ตอนที่ 30 ไร้ยางอาย
“จะเก็บไปยังไงดี”
มู่เหลียงมองไปยังต้นมะเขือเทศและครุ่นคิดอย่างหนัก เพื่อจะหาวิธีขนมันไป
เขาจึงต้องลองอะไรสักอย่างดู และได้สื่อสารทางจิตกับแมงมุมผีแดง
“เซียวหงช่วยฉันเก็บต้นมะเขือเทศนี้ที เอาเป็นสร้างใยทำเป็นรังคลุมมันเอาไว้”
จี้!!
เซียวหงนั้นเริ่มพ่นใยออกมาแล้วคลุมไปรอบๆ ต้นมะเขือเทศก่อนที่จะถักทอให้มันห่อต้นมะเขือเทศเอาไว้
ใช้เวลากว่าสิบนาที ในที่สุดต้นมะเขือเทศก็ถูกห่ออยู่ในใยแมงมุมอย่างดี
“ยอดเยี่ยมทำได้ดีมาก”
มู่เหลียงพยักหน้าด้วยความชื่นชม และหันไปมองทางเข้ากระโจมที่อยู่ด้านบน
เขาคิดจะเปิดช่องตรงกระโจมขึ้นใหม่ ให้กว้างพอที่เสี่ยวไกจะออกไปได้
“แต่ก่อนอื่นเลย ต้องกั้นทางเข้าไว้ก่อน”
มู่เหลียงสร้างก้อนหินขึ้นมาหลายก้อนและเอามาปิดทางเข้าเอาไว้อย่างดี
ปัง ปัง
เสียงของหินกระทบกับประตูหลายครั้ง จนยามที่เฝ้าอยู่ข้างนอกได้ยิน
“เห้ย….ได้ยินอะไรไหม”
“เออ ฉันเองก็ได้ยินเหมือนกัน…..แกเองก็ได้ยินสินะ”
“มีคนแอบเข้าไปขโมยของในห้องหัวหน้ารึป่าว?”
“จะบ้าหรอ! เราก็ยืนเฝ้าทางเข้านี้อยู่ตลอดจะมีใครเข้าไปได้ไง?”
“ก็จริง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีกุญแจ ไม่งั้นจะได้เปิดเข้าไปตรวจดูสักหน่อย”
“แกอยากตายรึไง?! จำไม่ได้หรอครั้งก่อนมีคนแอบเข้าไปในห้องหัวหน้าแล้วเป็นไง ไอ้เจ้านั้นถูกทรมานก่อนที่จะถูกฆ่า”
“เออๆ ฉันรู้แล้วแค่พูดเล่นเฉยๆ หรอก”
ยามที่เฝ้าประตูคิดว่าเสียงนี้มาจากที่อื่น ก่อนจะเมินเฉยต่อไป
“....”
มู่เหลียงที่แอบฟังอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตู ก็โล่งใจเล็กน้อยตอนแรกคิดว่าพวกมันจะพยายามเปิดเข้ามาแล้ว
แล้วเมื่อเห็นว่ายามชะล่าใจแบบนี้ เขาจึงเอาหอกที่วางอยู่แถวนั้น มาฟาดและงัดเปิดช่องกระโจม โดยที่ไม่กลัวเลยว่าใครจะได้ยินเสียงดังโครมคราม
ปึง ปัง ครืน โครม ปัง!!
เสียงดังสนั่นไปหมดจนไปเข้าหูยามทั้งสองที่เฝ้าทางเข้า จนพวกเขาหันมองหน้ากันและรู้ว่านี้มันไม่ปกติแล้ว
“เสียงมันมาจากข้างในจริงๆ!!”
“เวรเอ๊ย!! มีคนแอบเข้ามา!”
“รีบไปบอกนายน้อยเซียเต๋าเร็ว!! ว่ามีคนแอบเข้าไปในห้องนอนหัวหน้า”
“......”
