บทที่ 145 – ความทุกข์ทนของผู้ชาย
ตอนนี้บรรยากาศในทีมกำลังดีมาก ผมรู้สึกอุ่นใจที่เห็นทุกคนสามารถเข้ากันได้ดี “พี่ใหญ่ซือหวา! ไม่ต้องมาล้อผมเล่นเลย! พี่ออกจะเก่งขนาดนั้น ใครจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ได้?”
“จางกง! นี่นายเรียกฉันว่าพี่ใหญ่เหรอ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย” เขาดูอึ้ง ๆ
ผมถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวออกไปตรง ๆ “พี่ใหญ่ซือหวา! อันที่จริง ตอนที่เจอกับพี่ช่วงแรก ผมก็ต้องระวังตัวเอาไว้หน่อยนั่นแหละ ความสัมพันธ์ของพวกเรามันไม่น่าจะดีเท่าไรนักหรอก ยิ่งเพิ่งเป็นหลังจากที่มีการต่อสู้กับอาจารย์ของพี่ด้วย อาจารย์ซีตุนหยูกับพวกของผม! แต่หลังจากที่ได้เดินทางกับพี่ ได้คุยกับพี่มาหลายวันแล้ว ผมก็ได้รู้ว่าพี่ไม่ได้เป็นคนที่ชั่วร้ายอะไร อีกอย่าง พวกเราก็คล้าย ๆ กันในหลายเรื่อง พวกเราสมควรเป็นเพื่อนกันได้ แต่พี่อายุมากกว่าผมนี่ มันก็ถูกแล้วที่ผมจะเรียกพี่ว่าพี่ใหญ่ ฮ่าฮ่า”
ซือหวาพยักหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก “ก็ได้! ฉันจะจำนายในฐานะน้องชายเอาไว้ อันที่จริงอาจารย์ซีก็มีความลำบากใจของตัวเองอยู่ ถึงต้องได้สนับสนุนมหาเสนาบดีเต๋ออี! แต่ฉันคงบอกนายไม่ได้ว่าเรื่องอะไร นายน่าจะได้รู้เองในอนาคต สิ่งที่ฉันบอกนายได้อย่างเต็มปากก็คือ อาจารย์ซีเป็นนักเวทย์ที่ซื่อตรงที่สุดคนหนึ่ง!”
ผมหัวเราะ “ผมเชื่อที่พี่พูด พวกเราถือว่าเป็นพี่น้องกันตั้งแต่นี้ไป” แล้วผมก็เดินเข้าไปจับมือของเขาแน่น
‘ตอนที่ชนรุ่นหลังพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับบุตรแห่งแสง พวกเขาพากันกล่าวถึงเรื่องที่ทำไมบุตรแห่งแสงถึงได้มีเพื่อนมากมายนัก แล้วแต่ละคนต่างมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด’
ตอนที่พวกเราตื่นขึ้นมากันครบทุกคนอีกครั้งก็เป็นเวลาค่ำแล้ว มู่จือเสนอขึ้น “พวกเราออกไปเดินเที่ยวกันหน่อยดีกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะมาถึงที่นี่ได้ พวกเราน่าจะต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง จะกลับไปมือเปล่าคงจะไม่ดีแน่!”
