บทที่ 228: เสี่ยวเหยาก็อยากได้ของขวัญเหมือนกัน
“ท่านแม่ ของขวัญอะไยหย๋อ? เสี่ยวเหยาอยากได้ของขวัญบ้าง!”
นัยน์ตาสีแดงทับทิมของหลงเหยาเป็นประกายด้วยความอยากรู้พร้อมกับที่เขาแกว่งมือไปมาเบา ๆ
เมื่อหูเจียวเจียวมองดูความไร้เดียงสาของเจ้าลูกชายคนเล็ก เธอก็นึกถึงกับดักที่ตนบอกให้พวกภูตวางไว้นอกเผ่า
เธอจะไม่ทำแค่ฝังระเบิดไว้เพียงเล็กน้อยอย่างแน่นอน
ด้วยความเร็วของภูต ตราบใดที่ฝ่ายศัตรูกระจายกำลังออกไปจะทำให้ง่ายต่อการหลีกเลี่ยงความเสียหายที่ได้รับจากวัตถุระเบิด ดังนั้นในการจัดการกับภูตหมาป่า พวกเธอต้องใช้กับดักจับสัตว์
กับดักฉบับปรับปรุงถูกทำมาจากเหล็ก ไม่ว่าภูตจะเหยียบเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาจะต้องสูญเสียขาข้างหนึ่งไป แล้วนับประสาอะไรกับการที่ศัตรูบุกโจมตีเผ่าโดยตรง ภูตหมาป่าที่ติดกับจะต้องพิการจนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบากแน่นอน
แถมของที่หญิงสาวให้คนในเผ่าเอาไปวางไว้ก็มีมากมายนับไม่ถ้วน
แต่มันก็ไม่ได้มากเท่าไหร่… แค่กับดักไม่กี่ร้อยอันเท่านั้นเอง
ครู่ต่อมา หูเจียวเจียวดึงตัวเองออกจากความคิด ก่อนจะก้มลงไปบีบใบหน้าอวบ ๆ ของหลงเหยา ก่อนจะกอดเขาไว้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
“ของขวัญพวกนี้เตรียมไว้สำหรับต้อนรับแขก ไม่ใช่ของเหยาเอ๋อ เหยาเอ๋อรับไม่ได้”
คำตอบของผู้เป็นแม่ทำให้เด็กน้อยกระทืบขาสั้นเพราะขัดใจ จากนั้นเขาเอียงศีรษะและใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้…”
“เสี่ยวเหยาเอาของที่ไม่ใช่ของตัวเองไปไม่ได้...” คนตัวเล็กพูดกับตัวเองเสียงแผ่วเบา
ในสายตาของเขา คำพูดของท่านแม่มีความสำคัญเท่ากับกฎของเผ่า
...
“อ๊ากกกกก!”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
“อ๊ากกกกกก! ขาของข้า…”
บัดนี้เหล่าภูตหมาป่าที่พุ่งหมายจะเข้าไปในเผ่าล้มลงทันทีพร้อมกับกรีดร้องเป็นภาษาสัตว์เสียงดัง
ส่วนภูตหมาป่าที่ตามมาท้ายกลุ่มโชคดีที่ไม่โดนโจมตี พวกเขารีบหยุดฝีเท้าแล้วมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวังปนหวาดกลัวโดยที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เห็นได้ชัดว่าไม่มีฝ่ายตรงข้ามซุ่มโจมตีเลย แล้วจู่ ๆ เจ้าพวกนั้นล้มลงได้อย่างไร?
