ตอนที่ 236 แขก
ตอนที่ 236 แขก
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังติดอยู่ในห้องลับ ยานแบทเทิลครุยเซอร์รุ่นไทแรนท์ก็ปรากฏตัวขึ้นบริเวณใกล้ ๆ กับดาวนิรนาม
ภายในห้องบัญชาการของตัวยานมีชายชรากำลังจ้องมองไปยังดาวเคราะตรงหน้าด้วยแววตาที่เฉียบคม โดยชายชราคนนี้มีผมขาวยาวสลวยและมีเคราสีขาวยาวไปจนถึงหน้าอก หากเขาได้ไปปรากฏตัวบนโลกเขาก็คงจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเทพเซียนในตำนานอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่จมูกของเขาโด่งโค้งแหลมลงมาราวกับแม่มด ทำให้ใบหน้าได้แสดงอารมณ์ออกมาถึงความเจ้าเล่ห์
ด้านข้างชายชราคนนี้คือชายหนุ่มอายุประมาณ 18 ปี ผู้ซึ่งมีริ้วรอยเต็มใบหน้า ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่มากกว่าชายหนุ่มที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี
“อาจารย์พวกเราต้องส่งสัญญาณบอกพวกเขาล่วงหน้าหรือเปล่าครับ?” ชายหนุ่มถาม
“จะไปเสียเวลาบอกพวกมันทำไม? ขับยานเข้าไปในสำนักของพวกมันเลย!” ชายชรากล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัวช้า ๆ
“นั่นสินะ ตอนนี้สำนักเงาสังหารไม่ใช่สำนักนักฆ่าอันดับ 1 ในจักรวาลอีกต่อไป พวกเราไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจพวกมันอีกแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับสนับสนุนความคิดอาจารย์อย่างประจบประแจง
“ฟางหยวนถึงแม้ว่าสำนักเงาสังหารจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับเมื่อก่อน แต่พวกเราก็จะประมาทสำนักแห่งนี้ไม่ได้” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมจะจำคำสอนของอาจารย์ไว้ครับ แต่ครั้งนี้ผมจะลงมืออย่างไม่ปราณี ผมจะไม่ทำให้อาจารย์สูญเสียชื่อเสียงเป็นอันขาด” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับรีบแสดงความเคารพ
ชายชราหัวเราะออกมาเบา ๆ กับท่าทางของลูกศิษย์ ก่อนที่เขาจะใช้มือตบศีรษะของชายหนุ่มเบา ๆ ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
ยานไทแรนท์แล่นเข้าสู่ดาวนิรนามอย่างรวดเร็ว โดยจงใจบินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้าก่อนจะลงจอดที่สนามบินพิเศษของสำนักเงาสังหารราวกับว่าต้องการจะหยามหน้าสำนักเจ้าถิ่นเต็มที่
ภายในสำนักเงาสังหารมีการป้องกันอย่างแน่นหนา พวกเขาจึงได้รับรายงานทุกการเคลื่อนไหวของยานลำนี้
จู่ ๆ มันก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเดินทางเข้ามาภายในดาวนิรนามโดยไม่แจ้งพวกเขาล่วงหน้า มันจึงไม่มีใครรู้ได้ว่าเจ้าของยานลำนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
บรื้น!
ยานไทแรนท์จงใจพ่นไอพ่นออกมาครั้งใหญ่คล้ายกับพวกมอเตอร์ไซค์ที่เบิ้ลเครื่องใส่คู่แข่งของพวกเขา
สำนักเงาสังหารมักจะรับภารกิจในพันธมิตรอยู่เสมอ และถึงแม้ว่าภารกิจของพวกเขาจะต้องใช้กำลังคนเป็นจำนวนมาก แต่ยานเดสทรอยเยอร์เพียงลำเดียวก็เพียงพอสำหรับการทำภารกิจแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสำนักที่ร่ำรวยเงินทอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ซื้อยานแบทเทิลครุยเซอร์ขนาดใหญ่เอาไว้
สำหรับนักฆ่ายิ่งยานอวกาศของพวกเขาไม่เด่นสะดุดตาเท่าไหร่ยิ่งดีกับภารกิจของพวกเขาเท่านั้น ท้ายที่สุดขนาดของยานแบทเทิลครุยเซอร์ก็เด่นสะดุดตามากเกินไป ไม่เหมาะสมสำหรับการขับไปทำภารกิจที่ต้องลอบเร้นเข้าไปท่ามกลางเป้าหมายเลย
เหล่าบรรดาลูกศิษย์ของสำนักเงาสังหารที่คอยดูแลลานจอดยานต่างก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเต็มที่ แต่พวกเขาก็ต้องระงับความโกรธเอาไว้ภายในใจพร้อมกับล้อมรอบยานลำนี้เอาไว้ด้วยใบหน้าที่สดใสราวกับกำลังต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
วืด!