ผมรีบสนับสนุนความคิดของเธอทันที มันใช่เรื่องมั้ยล่ะที่จะต่อต้านภรรยาของตัวเองน่ะ? หลังจากทุกคนเห็นตรงกันแล้ว พวกเราก็เปลี่ยนชุด ลงไปกินข้าวเย็น แล้วก็เดินออกจากโรงแรมมาด้วยกัน
แม้ว่าเมืองอู่หุยไม่ได้ใหญ่โตหรืออลังการอะไรนัก แต่ก็ยังเป็นเมืองขนาดกลางของอาณาจักร ในย่านการค้าเต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ อยู่มากมาย แล้วมู่จือกันไห่เย่วก็เป็นผู้หญิงด้วยกันอยู่ดี พวกเธอจับคู่กันได้อย่างลงตัวมาก ช่วยกันเลือกหยิบเลือกซื้อข้าวของที่พวกเธอสนใจไม่หยุด ส่วนพวกเราผู้ชายทั้งสามคน ก็กลายเป็นกระเป๋าเก็บของไปเรียบร้อยแล้ว ได้แต่เดินถือของตามพวกเธอไปเรื่อย ๆ แค่เวลาเพียงไม่นาน มือของผมก็เต็มไปด้วยของที่ซื้อมาแล้ว แน่นอนมันรวมกับของไห่เย่วด้วย ผมพยายามจะเก็บมันเข้าไปในกระเป๋ามิติของตัวเอง แต่มู่จือไม่อนุญาต! เธอกลัวว่าถ้าไม่เห็นของที่เคยซื้อมาแล้ว เธออาจจะซื้อของเดิมซ้ำอีกครั้ง นั่นแหละ! นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องหิ้วมันไปเรื่อย ๆ
ผมหันไปมองหม่าเคอกับซือหวาที่ทำหน้าเยาะเย้ยผมอยู่ ผมเลยรีบจัดการเอาของที่ไห่เย่วเป็นคนซื้อส่งให้หม่าเคอถือทันที ฮิฮิ! เขาไม่มีทางปฏิเสธผมอยู่แล้ว ต่อให้เขากล้าปฏิเสธ มันก็ไม่ได้ผลหรอก! สิ่งที่ทำให้ผมพอใจมากก็คือ หลังจากที่ไห่เย่วหันมาเห็นว่าหม่าเคอเป็นคนถือถุงของเธออยู่ เธอไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่เธอยังส่งของที่ซื้อมาใหม่ให้ผมต่อไป แน่นอน ผมส่งต่อ!
แต่ผมสังเกตว่าเขาไม่ได้มีสีหน้าอาการดีใจเลย พอถึงตอนที่สาว ๆ กำลังยุ่งอยู่กับการเลือกซื้อของ ผมเลยกระซิบถามเขา “ไห่เย่วยอมให้นายถือของให้ทั้งที ทำไมนายดูไม่ดีใจเลยล่ะ?”
หม่าเคอยิ้มอย่างขมขื่น “พี่ใหญ่! ผมไม่ได้ไม่มีความสุข แต่ผมแค่ไม่กล้าจะคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปเท่านั้น แค่คิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายปีนี้ เรื่องนี้.. แค่ทำให้คิดว่ามันยังจะทำให้ผมเสียใจได้อีกครั้งเท่านั้น ตอนนี้ผมไม่ควรจะต้องหดหู่เพิ่มอีกแล้ว” สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นก็ถูก มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะตัดใจจากไห่เย่ว แล้วยังต้องรีบสงบสติอารมณ์ของตัวเองอีกด้วย ถ้าเขาพยายามจะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง คราวนี้ผมไม่คิดว่าเขาจะผ่านมันไปได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ผมตบไหล่เขา “เจ้าน้องชาย! ก็เหมือนเดิม นายแค่ต้องรอให้โชคชะตามันนำพาเท่านั้น”
พวกเรา! สุภาพบุรุษทั้งสามคน! ทั้งเริ่มเบื่อและหมดแรงแล้ว แต่มู่จือกับไห่เย่วยังมีพละกำลังเหลือเฟือ นี่น่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงแน่ ๆ ผมเริ่มทนมันไม่ไหวแล้วจริง ๆ “มู่จือ! พวกเราพักกันก่อนได้มั้ย? ดูสิ! ตอนนี้ฉันไม่เหลือมือที่จะถืออะไรเพิ่มแล้วนะ”
มู่จือหันกลับมามองเห็นชั้นวางของที่น่าสงสาร ที่ถูกแขวนเต็มไปด้วยถุงใส่ของต่าง ๆ เต็มตัวไปหมด แน่นอนว่ามันคือผมเอง และของพวกนั้นก็ของที่เธอซื้อมาทั้งนั้น แต่เธอก็แค่ทำหน้าแปลกใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “นี่ฉันซื้อของไปมากขนาดนี้แล้วเหรอ? แต่นี่ก็เกือบพอแล้วเหมือนกัน กลับกันเลยก็ได้!”
