ตอนที่ 234 บลัดบิวเทียส
ตอนที่ 234 บลัดบิวเทียส
ภายในสองรูปปั้นแรกมีชุดต่อสู้กับอาวุธที่ดุร้าย ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้ต่างก็มีออร่าที่อำมหิตปะทุออกมาตลอดเวลา
รูปปั้นในห้องโถงยังเหลืออีกสองอัน ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่าภายในมันจะได้ซ่อนสมบัติอะไรเอาไว้
ชายหนุ่มเริ่มทุบรูปปั้นอันที่ 3 ก่อนที่เขาจะได้พบกับมีดที่สวยงามขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือ
“นั่นมันบลัดบิวเทียส!!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“นายรู้จักมีดเล่มนี้งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับหยิบมีดเล่มเล็กขึ้นมาชั่งน้ำหนักบนฝ่ามือ
อันธพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะอธิบายออกไปว่า
“มีดเล่มนี้มีชื่อว่า ‘บลัดบิวเทียส’ ทำขึ้นมาจากโลหะชนิดพิเศษที่สามารถดูดซับเลือดเข้าไปได้ ว่ากันว่าหลังจากที่มันดูดเลือดเข้าไปได้มากพอ มันจะสามารถระเบิดพลังที่เหนือจินตนาการออกมาได้ แต่เรื่องรายละเอียดปลีกย่อยอันนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ดูดเลือด? มีดเล่มนี้สามารถดูดเลือดได้งั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะเมื่อมองจากภายนอกมีดเล่มนี้ก็ดูไม่ต่างจากมีดโดยทั่วไป นอกเสียจากว่ามันถูกออกแบบมาอย่างสวยงามมากกว่าปกติ
ยิ่งไปกว่านั้นมีดเล่มนี้ยังดูเป็นมีดทื่อ ๆ ที่ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามเอาตัวมีดไปจู่โจมเข้าใส่หิน แต่มันก็คงจะไม่สร้างรอยขีดข่วนเอาไว้บนหินเลยแม้แต่น้อย และเมื่อเซี่ยเฟยเอานิ้วไปแตะที่ใบมีดมันก็ไม่สามารถสร้างรอยแผลขึ้นมาบนนิ้วของชายหนุ่มได้เลยราวกับว่ามันเป็นมีดที่ไม่มีคม
ด้วยความทื่อของตัวมีดมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการเอามีดเล่มนี้ไปฆ่าใครเลย เพราะแม้แต่การเชือดไก่มันก็คงจะไม่สามารถเอาไปปาดคอไก่ได้ด้วยซ้ำ
“มีดเล่มนี้จะแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้หลังจากที่มันดูดเลือดเข้าไปได้มากพอ ก่อนหน้านั้นมันก็เป็นเพียงแค่มีดทื่อ ๆ ที่ไร้ประโยชน์” อันธพยายามอธิบายเพิ่มเติม
“แล้วมันต้องดูดเลือดของอะไร?” เซี่ยเฟยถาม
“ต้องเป็นเลือดของมนุษย์!” อันธตอบ
คำตอบนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะมุมมองภายนอกมีดเล่มนี้เป็นเพียงอาวุธที่ดูหรูหราแต่ไม่มีความคมมากพอที่จะสร้างอันตราย แต่ในความเป็นจริงมันกลับต้องการเลือดเพื่อพัฒนาตัวเอง ที่สำคัญคือเลือดที่มันต้องดูดซับยังจะต้องเป็นเลือดของมนุษย์!!