ขณะนี้ฝูงหมาป่าสีเทามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า
ทว่าไม่มีใครกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอีก
“เกิดอะไรขึ้น?” หลางซัวขมวดคิ้วฉับ
หลางเมี่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขานิ่งค้างอยู่ 2-3 วินาที จากนั้นก็รีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ “หัวหน้า ข้าจะไปดูสักหน่อย”
เขาก้าวไปข้างหน้าพลางเตะลูกน้องที่กลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปไหนพร้อมกับสบถเสียงต่ำ
“ไสหัวไปให้พ้น! ไอ้พวกไร้ประโยชน์”
หลังจากชายหนุ่มมองดูใกล้ ๆ เขาพบว่าเท้าของหมาป่าที่ตกลงไปในหลุมนั้นถูก ‘กัด’ ด้วยของแปลก ๆ บางอย่าง
เจ้าของประหลาดมีฟันแหลมคมเหมือนเขี้ยวสีดำเจาะเข้าไปในขาของหมาป่า และเลือดก็ไหลออกมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าผู้เคราะห์ร้ายจะดิ้นรนสักแค่ไหนก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ ในทางกลับกัน ยิ่งพวกเขาดิ้น เลือดก็ยิ่งไหลเร็วขึ้นกว่าเดิม
ดูเหมือนว่าจะมีเครื่องมือบางอย่างซ่อนอยู่ใต้หิมะ ทำให้คนที่ผ่านทางนี้ไปมองไม่เห็น
และหมาป่าทุกตัวที่ข้ามสิ่งกีดขวางถูกกัดโดยปากสีดำแล้วนอนจมกองเลือดอยู่บนหิมะ
ข้อสันนิษฐานนี้ส่งผลให้ใบหน้าของหลางเมี่ยซีดเผือด ถ้าระหว่างทางมีปากพวกนี้อยู่เต็มไปหมด พวกเขาจะไม่พลอยโดนโจมตีไปด้วยหรือ?
“เจ้า มาหาข้า”
เขาชี้ไปยังลิ่วล้อที่อยู่ข้าง ๆ แล้วออกคำสั่ง
ทว่าภูตหมาป่าที่ถูกเจ้านายเรียกถอยหลังไป 2 ก้าวอย่างลังเล เมื่อหลางเมี่ยเห็นอย่างนี้ เขาก็คว้าหลังคอของอีกคนแล้วเหวี่ยงไปที่ปลายอีกด้านของเส้นถนน
“เอ๋งงง!”
หมาป่าผู้โชคร้ายร้องลั่น เขาถูกเหวี่ยงออกไปหลาย 10 เมตร ก่อนจะไปตกลงบนหิมะและกลิ้งไปมาหลายครั้ง
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองถึงฆาตแล้ว และภายใต้สายตาดุดันของหลางเมี่ย เขาจึงลุกขึ้นอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินไป 2-3 ก้าว จากนั้นเขาลองกระทืบเท้าไปรอบ ๆ ไม่นานเขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าตนไม่ได้ถูกปากสีดำกัด
“เอ๊ะ? ข้าไม่เป็นไร? ฮ่า ๆ... ข้าไม่เป็นไร!”
พอภูตหมาป่ารู้ว่าตนเองยังปลอดภัยดีก็ร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น
ภาพนั้นทำให้คิ้วของหลางเมี่ยผ่อนคลายลงทันใด ต่อมา เขาส่งกองกำลังหมาป่าไปสำรวจเส้นทางและพบว่ามีเจ้าสัตว์ประหลาดปากดำดักซุ่มอยู่ในระยะสั้น ๆ มากกว่า 10 เมตร
หลังจากที่ชายหนุ่มได้ข้อสรุป เขาก็รีบสั่งให้ลูกน้องลากภูตหมาป่าที่บาดเจ็บออกมาและวิ่งกลับไปหาหลางซัว
“หัวหน้า แนวหน้าปลอดภัยแล้ว สถานที่นี้น่าจะเป็นที่ซุ่มโจมตีของพวกภูตในเผ่านั้น แต่พวกมันคงไม่คาดคิดว่าเราจะมีจำนวนคนมากกว่า และการซุ่มโจมตีนี้ไม่สามารถขับไล่พวกเราได้” หลางเมี่ยก้มหน้ารายงาน ในขณะที่ใบหน้าหยาบกร้านของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
เผ่าหมาป่าของพวกเขาแข็งแกร่งไม่เหมือนกับเผ่าเล็ก ๆ ทั่วไป
ภูตในเผ่ากระจ้อยร่อยเหล่านั้นอาจไม่เคยเห็นภูตมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิตด้วยซ้ำ
“อืม” หลางซัวตอบอย่างเย็นชา เขาหรี่ตามองไปยังหมาป่าที่บาดเจ็บเพราะปากสีดำกัดขาซึ่งมันค่อนข้างดึงดูดความสนใจของเขา