บันไดเลื่อนอัตโนมัติยื่นออกมาจากยานรบ ก่อนที่ชายชราและลูกศิษย์ตัวอ้วนของเขาจะเดินนำหน้าลงมา ตามมาด้วยกลุ่มลูกศิษย์ลูกหาคนอื่น ๆ ที่แสดงความหยิ่งยโสออกมาไม่แพ้กัน
อาจารย์เป็นแบบไหน ลูกศิษย์ก็เป็นแบบนั้น คือคำพูดที่สามารถใช้ได้จนถึงปัจจุบัน เพราะไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรือลูกศิษย์ต่างก็มีสีหน้าดูถูกเหยียดหยามไม่แพ้กันเลย
ศิษย์สำนักเงาสังหารผู้ซึ่งมีความอาวุโสมากที่สุดส่งสัญญาณให้ทุกคนอดทนเอาไว้ ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าไปข้างหน้าโค้งคำนับชายชราและกล่าวถามขึ้นมาว่า
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเป็นใคร? แล้วมีธุระอะไรกับพวกเราเหรอครับ?”
น้ำเสียงที่เขาเลือกใช้เป็นน้ำเสียงที่ไม่อ่อนน้อมหรือหยิ่งยโสจนเกินไป ซึ่งเป็นน้ำเสียงมาตรฐานที่เหล่าทูตได้ใช้กัน
ถึงแม้มันจะมีสัญญาณเตือนอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกไปบริเวณรอบนอกของดาวเคราะเพื่อบ่งบอกว่าดาวดวงนี้เป็นอาณาเขตส่วนตัว แต่มันก็ยังมีพวกตาเซ่อได้หลงเข้ามาภายในดาวโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งในรอบประมาณ 2-3 ปี และตราบใดก็ตามที่พวกเขาส่งคนพวกนี้ออกไปได้ สำนักเงาสังหารก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวตนของพวกเขาออกมา
ชายชราหนวดขาวยังคงจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่สนใจ ลูกศิษย์ร่างอ้วนของเขาจึงผลักนักฆ่าผมบลอนด์คนนี้ออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
“ไสหัวไป! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาสอบสวนอาจารย์ของพวกเรา ไปเรียกเจ้าสำนักของพวกแกออกมาต้อนรับอาจารย์ของฉันเดี๋ยวนี้!”
