือนจะเป็นพวกอันธพาล
ใครกันที่ฆ่าแฟนฉัน ยืนขึ้นมาเดี๋ยวนี้!" พวกอันธพาลตะโกนมาด้วยเสียงอันเย่อหยิ่ง
ผู้ชายคนนี้คือแฟนของผู้หญิงที่กระโดดลงจากตึกตายก่อนหน้านี้หรือ?
ฉันเคยเห็นผู้หญิงคนนั้น อันที่จริงเธอค่อนข้างจะสวยและดูเด็ก แต่ฉันไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะกร่าง และป่าเถื่อนอะไรเช่นนี้
ฉันคิดว่าชายสามคนเหล่านนี้คงมาผิดที่แล้วละ
ในชั้นเรียนของเราก็มีแต่นักเรียนที่ยากจนที่สุดในโรงเรียน
แต่ละคนก็ทะเลาะกันข้างนอกตลอดทั้งวัน
ดูท่าที่แล้วนักเรียนเหล่านี้จะไม่กลัวพวกชายสามคนที่มาเลย
ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งชื่อ ตงห่าว ในชั้นเรียนของเรายืนขึ้น
แล้วตะโกนบอกว่า ใครจะไปรู้มั้ยละ !! พวกเองมาผิดที่แล้ว
“นั่งลงเด็กน้อย เดี๋ยวฆ่าซะเลย”
เล่าจางยืนขึ้นแล้วไปเดินไปที่อัธพาลสามคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้ฉันกำลังไปช่วยคน แต่ฉันช่วยไม่ทัน คุณคือแฟนของผู้หญิงคนนั้นเหรอ” เล่าจางถาม
ผู้ชายผมสีแดงที่ดูหยิ่งผยองคนนั้นตะโกนว่า ใช้แล้วฉันนี่แหละ
เองนี่อ่านะที่จะช่วยแฟนฉัน เห็นได้ชัดๆว่าเองนี่แหละฆ่าแฟนฉัน
เองต้องชดใช้ด้วยเงิน แปดหมื่นหยวน ไม่เช่นนั้นฉันจะฆ่าเอง
จู่ๆ ต่งห่าวก็พูดขึ้นมาว่า " ไปเอาที่บ้านคุณสิ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็รีบวิ่งตรงไปที่เก้าอี้และเอาเก้าอี้ไปทุบหัวของชายผมแดง หลังจากตงห่าวทุบเสร็จ เขาก็ยิ้มและพูดว่า "คุณคิดจะทำอะไรหยุดเดี๋ยวนี้"
ชายผมแดงเลือดออกท่วมทั้งหัว เพื่อนอีกสองคนเห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งหนีออกไปก่อน “เดี๋ยวๆ รอด้วย” ชายผมแดงที่หัวเต็มไปด้วยเลือดรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีตามชายอีกสองไปอย่างรวดเร็ว
"กินต่อไป อย่าสร้างปัญหา" ใบหน้าของเล่าจาง หันกลับมาเป็นพูดด้วยใบหน้าเศร้าๆเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อเล่าจางนั่งลง ฉันเลยถามไปว่า "เกิดอะไรขึ้นคุณดูไม่ค่อยสบายเลย ใบหน้าคุณดูเศร้าๆ คุณถูกตำรวจทำโทษมาหรือ
เล่าจางส่ายหัวแล้วมองมาที่ฉันสักครู่หนึ่ง เขาก็มากระซิบข้างหูฉันว่า “อยากรู้มั้ยว่าหญิงสาวที่กระโดดลงมาวันนี้จะเป็นยังงัยเมื่อเธอตายแล้ว”
"หือ?" จู่ๆฉันก็สงสัยขึ้นมา
เล่าจางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบอกฉันว่า เธอจะกลายเป็นผีที่ดุร้ายกลับมาฆ่าเรา
แม้ฉันจะไม่กลัว แต่ฉันฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงตอนที่เธอเสียชีวิต
ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ละ ฉันขมวดคิ้วแล้วถาม
"ฉันไม่รู้" เล่าจางส่ายหัว
"ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก" ฉันปลอบโยนตัวเอง
ถ้าผีตัวนั้นต้องการฆ่าพวกอันธพาล ฉันจะไม่ว่าอะไรเลย
แต่ถ้ามันจะมาจัดการกับเรา ฉันก็คงต้องหาวิธีป้องกันตัว
ฉันถอนหายใจออกและพูดว่า "ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ฉันขอกลับไปที่โรงแรมก่อน"
ฉันกลับไปที่โรงแรมและเปิดหนังสือของปู่ฉันอ่านอย่างจริงจังเพื่อดูว่ามีวิธีการอะไรบ้างที่จะช่วยฉันได้ถ้าหากผีตัวนั่นจะมาจัดการกับเราจริงๆ
โชคดีที่มีอยู่สองวิธีในหนังสือเล่มนี้ที่ป้องกันไม่ให้ผีผู้หญิงกลายเป็นผีที่ชั่วร้ายได้ แต่เมื่อฉันเห็น ฉันก็ตกตะลึงทันที
วิธีแรกคือขโมยร่างผีตัวนี้แล้วเอาไปไว้ในดินแดนแห่งความสุขแล้วเรียกวิญญาณของผีตัวนี้ออกมาคุยให้อยู่ในดินแดนแห่งนี้
แต่วิธีนี้ดูเหมือนจะยากนิดนึง จะขโมยศพได้ที่ไหน จะหาดินแดนแห่งความสุขได้ที่ไหน ใช้อะไรเรียกวิญญาณ
ไม่ ไม่ ทําอะไรไม่ได้ ฉันต้องล้มเลิกวิธีนี้เด็ดขาด
ฉันเลยมองไปดูวิธีการที่สอง วิธีการที่สองนี้คือ
การส่งวิญญานไปเกิดโดยตรง โดยใช้ บุญบารมีของเราสวดส่งส่งวิญญาณไปเกิด
ฉันนี่อ่านะ ที่บุญบารามี !!!!!
ฉันจะฉีกหนังสือเล่มนี้ทิ้งจริงๆ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย
มันจบแล้ว ฉันถอนหายใจ ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงนักพรตลัทธิเต๋าคนนั้น เขาต้องมีวิธีจัดการแน่ๆ ฉันก็รีบหานามบัตรที่เขาทิ้งไว้ให้ทันที……
โปรดติดตามตอนต่อไป