จากนั้นเซี่ยเฟยก็ได้หยิบป้ายอธิบายที่เงาอำมหิตเขียนไว้ขึ้นมาอ่าน
มีดเล่มนี้เป็นอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณเพียงแต่มันเป็นอาวุธที่ยังหลับใหล หากเจ้าต้องการจะปลุกอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาเจ้าจะต้องให้มันดื่มเลือดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเลือดของนักสู้ระดับสูงยิ่งเป็นเลือดที่มีคุณภาพดีสามารถเร่งการฟื้นคืนชีพของอาวุธเล่มนี้ได้
น่าเสียดายที่ทั้งชีวิตข้าได้ฆ่าคนไม่มากพอทำให้มันไม่สามารถฟื้นคืนชีพในช่วงชีวิตของข้าได้ ว่ากันว่าเมื่อมีดเล่มนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมามันจะทำให้ทั้งท้องฟ้าและพื้นดินถูกย้อมไปด้วยทะเลเลือด ข้าล่ะอยากเห็นปรากฏการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้เช่นนี้กับตาของตัวเองจริง ๆ — เงาอำมหิต
หลังเซี่ยเฟยอ่านข้อความนี้จนจบเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเงาอำมหิตได้เขียนราวกับว่ามีดเล่มนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมา หลังจากที่มันดื่มเลือดของมนุษย์เข้าไปได้มากพอ
นอกจากนี้เงาอำมหิตยังบอกว่าเขาได้ฆ่าคนมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของมีดเล่มนี้ได้!!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเงาอำมหิตจะต้องเป็นคนที่โหดร้ายมากแค่ไหนในสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ แล้วถ้าหากว่าแม้กระทั่งปีศาจร้ายตัวนี้ยังไม่สามารถฟื้นคืนชีพให้มีดตรงหน้าได้สำเร็จ มันก็แสดงว่าเลือดมนุษย์ที่มีดเล่มนี้ต้องการเป็นปริมาณที่สามารถเทียบได้กับมหาสมุทร
เพียงแค่นึกถึงภาพของทะเลที่เต็มไปด้วยเลือด มันก็มากพอจะทำให้ทั่วทั้งร่างของเซี่ยเฟยเกิดอาการขนลุก เพราะแม้แต่คนบ้าอย่างเขาก็คงจะไม่สามารถหาเลือดปริมาณมหาศาลแบบนั้นมาให้กับมีดเล่มนี้ได้
“นายพอจะรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มอีกบ้างไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันเคยอ่านบันทึกของสำนักเมื่อนานมาแล้วและบังเอิญได้เห็นว่ามีดเล่มนี้คืออาวุธประจำกายของผู้ก่อตั้งสำนักคนแรก หลังจากนั้นมันก็หายไปอย่างเร้นลับแต่มันมีภาพของมีดเล่มนี้บันทึกเอาไว้ในบันทึกของสำนักด้วย ฉันจึงสามารถจดจำมันได้ในทันทีหลังจากที่มันได้ปรากฏกายออกมา” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“เงาอำมหิตมอบมีดเล่มนี้ให้กับฉัน อย่าหวังว่าฉันจะส่งคืนมันให้กับสำนักของนายล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อันธได้แอบแฝงเอาไว้ในคำพูด
อันธเม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจแต่เขาก็รู้จักนิสัยของเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีทางยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองไปเฉย ๆ ถ้าไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนที่มีคุณค่ามากเทียบเท่ามายื่นเสนอ มันก็ยากจะพรากมีดเล่มนี้ไปจากมือของชายหนุ่มได้
ถึงยังไงอันธก็ยังคงเป็นคนที่เถรตรง เงาอำมหิตได้ระบุเอาไว้แล้วว่าผู้ที่กล้าทำลายรูปปั้นของเขาคือผู้สืบทอดมรดกที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ ดังนั้นไม่ว่าตัวเขาจะคิดยังไงแต่มีดเล่มนี้ก็สมควรตกอยู่ในมือของเซี่ยเฟยจริง ๆ
เซี่ยเฟยเหน็บบลัดบิวเทียสเอาไว้ที่เอวก่อนจะมองไปยังรูปปั้นอันสุดท้าย
การเดินทางมายังห้องลับในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามาก เพราะเขาได้รับมาทั้งชุดบลีดดิ้งก็อด, ดาบอีวีสเซอเรทและมีดบลัดบิวเทียส ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นใดต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และถึงแม้ว่าการออกแบบอุปกรณ์พวกนี้จะดูโหดร้ายไปหน่อย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีเมื่อเขาต้องตกอยู่ท่ามกลางสนามรบ
ตอนนี้เหลือเพียงรูปปั้นอันสุดท้ายที่ยังไม่ถูกทำลาย ซึ่งเซี่ยเฟยก็เดาไม่ออกว่ามันจะมีอะไรหลบซ่อนอยู่ข้างใน แต่เขาก็คิดว่าของชิ้นนี้จะต้องเต็มไปด้วยความอำมหิตเหมือนกับมรดกทั้งสามชิ้นก่อนหน้า เนื่องจากว่าเขาพอจะเดารสนิยมของเงาอำมหิตได้บ้างแล้ว
รูปปั้นอันสุดท้ายคือรูปที่เงาอำมหิตกำลังทำการง้างธนู โดยเป้าหมายที่เขากำลังเล็งออกไปนั่นก็คือท้องฟ้าที่อยู่ทางด้านบน
ตูม!
