บทที่ 229: พวกเจ้าออกไปไม่ได้
ความจริงแล้วหลางเมี่ยรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์กับความจู้จี้น่ารำคาญของอูหลิวเสมอมา
ไม่เพียงแค่นั้น เขาอยู่กับหลางซัวมานานที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้รับความไว้วางใจจากผู้เป็นหัวหน้าเผ่า ซึ่งถือได้ว่าเขาเป็นคนสนิทเพียงคนเดียวของหลางซัวเลยก็ว่าได้
ทว่าก็ยังมีคนสนิทอีกคนของผู้นำสูงสุด นั่นก็คืออูหลิว
ดังนั้นหลางเมี่ยจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับตาเฒ่านั่น และชอบที่จะโต้แย้งอีกฝ่ายในทุก ๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเพื่อให้ตนได้รับความโปรดปรานจากหลางซัว
พออูหลิวเห็นว่าผู้เป็นนายตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว เขาจึงนั่งลงข้างภูตหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บโดยมีใบหน้าบูดบึ้งมากขึ้น ในตอนนี้เหล่าคนเจ็บทำได้เพียงทนรับความเจ็บปวดต่อไปเพราะถ้าเอาปากสีดำออกจากขา เลือดก็จะยิ่งไหลออกมามากกว่าเดิม พวกเขาจำเป็นต้องรอหมอผีมาช่วยรักษาให้ตนตอนที่กลับไปถึงเทือกเขาชางเฟิง ซึ่งมันเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตรอดไปได้
ในไม่ช้า หลางเมี่ยก็เรียกคนออกมาจำนวนหนึ่งแล้วเดินหน้าฝ่ากับดักของศัตรูต่อไป
หลังจากพวกเขาข้ามจุดที่มีการซุ่มโจมตี ตอนนี้ก็เหลือเพียง 200 เมตรเท่านั้นก่อนที่จะถึงทางเข้าเผ่า
ข้างหน้าเป็นพื้นที่ราบกว้าง และทั้ง 2 ด้านของพื้นที่มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายเป็นแถวซึ่งถูกหิมะตกหนักทับถมเอาไว้
“ในระยะสั้น ๆ แค่นี้ ไม่มีทางที่จะมีการซุ่มโจมตีหรอก!” หลางเมี่ยพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจและโบกมือส่งสัญญาณให้คนของตน “บุก!”
“ใครก็ตามที่สามารถจับภูตมาได้มากที่สุด ข้าจะตบรางวัลคนคนนั้นโดยให้เลือกผู้หญิงเป็นคู่ก่อนคนแรก!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของผู้เป็นนาย มันก็ช่วยปลุกระดมให้เหล่าภูตหมาป่าเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาทันที
บัดนี้ดวงตาหมาป่าสีเขียวเข้มหลายคู่เปล่งแสงเยือกเย็น พร้อมกับที่พวกมันส่งเสียงหอนออกมา และรีบพุ่งเข้าไปยังประตูทางเข้าเผ่าหลังจากได้ยินคำสั่งของหลางเมี่ย
ตูม! ตูม!
ทันใดนั้นเอง เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหล่าภูตในถ้ำตื่นตระหนก
“ท่านผู้เฒ่า เผ่าของเราถูกรุกรานใช่ไหม ข้าได้ยินเสียงระเบิด พวกภูตที่บุกรุกเข้ามาอาจถูกระเบิดตายไปจนหมดแล้ว!”
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ภูตหมาป่ามีจำนวนมาก ข้าเกรงว่าพวกมันจะไม่ตายง่ายขนาดนั้น...”
กลุ่มภูตชายในถ้ำที่ได้ยินเสียงระเบิดรีบมารวมตัวกับหัวหน้าเผ่าทีละคน ซึ่งมีทั้งคนที่กำลังกังวล และคนที่ตกใจกลัว
ทางด้านผู้นำสูงสุดของเผ่าขมวดคิ้วแน่น ในขณะที่เขามองออกไปนอกถ้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่นั่นมันกลับดูผิดปกติกว่าที่เคย
เขาไม่คาดคิดว่าวันที่ฝ่ายศัตรูบุกจู่โจมจะมาถึงเร็วขนาดนี้ และมันเป็นอย่างที่หูเจียวเจียวกังวลจริง ๆ
“ท่านผู้เฒ่า เราจะทำยังไงต่อไปดี?”
“ข้าต้องรีบแจ้งผู้หญิงในเผ่าและไปปกป้องพวกนาง คนพวกนั้นจะต้องหมายตาเสบียงกับผู้หญิงของเผ่าเราเอาไว้แน่นอน!”