ชายร่างอ้วนออกแรงค่อนข้างเยอะทำให้นักฆ่าผมบลอนด์ผู้ซึ่งออกมาต้อนรับถูกผลักกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตร
เหล่านักฆ่าที่อยู่บริเวณโดยรอบได้แสดงสีหน้าที่ตกใจออกมาอย่างฉับพลัน ก่อนที่ใบหน้านั้นจะได้แสดงความโกรธแค้นออกมา
อย่าลืมว่าที่นี่คือที่ตั้งของสำนักเงาสังหาร ทุกคนที่อาศัยอยู่ในดาวดวงนี้จึงถูกฝึกฝนมาให้เป็นนักฆ่าโดยเฉพาะ และถึงแม้ว่าปกตินักฆ่าในสำนักจะไม่ใช่คนที่โหดร้าย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำใจยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้จริง ๆ
นักฆ่าผมบลอนด์คือคนที่มีหน้าที่คอยดูแลลานจอดแห่งนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกโกรธที่โดนกระทำอย่างไม่ให้เกียรติ แต่เขาก็ยังส่งสัญญาณให้ลูกน้องทุกคนสงบลง
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ได้เตรียมการเอาไว้จนหมดแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะลงมืออย่างบุ่มบ่ามจนทำให้สำนักเสียหน้าได้เป็นอันขาด
“ไม่ทราบว่าพวกคุณได้นัดหมายกับเจ้าสำนักไว้หรือไม่? ไม่อย่างนั้นพวกคุณทั้งสองก็แจ้งชื่อของพวกคุณเอาไว้แล้วผมจะไปแจ้งให้ท่านเจ้าสำนักทราบ”
“ไอ้สถุล! คิดว่าตัวเองเป็นคนระดับไหนถึงกล้ามาถามชื่ออาจารย์ของพวกเราแบบนี้ รีบ ๆ ไสหัวออกไปซะ!!” ชายอ้วนถ่มน้ำลายลงบนพื้นพร้อมกับด่ากราดออกมาอย่างไร้มารยาท
ท้ายที่สุดเหล่าผู้มาใหม่ก็ดึงดันจะเข้าไปในเขตของภูเขา นักฆ่าผมบลอนด์จึงรีบร้อนกล่าวเตือนออกไปว่า
“สถานที่แห่งนี้เป็นเขตหวงห้าม คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปครับ”
ในความเป็นจริงพวกเขาอยากให้คนพวกนี้บุกรุกเข้าไปภายในเขตภูเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะการทำแบบนั้นจะอยู่นอกเหนือเขตรับผิดชอบของพวกเขาออกไปแล้ว
ผู้บุกรุกจะถูกนักฆ่าเดนตายเข้าจู่โจมอย่างไร้ปรานี ซึ่งนักฆ่าพวกนี้ก็จะพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ผู้บุกรุกขึ้นไปบนภูเขาได้
แต่ทันใดนั้นศิษย์ตัวอ้วนก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนที่เขาจะปล่อยหมัดขวาออกไปตรงไปยังหัวใจของนักฆ่าผมบลอนด์
นักฆ่าผมบลอนด์คนนี้เป็นถึงหัวหน้าศิษย์ที่คอยดูแลลานจอดยาน ฝีมือของเขาจึงอยู่ในระดับที่ถือว่าค่อนข้างดี แต่การจู่โจมในครั้งนี้เขาสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านมาเท่านั้น ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
การจู่โจมของชายร่างอ้วนคนนั้นรวดเร็วมากจนเกินไป แม้แต่ผู้มีพลังสายความเร็วในหมู่นักฆ่าเงาสังหารก็ยังไม่สามารถติดตามความเร็วในการโจมตีครั้งนี้ได้ทัน และมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงการพยายามหยุดการโจมตีเอาไว้เลย
ตูม!
หมัดนี้พุ่งตรงเข้าใส่หน้าอกของนักฆ่าผมบลอนด์อย่างรุนแรง ก่อนที่ร่างของเขาจะกระเด็นลอยออกไปเหมือนกับว่าวที่สายขาด
หมับ!
ทันใดนั้นก็มีร่างสีดำกระโดดออกมาจากฝูงชนพร้อมกับรับร่างของชายผมบลอนด์คนนี้เอาไว้กลางอากาศ หลังจากนั้นเขาก็ใช้มือซ้ายป้อนยาลูกกลอนเข้าไปในปากของผู้บาดเจ็บ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่พริบตา ก่อนที่ทุกคนจะได้เห็นว่าผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกเสียจากเงารัตติกาล 1 ใน 3 ผู้อาวุโสของสำนัก
เมื่อได้เห็นเงารัตติกาลปรากฏตัวเหล่าบรรดาลูกศิษย์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่มันกลับไม่มีใครได้คาดคิดว่าเงารัตติกาลจะวางร่างลูกศิษย์ของเขาลงและทำการโค้งคำนับชายชราผู้มาใหม่
“คารวะผู้อาวุโสตงเทียน ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสสบายดีหรือไม่?”
