บทที่ 993 (114) อู๋จื้อเหอมาเห็น (ตอนฟรี)
บทที่ 993 (114) อู๋จื้อเหอมาเห็น (ตอนฟรี)
ในความเป็นจริง ตั้งแต่ที่จี้เฟิงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับหรงเผิงกรุ๊ป เขาได้ศึกษาข้อมูลของหรงเผิงกรุ๊ปอย่างละเอียดรวมถึงข้อมูลของหรงซูเยี่ยนด้วย
การศึกษาของผู้หญิงคนนี้ถือว่าปกติทั่วไป ไม่ได้สูงมากนัก เธอจบปริญญาตรี แต่เธอได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจด้วยตัวเธอเอง ซึ่งรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงจี้เฟิงก็ไม่ค่อยทราบ
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ได้มา ทำให้เขาได้รู้ว่าหรงซูเยี่ยนเป็นคนที่มีความสามารถ เธอมีมันสมองที่ไม่ธรรมดา อาจเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์เลยก็ว่าได้ และถ้าหากบุคคลเช่นนี้ได้มาเข้าร่วมกับเถิงเฟยกรุ๊ป มันจะช่วยให้เถิงเฟยกรุ๊ปพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว!
แต่จี้เฟิงก็รู้ตัวดีว่านี่เป็นเพียงความปรารถนาที่โลภมากเกินไปหน่อย ความเป็นไปได้ที่หรงซูเยี่ยนจะมาที่เถิงเฟยกรุ๊ปนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่ได้ถือเอาสิ่งที่จี้เส้าฮงและเหอหงเหว่ยพูดมาคิดเป็นจริงเป็นจังและมองเป็นเพียงแค่เรื่องตลก
ทันทีที่จี้เฟิงพูดจบ หรงซูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่หรงซูเยี่ยน แต่เหอหงเหว่ยเองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขาไม่คาดคิดว่าจี้เฟิงจะนำความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายออกมาพูดตรงๆแบบนี้ ไม่มีที่ว่างให้พูดเฉไฉไปทางอื่น แต่เป็นการพูดเกลี้ยกล่อมหรงซูเยี่ยนตรงๆ
‘ผู้ชายคนนี้...’ เหอหงเหว่ยอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะอยู่ในใจ ก็พอรู้อยู่ว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ใครจะรู้ว่าจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม หากลองมองย้อนกลับไปและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดีๆ ความตรงไปตรงมาของจี้เฟิงถือเป็นวิธีที่ดี การนำปัญหาออกมาพูดอย่างเปิดเผยเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้กับหรงซูเยี่ยน ไม่จำเป็นต้องเฉไฉไปทางอื่น ตอนนี้ปัญหาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ว่าคุณจะต่อสู้จนถึงที่สุดหรือคุณจะไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่ว่ายังไงคุณจะต้องให้คำตอบที่แน่นอนกับฉัน!
สิ่งที่จี้เฟิงทำคือการต้อนหรงซูเยี่ยนให้จนมุม โดยไม่เว้นที่ว่างไว้ให้เธอได้หลบหลีก
เมื่อมองแวบแรก คำถามของจี้เฟิงอาจไม่ตรงกับแผนก่อนหน้านี้ของเขา
เพราะก่อนหน้านี้จี้เฟิงวางแผนที่สร้างรอยร้าวถึงขั้นแตกหักให้กับความสัมพันธ์ของหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอ แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ในกระบวนการนี้คือเจิ้งหยูซิ่ว
แต่ตอนนี้ หรงซูเยี่ยนที่ถูกคำถามของจี้เฟิงต้อนให้จนมุม บีบบังคับให้เธอต้องเผชิญกับคำถามนี้โดยตรง และเป็นไปได้สูงว่าจะยิ่งเพิ่มความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับจี้เฟิงในที่สุด
แต่จี้เฟิงไม่คิดเช่นนั้น เขาเชื่อว่าหรงซูเยี่ยนที่เป็นคนฉลาดจะฉลาดมากพอ ไม่ว่ายังไงหรงซูเยี่ยนจะไม่พูดตรงๆหรือพูดอย่างเด็ดขาดเกินไปว่าเธอต้องการต่อสู้กับจี้เฟิงหรือต้องการมีปัญหากับตระกูลจี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจอย่างเธอสามารถทนได้เมื่อต้องพบกับความเสียหายครั้งใหญ่ และไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดอย่างเธอควรจะพูด
แน่นอน หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หรงซูเยี่ยนก็เผยรอยยิ้ม “คุณชายจี้ ฉันคิดว่าคุณประเมินฉันสูงเกินไปหน่อยนะคะ อย่างที่คุณทราบ หรงเผิงกรุ๊ปเป็นบริษัทสำหรับทำธุรกิจเท่านั้น การพัฒนาและการดำเนินการล้วนอยู่ในแผนที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า ดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดประการใดที่เหมือนกับเป็นการรุกรานคุณชายจี้ ฉันก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “คุณหรง คุณอย่ามาเล่นตลกกับผม แค่บอกมาว่าคุณจะแทรกแซงในเรื่องนี้ด้วยหรือจะถอนตัวไป?”