ภูตหลายคนถามอย่างกระวนกระวายใจ
หัวหน้าเผ่าถอนสายตาออกมาจากข้างนอกถ้ำ แล้วใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนสั่งเสียงดัง “หูชิงซาน เจ้าพาทุกคนไปรวมตัวกันนอกเผ่าเพื่อเตรียมต่อสู้กับผู้บุกรุก”
“หูชิงเกากับหูชิงหลู่ เจ้า 2 คนนำกลุ่มภูตไปแจ้งข่าวให้ผู้หญิงในเผ่าทราบ และพาพวกนางกับเด็ก ๆ ไปหลบยังที่ปลอดภัย จำไว้ว่าเจ้าต้องปกป้องความปลอดภัยของผู้หญิงและเด็กก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!”
“ส่วนคนที่เหลือ พวกเจ้าไปขนย้ายเสบียงกับข้า”
แค่เวลาเพียงไม่นาน คนเป็นหัวหน้าเผ่าก็จัดการทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
“รับทราบ!”
เหล่าภูตชายตอบพร้อมเพรียงกันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและดังก้องกังวานไปทั่วถ้ำ
ทุกคนรู้ว่ากำลังต้องเผชิญกับอะไร และถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกผู้อาวุโสขอให้ไปตายก็จะไม่มีใครยอมถอย
เพราะข้างหลังผู้ชายอย่างพวกเขายังมีผู้หญิงและเด็กที่ต้องการการปกป้อง!
ครู่ถัดมา หัวหน้าเผ่าผงกหัวก่อนจะส่งสัญญาณให้หูชิงซานเปิดปากถ้ำ
ความจริงแล้วอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อยที่เขาให้พี่น้องตระกูลหู 2 คนไปปกป้องผู้หญิงและเด็ก แต่เขาคิดว่าหูเจียวเจียวคงไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องของนาง
สำหรับหูชิงซาน ความแข็งแกร่งของเขาโดดเด่นมาก เขาสามารถปกป้องตัวเองได้แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายก็ตาม
ในตอนนั้นเอง เสียงคัดค้านก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังเหล่าภูต
“ไม่ได้!”
“พวกเจ้าออกไปไม่ได้ และพวกเจ้าไม่สามารถนำเสบียงออกไปไหนได้ด้วย!”
เมื่อทุกคนหันไปมองก็เห็นแม่กวางเฒ่ายืนอยู่ข้างหลังพวกเขาและตะโกนด้วยสีหน้าโกรธจัด
ปัจจุบันลู่มู่ไม่ได้กินเนื้อมา 10 วันแล้ว นางใช้ชีวิตอยู่กับการกินส้มโอและน้ำตลอดทั้งวัน ทำให้ตัวของนางในตอนนี้ซีดเซียวซูบผอมลงจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
“ลู่มู่ อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่ กลับไปซะ”
“เราจะส่งเจ้าไปยังที่ปลอดภัย เจ้าไม่ต้องกังวล...”
ภูตชายทั้งหลายขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ยังพยายามปลอบโยนนาง
ทว่าหญิงชราใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวกับกำแพง ส่วนมืออีกข้างชี้ไปที่กลุ่มภูตตรงหน้า
“พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดปากถ้ำ ตราบใดที่เราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ฝูงภูตหมาป่าจะหาเราไม่เจอ และเราจะสามารถอยู่รอดได้ตลอดฤดูหนาวนี้!”
“ทันทีที่พวกเจ้าออกไป ข้าจะตกอยู่ในอันตราย!”
บัดนี้ในหัวของแม่กวางเฒ่าคิดเพียงว่าตราบใดที่ทุกคนในถ้ำและเสบียงยังอยู่ที่นี่ นางจะไม่มีวันอดตาย
ส่วนความปลอดภัยของผู้หญิงคนอื่น ๆ ในเผ่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับนางกันล่ะ?
เหนือสิ่งอื่นใด ลู่มู่ต้องการให้ลู่หลี ลูกชายของนางรอดชีวิตเท่านั้น
เมื่อภูตทุกคนได้ยินคำพูดของแม่กวางเฒ่า ใบหน้าของพวกเขาก็มืดลง “ลู่มู่ เจ้ากำลังพูดอะไร!”
“ถ้าเราไม่ออกไป จะให้พวกเราทนดูศัตรูมาลักพาตัวผู้หญิงของเผ่าไปอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ อย่าลืมว่าตอนนี้ลูกของเจ้า ลู่เมี่ยนเอ๋อก็อยู่ข้างนอกเหมือนกัน เจ้าจะใจร้ายไม่สนใจลูกของตัวเองได้ลงคอหรือไง!”
ในสายตาของภูตที่อยู่ที่นี่ ลู่มู่กลายเป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาสำหรับทุกคนไปแล้ว
รวมถึงพวกเขาหมดความอดทนกับนางแล้วเช่นกัน
“ข้าไม่สน! ยังไงก็ตาม พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากที่นี่ ถ้าใครกล้าออกไป พวกเจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”
แม่กวางเฒ่าส่งเสียงตะคอกอย่างเย็นชา นางตั้งท่าไม่ฟังคำพูดของใครอีกเลยพร้อมกับผลักภูตที่ขวางทางเพื่อวิ่งไปยังทางออกของถ้ำ และยืนกางแขนพิงหินไว้
วินาทีนี้ลู่มู่กลายเป็นคนที่ไม่กลัวตาย อีกทั้งยังบ้าดีเดือดสุด ๆ
“ถ้าพวกเจ้าไม่ข้ามศพข้าไป ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าออกไปแน่”
“นี่เจ้า!”