ชายชราหนวดขาวส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนที่เขาจะตอบกลับไปว่า
“ฉันสบายดี อย่างน้อยก็สบายกว่าในวันนี้ ฉันได้พาฟางหยวนมาเยี่ยมเงากระเรียนแต่พวกเรากลับถูกพวกคนตาบอดพวกนี้ขวางทางเอาไว้ ฉันจึงให้ลูกศิษย์ของฉันสั่งสอนบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเขา ถ้าเรื่องไหนไม่เหมาะสมฉันจะอธิบายเรื่องนี้ให้กับเงากระเรียนฟังเอง”
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเงาสังหารทุกคนต่างก็รู้สึกตกตะลึง เพราะชายชราที่ชื่อตงเทียนคนนี้ไม่ได้มีความเคารพเงารัตติกาลเลยแม้แต่น้อย
เงารัตติกาลไม่เพียงแต่จะเป็น 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเงาสังหารเท่านั้น แต่เขายังมีหน้าที่รับผิดชอบฝึกฝนนักฆ่าเดนตายผู้ซึ่งเป็นทหารหลักของสำนักแห่งนี้อีกด้วย ซึ่งด้วยเหตุนี้ตัวตนของเขาจึงไม่ต่างไปจากแม่ทัพใหญ่ที่คอยคุมกองกำลังของดาวดวงอื่นเลย
แต่ประโยคที่ว่า ‘ถ้าเรื่องไหนไม่เหมาะสมเขาจะอธิบายเรื่องนี้ให้กับเงากระเรียนฟังเอง’ มันก็หมายความว่าเงารัตติกาลไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา แล้วถ้าหากว่าเงารัตติกาลรู้สึกไม่พอใจก็จงให้เงากระเรียนออกมาพูดในเรื่องนี้แทน
เงารัตติกาลขมวดคิ้วแต่เขาก็ยกมือให้สัญญาณหยุดลูกศิษย์ทุกคนเอาไว้ ก่อนที่จะให้คนเดินนำพวกตงเทียนขึ้นไปบนภูเขา
“พวกนี้มันจะมาทำไม? มาทีไรก็สร้างความวุ่นวายให้กับสำนักทุกที” เงารัตติกาลบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะเดินตามกลุ่มแขกข้างหน้าไปอย่างติด ๆ
เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่เข้าใจปฏิกิริยาของเงารัตติกาลเลย พวกเขาเพียงแต่คิดว่าผู้อาวุโสของสำนักรู้สึกหวาดกลัวชายชราคนนี้ แต่เนื่องจากกฎของสำนักพวกเขาจึงทำได้เพียงแต่ออกความคิดเห็นภายในใจเท่านั้น ไม่มีใครกล้าพูดแสดงความคิดเห็นอะไรออกไป
สิ่งที่เงารัตติกาลไม่รู้คือคำพูดของเขาไปถึงหูของลูกศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ ทุกคำ และมันก็เริ่มก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำภายในสำนักเงาสังหารขึ้นมา
“ฟางหยวนนายคิดยังไงกับภูเขาลูกนี้เมื่อเทียบกับภูเขาหิมะของพวกเรา?” ตงเทียนถาม
“ภูเขาหิมะกับภูเขานิรนามมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่สภาพอากาศของภูเขานิรนามค่อนข้างดีเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของพวกผู้ฝึกฝนที่อ่อนแอ” ฟางหยวนกล่าวตอบ
“พูดได้ดี! แต่ฉันเบื่อหิมะกับน้ำแข็งที่ฉันเห็นมาชั่วชีวิตแล้ว ทำไมพวกเราถึงไม่ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างล่ะ” ตงเทียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
บทสนทนาของศิษย์อาจารย์คู่นี้ทำให้เงารัตติกาลผงะขึ้นมาเล็กน้อย เพราะด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่งที่ตงเทียนได้พูดออกมา มันก็ดูเหมือนกับว่าชายชราคนนี้คงจะมีแผนการภายในใจ
—
ในระหว่างที่พวกตงเทียนกำลังขึ้นไปบนภูเขา มันก็มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกำลังถูกขังภายในห้องลับและสถานการณ์ของเขาก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นักเลย
เซี่ยเฟยนั่งขัดสมาธิอยู่กลางห้องพร้อมกับพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากใช้เวลาในการปรับตัวเกินกว่า 10 นาที ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก่อนที่ภายในดวงตาของเขาจะส่องแสงขึ้นมาอย่างเจิดจ้าราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านได้แม้กระทั่งกำแพงหิน!
***************