หรงซูเยี่ยนส่ายหัวเบาๆ “คุณชายจี้ ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถตอบคำถามนี้ของคุณได้จริงๆ พูดตามตรง ฉันไม่ใช่คนเดียวที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการของหรงเผิงกรุ๊ป”
เหอหงเหว่ยที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะแอบพยักหน้า คำพูดของหรงซูเยี่ยนนั้นถือได้ว่าจริงใจมากแล้ว นี่เท่ากับเธอบอกจี้เฟิงอย่างชัดเจนว่าหรงเผิงกรุ๊ปจะไปในทิศทางใด และไม่ว่าจะแทรกแซงในการต่อสู้ระหว่างตระกูลจี้กับตระกูลอู๋หรือไม่ เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะเธอต้องเชื่อฟังคำสั่งตระกูลอู๋
“ที่จริง.. ผมเข้าใจความลำบากขอบคุณหรงนะ!”
จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สิ่งที่ผมอยากรู้ก็คือ ถ้าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคุณล่ะ คุณจะเลือกอย่างไร?”
“ธุรกิจ!” หรงซูเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ฉันเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องมุ่งเน้นเรื่องนี้เป็นหลักอยู่แล้วสิคะ เสริมสร้างความร่วมมือซึ่งกันและกันและพัฒนาร่วมกัน นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวงการธุรกิจของเรา เพราะการต่อสู้มีแต่จะสร้างความขัดแย้งและแม้กระทั่งบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้!”
“ฮ่าๆๆ!” จู่ๆจี้เฟิงก็หัวเราะ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงๆแล้วผมก็หมายถึงอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากขอให้คุณหรงช่วยเกลี้ยกล่อมคุณชายอู๋ อย่างน้อยก็ทำให้เขาใจเย็นลงสักนิด แล้วคิดให้ได้เหมือนคุณว่าความสงบสุขนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน!”
หรงซูเยี่ยนพยักหน้า “เอาไว้ฉันจะบอกเขาให้นะคะ”
แม้เธอจะพูดเหมือนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับอู๋จื้อเหอ แต่ในใจของเธอนั้นรู้สึกเศร้าหมองมาก เธอจะพูดคำพูดของจี้เฟิงให้อู๋จื้อเหอฟังได้อย่างนั้นหรือ?
เมื่อคืนที่ผ่านมา อู๋จื้อเหอโกรธเธอมาก เพราะคิดว่าเธอกับจี้เฟิงมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน แล้วถ้าเธอช่วยจี้เฟิงโดยเอาคำพูดของเขาไปบอกอู๋จื้อเหอ ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าเขาจะรับฟังหรือจะโกรธกันแน่!
แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ หรงซูเยี่ยนไม่ต้องการที่จะแสดงความอ่อนแอของเธอต่อหน้าจี้เฟิง ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
ส่วนจะถ่ายทอดคำพูดของจี้เฟิงให้ตามที่รับปากหรือไม่นั้น... ก็คงขึ้นอยู่กับจังหวะ
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณหรงมาก!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นไปได้... ผมสงสัยว่าคุณหรงได้คิดที่จะร่วมมือกับเถิงเฟยกรุ๊ปบ้างหรือเปล่าครับ?”