“หัวหน้า ช่วยข้าด้วย…” ภูตหมาป่าคนนั้นรู้สึกถึงสายตาของคนเป็นผู้นำสูงสุดและขอความช่วยเหลือด้วยใบหน้าซีดเซียวราวกับกระดาษ
เขารู้สึกได้ว่าขาของตนชาไปหมด ทว่าบาดแผลกลับมีเลือดไหลอย่างต่อเนื่องท่ามกลางอุณหภูมิที่เย็นจนเกือบแข็งเช่นนี้ เขาคงจะตายในอีกไม่ช้า…
ขณะนั้นหลางซัวขยิบตาให้ลูกน้องของเขา
ไม่นานภูตหมาป่า 2 คนก็ก้าวเข้ามาช่วยเขาถอดสิ่งที่อยู่ตรงขาออก
ภูตที่แข็งแกร่ง 2 คนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอามันออกมา แต่ใครจะไปรู้ว่าบาดแผลที่ขาของผู้เคราะห์ร้ายนั้นจะมีเลือดไหลเร็วขึ้น ส่งผลให้หิมะบนพื้นถูกย้อมเป็นสีแดงในพริบตา
แล้วเลือดสีแดงเข้มก็ซึมหายลงไปใต้หิมะภายในไม่กี่อึดใจ
“หัวหน้า ดูนี่สิ” ลิ่วล้อคนหนึ่งอุทานด้วยความตกใจพลางมองปากสีดำในมืออย่างระมัดระวัง และแสดงให้ผู้เป็นนายดูโดยเร็ว
นัยน์ตาของหลางซัวขยับไปเห็นว่ามีฟันแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในปากสีดำ อีกทั้งยังมีชิ้นเนื้อที่หลุดออกจากผิวหนังของภูตหมาป่าห้อยติดอยู่
ไม่น่าแปลกใจที่เลือดของคนเจ็บจะไหลไม่หยุดหลังจากถอดเจ้าสิ่งนี้ออก ตราบใดที่มันถูกเอาออกมา มันก็เท่ากับฉีกเนื้อของคนที่โดนกัดออกจากกัน
วินาทีนั้นดวงตาของหลางซัวเบิกกว้างด้วยความสนใจ เขาเหลือบมองไปทางอูหลิวด้วยสายตาร้อนแรง และถามอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างหลังตนโดยไม่หันกลับไปมอง
“นี่คืออะไร? อูหลิว เจ้าเคยเห็นมันไหม?”
ชายชราที่ถูกเรียกก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อยื่นมือที่เหมือนกิ่งไม้แห้งออกไปสัมผัสมัน แล้วดวงตาสีเข้มของเขาก็ฉายแสงสีแปลก ๆ
“หัวหน้า ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”
เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อว่า “แต่สิ่งนี้ดูคล้ายกับหินดำในเผ่ามาก”
“จริงหรือ?” หลางซัวเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจพร้อมกับคิดว่าเผ่านี้ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ “เจ้าหมายถึง เผ่านี้มีหินดำด้วยงั้นรึ?”
ยามนี้เขามีความคิดที่อยากจะกำจัดเผ่าเล็ก ๆ นั่นมากกว่าเดิม
“หัวหน้า ข้าไม่รู้ว่านี่เป็นหินดำหรือไม่”
พวกมันคล้ายกันมาก แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูบอบบางกว่าและอันตรายกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งของที่ทำขึ้นในเผ่าหมาป่าเทียบไม่ได้เลยจริง ๆ
อูหลิวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง
“หัวหน้า เผ่านี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เราควรระวังตัวไว้ดีกว่า”
เมื่อหลางเมี่ยได้ยินเช่นนี้ เขาก็โต้กลับอย่างไม่พอใจ “พวกมันเป็นแค่เผ่าเล็ก ๆ ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มีอะไรให้ต้องกังวลในเมื่อเราแข็งแกร่งกว่าพวกมัน”
เขาพูดจบแล้วก็หันมายิ้มให้หลางซัวแบบมีเลศนัย
“หัวหน้า ข้าเพิ่งพบว่ามีการซุ่มโจมตีในบริเวณนี้ แต่ด้านหลังเป็นพื้นที่ปลอดภัย ปล่อยให้การบุกโจมตีเป็นหน้าที่ของข้าเถอะ!”
ผู้นำสูงสุดของเผ่าเชิดคางขึ้นโดยไม่ฟังคำพูดของอูหลิวเลยแม้แต่น้อย “เอาล่ะ เจ้าไปจัดการซะ”
หลางเมี่ยที่ได้รับอนุญาตจากหลางซัวยิ้มกริ่ม แล้วหันไปรวบรวมกำลังคนด้วยท่าทางพึงพอใจ