มู่เหลียงนั้นไม่สนใจเลยว่าข้างนอกจะรู้ตัวหรือทำเสียงดังแค่ไหน เขาได้ขยายช่องว่างนั้นให้กว้างถึง 3 เมตร
ก่อนที่มู่เหลียงจะลูบหัวของเสี่ยวไกเบาๆ และพูดว่า
“เสี่ยวไก รีบกลับไปที่บ้าน แล้วรีบกลับมาเข้าใจไหม?”
กี้!!”
เสี่ยวไกแลบลิ้นออกมา พร้อมกับแบกของพะรุงพะรังผ่านช่องที่มู่เหลียงเปิดออกให้ และรีบไต่ลงเขาไปอย่างรวดเร็ว
“เราไปเก็บของต่อ”
มู่เหลียงเอาเนื้อตากแห้งมัดด้วยใยแมงมุม แต่เขาก็ไม่ได้เอาไปมาก
ส่วนเรื่องน้ำเขาได้ตัวปลาอัญมณีมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องขนน้ำไปจำนวนมากอีก
สำหรับของอื่นๆ เนื่องจากสัตว์อสูรของเขามีขีดจำกัดในการขน ทำให้เขาต้องคิดวางแผนในการเคลื่อนย้ายดีๆ
“เซียวหง แกเอาเนื้อพวกนี้ออกไปก่อน แล้วไปซ่อนในที่ปลอดภัย”
มู่เหลียงเรียกให้เซียวหงมาใกล้ๆ และให้มันแบกเนื้อไป
จี้!!!
แมงมุมผีแดงได้ขนเนื้อตากแห้งไว้บนหลัง และมุดออกจากช่องไป
มันได้ใช้ใยของมันอย่างฉลาดโดยการสร้างใยผูกติดกับเนินผาแล้วทำเป็นเหมือนรอก ก่อนที่มันจะโรยตัวเองลงไปจากเนินผาอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเองที่ ลูกชายของเซียฮูมาถึง
“มัวทำอะไรกันอยู่ รีบเปิดประตูเร็วสิ!”
เซียเต๋านั้นแสดงสีหน้าที่ดุร้าย
“ฉันละอยากเห็นหน้าคนที่มันกล้าเข้ามาขโมยของจากกลุ่มเคราโลหิตจริงๆ!!”
ปัง ปัง ปัง
ยามเฝ้าประตูพยายามเปิดประตูหลายครั้ง
มู่เหลียงมองกองหินที่สะเทือนเบาๆ หลายครั้งอย่างใจเย็น มันคงจะยากสักหน่อยที่จะดันประตูเข้ามาเพราะมู่เหลียงสร้างหินติดกับประตูหนาหลายชั้น การจะเข้ามาได้ก็ต้องขุดเท่านั้น
อย่างน้อยๆ หากจะทำลายเข้ามาก็ต้องใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงได้ เพื่อทำลายหินออกไปทั้งหมด
มู่เหลียงนั้นรวบรวมทุกอย่างที่หาได้ และใช้ใยทำเป็นถุงใส่
“พอทำอะไรหลายอย่างก็เริ่มหิวอีกแล้ว ย่างเนื้อกินสักหน่อยแล้วกัน”
มู่เหลียงทำลายโต๊ะบางส่วนมาก่อกองไฟเพื่อย่างเนื้อ
ชี้ ชี้ ชี้
เสียงของเนื้อที่ถูกย่างอย่างใจเย็น ก่อนที่กลิ่นหอมของมันเนื้อจะลอยตลบอบอวนไปหมด
และกลิ่นก็ได้ลอยออกไปนอกประตูด้วย ทำให้คนที่พยายามขุดเข้ามานั้นถึงกับแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจ
และคิดในใจว่า คนผู้นี้ใจกล้าและหน้าด้านมากแอบเข้ามาขโมยของไม่พอ ถึงกับใจเย็นนั่งย่างเนื้อกินในบ้านของเจ้าของอีก
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!! กล้าดียังไงวะ!! เร็วรีบทำลายประตูเข้าไป หากว่าใครเปิดเข้าไปได้ ฉันจะให้น้ำเป็นของรางวัล!”
เสียงตะโกนคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของเซียเต๋านั้นดังไปทั่ว และเสียงด่าและสาปแช่งนั้นดังขึ้นเป็นระยะไม่หยุด
มันไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน คนที่บุกเข้ามาใจเย็นมากถึงกับย่างเนื้อกินรอแบบนี้
เซียเต๋าพยายามควบคุมสติ และใจเย็นลง
ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งการคนที่เหลือ
“แก!! แล้วก็แก!! ไปที่สะพานทางเข้า และเฝ้าเอาไว้ให้ดี ปิดทางเข้าออกทั้งหมด ห้ามใครเข้าหรือออกเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากฉัน!!”
เขาคิดได้ว่าหากหัวขโมยที่เข้ามาจะออกไปจากที่นี่ มันก็มีทางเดียวที่จะไปได้คือสะพานที่เชื่อมระหว่างเนินเขา
“รับทราบ”
คนที่มาช่วยกันเปิดประตู ได้แบ่งกำลังออกไป พวกเขารีบไปยังสะพานเชื่อมต่อ และปิดทางเข้าทางออกทั้งหมด
…..
ในเวลาเดียวกัน ร่างในชุดคลุมที่แอบซ่อนตัวอยู่ในความมืดของขุนเขา
เขาเงยหน้ามองขึ้นไป และเห็นว่ามีแสงจากคบเพลิงจำนวนมาก กำลังวิ่งไปมาในฐานของกลุ่มเคราโลหิต
“หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะถูกจับได้แล้ว?”
คนในชุดคลุมพูดขึ้นด้วยความสงสัย
เขาหันไปมองยังสะพานและเห็นว่ายังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรมาก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกสับสนเข้าไปอีก
“เขาเข้าไปที่ใจกลางของเนินเขานี้ได้แล้วงั้นหรอ แต่ทางไหนล่ะ”
คนในชุดคลุมเริ่มประเมินสถานการณ์แล้วว่า ต่อจากนี้พวกกลุ่มเคราโลหิตจะระวังตัวมากขึ้น ยิ่งทำให้เข้าออกลำบากไปด้วย
“เหลือเวลาไม่มากแล้วสิ”
คนในชุดคลุมกุมคางด้วยความกลุ้มใจ
ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองที่เนินเขา และเห็นว่ามีอะไรยาวๆ ขาวๆ เหมือนเชือกห้อยลงมา
“นั้นมันอะไร?”
คนในชุดคลุมพยายามเข้าไปดูใกล้ๆ และเมื่อเห็นอย่างชัดเจนก็ทำให้เขาตกใจ จนถึงขนาดที่ต้องเอามือขึ้นมาปิดปาก เพื่อไม่ให้เสียงรอดออกไป
คนในชุดคลุมเห็นว่ามีแมงมุมยักษ์ขนาดสองเมตรกำลังโรยตัวลงมาจากหน้าผา และบนตัวของมันห้อยอะไรมาสักอย่าง
เขาไม่คาดคิดว่าจะมีสัตว์อสูรอยู่แถวนี้ด้วย
มีเสียงดังกรอบแกรบดังขึ้น เมื่อมีสายลมพัดมา
คนในชุดคลุมมองขึ้นไปยังเนินเขาที่มีใยห้อยลงมา
เขาไม่กล้าคิดว่าสิ่งที่แมงมุมยักษ์ตัวนี้แบกมาคืออะไร
“อย่าบอกว่ามีคนอยู่ในใยพวกนั้นนะ”
แล้วแมงมุมยักษ์ก็โรยตัวลงมาถึงพื้นก่อนที่มันจะเดินลงไปจากหุบเขา
“มันจะไปไหน…..ลองตามไปดูดีไหม”
เขาพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“อย่าดีกว่า เดี๋ยวเราจะถูกจับได้”
แล้วคนในชุดคลุมก็ส่ายหัวหลายครั้งและล้มเลิกความคิดนั้นไป
“แต่นี้อาจจะเป็นโอกาส….”
คนในชุดคลุมมองไปยังใยที่ห้อยมาจากหน้าผาและคิดในใจว่าใยนี้จะพาไปถึงยอดเขาซึ่งเป็นสถานที่เก็บสมบัติของกลุ่มเคราโลหิตหรือป่าว