“เรื่องนี้... ฉันยังไม่ได้คิดในตอนนี้ค่ะ มันขึ้นอยู่กับการพัฒนาในอนาคต!” หรงซูเยี่ยนยิ้มอย่างฝืนๆ ต่อหน้าจี้เฟิง เธอรู้สึกเหมือนถูกควบคุมอยู่เสมอ เขาตรงไปตรงมาเกินไป จนเธอไม่รู้วิธีการที่จะตอบคำถามนั้นให้ดีพอ
รู้หรือไม่ว่า ผู้คนที่หรงซูเยี่ยนเคยพบเจอ ไม่ว่าจะนักธุรกิจหรือคุณชายนายน้อยตระกูลขุนนางเหล่านั้น พวกเขาต่างพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแสดงความน่าเกรงขามหรือแสดงความสุขุมนุ่มลึกเวลาที่พวกเขาพูด หากอยู่ในกลุ่มนักธุรกิจ พวกเขาจะหัวเราะและพูดคุยกันอย่างลื่นไหลเหมือนเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี
แทบไม่มีใครพูดเจตนาของตัวเองออกมาตรงๆเหมือนอย่างจี้เฟิงเลย อย่างไรก็ตาม คำถามของจี้เฟิงนั้นเฉียบคมและตรงประเด็นมาก จนเธอต้องคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะตอบออกไปทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นอาจเป็นตัวเธอเองที่ตกที่นั่งลำบาก
สำหรับนิสัยของจี้เฟิง ดูเหมือนว่าหรงซูเยี่ยนจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเขามากขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะรอฟังข่าวดีจากประธานหรงก็แล้วกันนะครับ” จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะ ประธานหรงคงกำลังรอเพื่อนอยู่ งั้นเราไม่รบกวนแล้ว”
“โชคดีค่ะ” หรงซูเยี่ยนพยักหน้าและยิ้ม
จี้เฟิงยืนขึ้นและกำลังจะลุกจากโต๊ะ แต่เมื่อเขาหันกลับมา เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
ในทางเดินตรงทางเข้าของคลับ มีคนสามคนมองตรงมาทางด้านนี้ หนึ่งในนั้นมีทั้งความโกรธและความเศร้าอยู่บนใบหน้าและแววตาของเขา คนๆนั้นคืออู๋จื้อเหอ!
ข้างๆเขามีผู้ชายและผู้หญิง ผู้ชายจี้เฟิงไม่รู้จัก แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นคือเจิ้งหยูซิ่ว
“ฮ่าๆๆ~!”
เมื่อเหอหงเหว่ยเห็นอู๋จื้อเหอและคนอื่นๆยืนอยู่ที่ประตู เขาก็หัวเราะออกมาทันที “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “เราไปกันเถอะ”
ที่อีกฝั่ง อู๋จื้อเหอและคนอื่นๆกำลังเดินมาแล้ว โดยเฉพาะอู๋จื้อเหอที่มีใบหน้ามืดมนจนแทบจะเป็นมีออร่าแห่งความโกรธพุ่งออกมา เขาก้าวเดินอย่างรวดเร็วพร้อมกับการหายในที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงยังคงดูสงบนิ่ง เขาเดินออกไปพร้อมกับเหอหงเหว่ยและจางเล่ย
หรงซูเยี่ยนซึ่งนั่งอยู่ที่มุมด้านหลังก็เห็นกลุ่มของอู๋จื้อเหอแล้วเช่นกัน เธอยังคงจำได้เกี่ยวกับความเข้าใจผิดที่อู๋จื้อเหอมีต่อเธอก่อนหน้านี้ได้ และเมื่อมองมายังฉากตรงหน้านี้ จู่ๆหัวใจของเธอก็รู้สึกเหมือนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
‘แบบนี้... ไม่ว่าจะใช้เหตุผลอะไร อู๋จื้อเหอก็จะไม่มีทางคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือความเข้าใจผิด เขาจะเชื่อการคาดเดาของเขามากขึ้น!’ หรงซูเยี่ยนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเลยกับอู๋จื้อเหอที่เข้าใจผิดอยู่ก่อนแล้ว แต่ครั้งนี้เขาได้เห็นจี้เฟิงคุยกับเธอต่อหน้าต่อตาเขาเอง!
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือเขาอยู่ไกลมาก และเขาไม่ได้ยินว่าจี้เฟิงและคนอื่นๆกำลังคุยอะไรกัน ปัจจัยเหล่านี้รวมกันเพียงพอที่จะทำให้อู๋จื้อเหอเสียสติและเชื่อมั่นในการคาดเดาในแง่ร้ายของเขา!