เซี่ยเฟยต่อยรูปปั้นทำให้ประติมากรรมชิ้นนี้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันมันก็มีเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น เพราะทั่วทั้งห้องโถงเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง และทางเดินด้านนอกก็เริ่มพังทลายลงมาอย่างรวดเร็วทำให้มีเสียงถล่มดังกึกก้องแล้วมีฝุ่นปลิวว่อนไปทั่วทุกพื้นที่
เซี่ยเฟยพยายามหลบอยู่ใต้โครงเหล็กอย่างระมัดระวัง โดยหวังว่าเขาจะรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้
หลังจากนั้นไม่นานทั่วทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นที่หนาทึบ ซึ่งมันก็ต้องขอบคุณโครงเหล็กทางด้านบนที่ช่วยทนการถล่มในครั้งนี้ได้ แต่ทางเดียวที่จะนำพาร่างของเซี่ยเฟยไปสู่โลกภายนอกได้ถูกปิดกั้นด้วยเศษหินที่ถล่มลงมาจนหมดแล้ว ทำให้ชายหนุ่มถูกขังเอาไว้ในห้องปิดตายแห่งนี้เพียงลำพัง
ทางเดินด้านนอกเริ่มเปราะบางเนื่องมาจากกาลเวลาที่ผ่านพ้นไปค่อนข้างนาน ซึ่งเซี่ยเฟยก็คิดว่าเขาได้ต่อยรูปปั้นอย่างรุนแรงมากจนเกินไป ทำให้มันเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ส่งผลกระทบออกไปยังด้านนอก
“ทางออกเดียวของถ้ำนี้ถูกเศษหินถล่มลงมาปิดทางเอาไว้จนหมดแล้ว ฉันคิดว่าคราวนี้นายคงจะติดอยู่ในห้องขังที่ไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งของนายได้” อันธพูดขึ้นมาอย่างสิ้นหวังเมื่อได้เห็นทางออกเดียวถูกหินถล่มปิดทางจนหมดแล้ว
ระหว่างทางที่พวกเขาเดินมาก็สามารถคำนวณได้คร่าว ๆ ว่าห้องลับแห่งนี้อยู่ลึกเข้ามาในภูเขา และการพยายามจะขุดดินออกไปจากห้องแห่งนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ง่าย ๆ เลย
ยิ่งไปกว่านั้นในคราวนี้พวกเขายังเข้ามาภายในห้องลับอย่างเร่งรีบ เขาจึงไม่ได้นำแม้กระทั่งอาหารติดตัวมาด้วยซ้ำ ซึ่งกว่าที่เขาจะขุดอุโมงค์ไปยังด้านนอกได้สำเร็จ เขาก็คงจะต้องอดน้ำอดอาหารตายไปเสียก่อน
โชคดีที่เซี่ยเฟยยังคงรักษาความสงบเอาไว้ได้ทำให้เขายังไม่ตื่นตระหนกเหมือนกับคนโดยทั่วไป
ก่อนอื่นชายหนุ่มได้เดินไปยังเศษรูปปั้นชิ้นสุดท้ายเพื่อดูว่าของชิ้นไหนที่ทำให้เขาต้องมาติดอยู่ในซากปรักหักพังแห่งนี้
สิ่งที่ปรากฏคือหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ถูกปกป้องเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งแรกที่ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูนั่นก็คือคำอธิบายที่เงาอำมหิตได้เขียนทิ้งไว้
อย่าคิดว่าเจ้าจะเอามรดกจากข้าออกไปได้ง่าย ๆ ในเมื่อเจ้ากล้าทำลายรูปปั้นของข้าก็หาทางออกไปจากที่นี่เอง!! — เงาอำมหิต
“ไอ้แก่เวร!!!!”
***************
555555 พี่เฟยโดนแล้วววว
ปล.เรื่องนี้มี E-Book แล้วน๊า สามารถซื้อสะสมหรืออ่านกันได้ทางแอพปิ่นโตและ meb ได้เลยนะคะและขอบคุณที่ติดตามผลงานกันน๊า
ตอนนี้กำลังจัดเต็ม เล่มแรกฟรี เล่มที่ 2 ลด 20% ไปเล้ยยยย
meb https://bit.ly/3NZ3Qca ปิ่นโต https://bit.ly/3M9vXUI