เย่ห์!!! ในที่สุด! ในที่สุดพวกเราก็ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผมกับหม่าเคอได้แต่ถอนหายใจด้วยอาการโล่งอก ซือหวาหันมาหัวเราะใส่พวกเรา “การที่ไม่มีสาว ๆ นี่ก็ถือเป็นข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าฮ่า!” แน่นอน พวกผมไม่มีแรงจะไปทำอะไรเขาแล้ว พวกเราอยากจะรีบกลับโรงแรมแล้ว
หลังจากพยายามเดินทางกลับมาอย่างลำบาก ก็จากของที่เต็มไม้เต็มมือนี่แหละ พวกเราก็มาถึงโรงแรมจนได้ ผมวางข้าวของของมู่จือเอาไว้ในห้องของเธอ หลังจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ ไม่ได้คิดจะขยับตัวอีก หม่าเคอก็อยู่ในสภาพเดียวกัน หลังจากจัดการกับของต่าง ๆ ของไห่เย่วแล้ว เขาก็มานั่งหมดแรงอยู่ที่เก้าอี้เหมือนกัน
มู่จือมายืนถามอยู่ข้างหน้าผม “จางกง! นายเหนื่อยมากมั้ย?”
ผมรีบกล่าวตอบเธอ “เหนื่อยมากเลย! นี่ดูสิขยับตัวไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องมาขอให้ฉันไปซื้อของเป็นเพื่อนเธออีกเลยนะ ฉันทนไม่ไหวแน่ ๆ”
หลังจากที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น คิ้วของมู่จือยกขึ้นอย่างแรง น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นแล้ว “นายหมายความว่ายังไง? นายจะหาว่าฉันน่ารำคาญอย่างนั้นใช่มั้ย?”
อ้าว!! ทำไมเธอถึงโกรธได้ล่ะเนี่ย? ผมรีบจับมือเธอแล้วรับยิ้มแก้ตัวทันที “ฉันพูดผิดไปแล้ว ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น ทำให้พูดสับสนไปหน่อย ฉันหมายความว่าฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอซื้อของบ่อย ๆ ต่างหาก ไปเป็นเพื่อนเธอ ฉันเองก็ได้เปิดหูเปิดตาด้วย ฮ่าฮ่า!”
อืม! เธอดูเหมือนจะหายโกรธแล้ว! เพราะเธอกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สดใสขึ้น “พูดอย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย มา! เดี๋ยวฉันจะช่วยนวดแขนนายให้”
อา!!! ผมไม่ได้ทำงานเปล่า ๆ แล้ววันนี้ มือนุ่ม ๆ ของมู่จือกำลังนวดแขนของผมไปมา นั่นมันทำให้ผมรู้สึกสบายมากที่สุดเลย ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างมีความสุขเป็นระยะ ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ผมจะยอมเป็นคนชวนเธอออกไปซื้อของเลยล่ะ!
หม่าเคอมองมาที่พวกเราแล้วส่ายหัว แล้วเขาก็ลุกกลับไปที่ห้องของตัวเอง พอไห่เย่วเห็นหม่าเคอแสดงอาการแบบนั้นเธอก็ตัวสั่นขึ้นมานิดหนึ่ง
ผมดึงมู่จือเข้ามากระซิบถาม “พวกเราเข้าไปในห้องของเธอกันมั้ย? ฉันอยากจะไปดูว่าเธอซื้ออะไรมาบ้าง?”
มู่จือจ้องผมเขม็ง “ก็ได้! แต่ห้ามคิดจะทำอะไรไม่ดีเลยนะ!”
บ้าจริง! ทำไมเธอรู้ทันอีกแล้วนะ? ผมเลยได้แค่ตอบ “แน่นอน!”
ผมช่วยเธอจัดของที่เธอซื้อมาอยู่บนพื้นห้อง โดยมีเธอกำลังเจ้ากี้เจ้าการชี้สั่งผมไปทั่ว ว่าอะไรควรจะวางอยู่กับอะไร?
ในที่สุดผมก็สะบัดแขนเพื่อไล่ความเมื่อยขบ ผมไม่รู้ว่านานเท่าไร แต่ผมจัดของเรียบร้อยแล้ว ผมค่อย ๆ แอบมองหามู่จือ เธอกำลังนอนอ่านหนังสือเวทย์มนต์อยู่บนเตียง ผมค่อย ๆ ย่องขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียงด้วยอีกคน แล้วพยายามที่จะขโมยกอดเธอ
มู่จือสะดุ้ง และกันไม่ให้ผมกอดเธอได้ “นายจะทำอะไร? นายจัดของเก็บเรียบร้อยแล้วเหรอ?”