แต่จี้เฟิงเมินเฉยต่อความโกรธของอู๋จื้อเหอและเดินออกไปอย่างสบายๆ
“หยุด!” เจิ้งหยูซิ่วตะโกนอย่างฉุนเฉียวพร้อมกับเดินมาขวางหน้าจี้เฟิงเอาไว้ “จี้เฟิง! เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับลูกพี่ลูกน้องของฉัน?!”
จี้เฟิงไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอและเดินผ่านเธอไป ผู้หญิงคนนี้ไม่มีค่าพอให้จี้เฟิงสนใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะถามหรือปฏิเสธ
ใบหน้าของเจิ้งหยูซิ่วเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีด้วยความอับอายและความโกรธ เธอตะคอกอย่างเย็นชา “จี้เฟิง! หรงซูเยี่ยนเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันและเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของจื้อเหอ ฉันหวังว่าคุณจะให้เคารพตัวเองและไม่ทำสิ่งที่ทำให้ทุกคนดูน่าเกลียด!”
จี้เฟิงเย้ยหยันอยู่ในใจ เจิ้งหยูซิ่ว.. ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมพลาดโอกาสแม้แต่น้อยเลยจริงๆที่จะเข้าแทรกแซงระหว่างอู๋จื้อเหอและหรงซูเยี่ยน ดูเหมือนว่าความหวังที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของสองคนนี้แตกหักกันคงยังอยู่ที่เจิ้งหยูซิ่วผู้นี้!
เมื่อหรงซูเยี่ยนซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งได้ยินคำพูดของเจิ้งหยูซิ่ว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าของเธอบูดบึ้งดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความโกรธ
ท่ามกลางผู้คนมากมาย เจิ้งหยูซิ่วจงใจพูดเสียงดังกับจี้เฟิง หากฟังแค่ผิวเผิน อาจดูเหมือนเธอกำลังกล่าวหาจี้เฟิง แต่ในความเป็นจริงเธอต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างหรงซูเยี่ยนและจี้เฟิง และต้องการทำให้อู๋จื้อเหอเกลียดหรงซูเยี่ยนและทำให้หรงซูเยี่ยนกับจี้เฟิงได้อับอาย!
และคนที่ต้องอับอายที่สุดนั่นคือหรงซูเยี่ยนอย่างไม่ต้องสงสัย
ลองนึกดูว่าคนอื่นๆจะคิดอย่างไรหลังจากได้ยินคำพูดของเจิ้งหยูซิ่ว?
จี้เฟิงได้เผชิญหน้ากับนายน้อยคนเล็กของตระกูลอู๋ และถึงกับแย่งคนรักของนายน้อยคนเล็กของตระกูลอู๋ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในขณะที่นายน้อยคนเล็กของตระกูลอู๋กำลังรู้สึกอับอายขายหน้า หรงซูเยี่ยนจะได้รับชื่อเสียงว่าเป็นผู้หญิงสำส่อนอย่างแน่นอน... ช่างร้ายกาจจริงๆ!
หรงซูเยี่ยนต้องการจะไปอธิบายให้อู๋จื้อเหอฟัง แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ไปถึง อู๋จื้อเหอได้ไปหยุดอยู่หน้าจี้เฟิงด้วยใบหน้าดุดัน
หัวใจของหรงซูเยี่ยนเต้นแรงทันที ถ้าอู๋จื้อเหอและจี้เฟิงทะเลาะกัน เรื่องนี้จะไม่มีทางย้อนกลับมาได้แล้วจริงๆ หรงซูเยี่ยนกระวนกระวายมาก แต่เธออยู่ไกลเกินไป ไม่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ในตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงทำได้แต่ตะโกนออกไป
“จื้อเหอ อย่างหุนหันพลันแล่น!”
....จบบทที่ 993 ~
....................
สวัสดีค่ะ เนตรนารีสีชมพูนะคะ ขอโทษที่หายไปสามวันนะคะ แจ็คพอตซะแล้วค่า~
เพิ่งเคยเป็นโควิด-19 กับเขา หนักเอาเรื่องเลยค่ะ ดังนั้นเนตรนารีอยากให้ผู้อ่านทุกๆท่านดูแลตัวเองกันให้ดีๆนะคะ
ด้วยรักและห่วงใย
เนตรนารีสีชมพู