“ลู่มู่ เจ้ามันไร้เหตุผล!”
ในตอนนี้ไม่มีภูตชายคนไหนที่ไม่โกรธเพราะความเห็นแก่ตัวของแม่กวางเฒ่าเลยสักคน
รวมถึงใบหน้าของหัวหน้าเผ่าเองก็ยังเหยเกเป็นรอยยับย่น เขาออกคำสั่งให้คนลากนางออกไปให้พ้นทาง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโครมครามอยู่นอกถ้ำ
ทุกคนตกใจหันไปมองที่ทางเข้าถ้ำอย่างกระวนกระวาย
แคร่ก! แคร่ก!
มีเพียงเสียงแตกร้าวดังมาจากปากถ้ำ จากนั้นรอยร้าวหลายรอยก็ปรากฏขึ้นบนหินก้อนใหญ่ที่ปิดปากทางเข้าถ้ำเอาไว้
“ลู่มู่ หลบเร็วเข้า!”
“รีบออกมาจากตรงนั้น!”
ขณะนี้ภูตผู้หวังดีหลายคนรีบพูดเตือนหญิงชราที่ยืนอยู่ตรงจุดที่มีรอยร้าว
แต่แม่กวางเฒ่ากลับไม่ยอมแพ้พลางตะคอกเสียงดัง
“พวกเจ้าอย่ามาโกหกข้า! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้แผนการของพวกเจ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็ขอตายอยู่ตรงนี้!”
หลังจากนางพูดจบ หินที่อยู่ข้างหลังนางก็ระเบิดออก
ตูม!
เมื่อหินหนักหล่นลงมา มันก็ทับร่างของลู่มู่ไว้ทันที จากนั้นร่างสูงโปร่งก็ปรากฏขึ้นที่ทางเข้าถ้ำ
เขาก้าวเดินเข้ามาแบบไม่เร่งรีบแล้วเหยียบหินที่อยู่บนร่างของคนที่นอนอยู่ข้างใต้
“...”
ยามนี้ในใจภูตทุกคนคิดว่า
เจ้าจะมาโทษเราไม่ได้นะ เป็นเจ้าที่ดื้อรั้นเอง
เมื่อหลงโม่มาถึงที่นี่ เขาก็สังเกตเห็นว่าเหล่าภูตมองมาที่ตนด้วยสายตาแปลกประหลาด
จากนั้นมังกรหนุ่มกวาดตามองพวกภูตที่รวมมาตัวกันที่ทางเข้าถ้ำ และถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรกัน?”
“ไม่มีอะไร...”
ทุกคนส่ายหัวตอบแบบพร้อมเพรียงกันโดยแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะไม่มีใครอยากใจดีกับแม่กวางเฒ่าน่ารำคาญอีกต่อไป
“อืม”
ทางด้านหลงโม่ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาละสายตาจากทุกคนไปมองหัวหน้าเผ่าที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนและเดินไปหาอีกฝ่าย
แล้วจู่ ๆ หินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของชายหนุ่มก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น
ปัจจุบันใบหน้าของลู่มู่ถูกกดกับหิน นางอยากจะส่งเสียงร้องให้คนช่วยเหลือ แต่ตอนนี้มีแต่เศษอะไรก็ไม่รู้อยู่เต็มปากนาง...
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: อื้อหือ อนาถมาก กรรมติดจรวดสุด ๆ
ประกาศถึงนักอ่านทุกท่านค่ะ
เนื่องจากประกาศครั้งก่อนเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยค่ะ เดิมทีเราตั้งใจจะเปิดให้อ่านฟรีจนจบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่มีบางเว็บที่ระบบไม่สนับสนุนให้เราไล่ติดเหรียญย้อนหลังได้ เราเลยจะเปิดฟรีถึงบทที่ 231 แค่บางเว็บเท่านั้นค่ะ
สรุปก็คือคนที่ตามอ่านทุกวันอยู่แล้วสามารถอ่านฟรีได้จนจบเพื่อเป็นการขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเรามาโดยตลอดค่ะ แต่จะมีการกลับมาติดเหรียญอีกครั้งตั้งแต่บทที่ 231 เป็นระยะ ๆ โดยเราจะคอยอัปเดตวันเวลาติดเหรียญที่หน้านิยาย ดังนั้นคนที่ตามมาอ่านทีหลังก็อาจจะต้องจ่ายเปิดตอนนิดหน่อยเพื่อให้ไล่อ่านตอนฟรีได้เหมือนเพื่อน ๆ ที่ตามอ่านมาตั้งแต่แรก
เพราะฉะนั้นมาอยู่ด้วยกันจนจบเลยนะคะ ?