บทที่ 32 อิสระ ปล่อยวางและความโกรธ
หัวของซอมบี้ลิ้นยาวถูกฟันขาด จากนั้นจึงแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยหมัดของวิญญาณมืด
"แครง แครง แครง" เสียงโซ่ร่วงลงพื้นดังขึ้นข้างๆหยางเซี่ยวเฉิน เขาหันศีรษะไปมองก็เห็นหยูเชียนยืนอย่างเหนื่อยล้า
แม้แต่มีดที่อยู่ห่างออกไปก็ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ เหมือนว่าการต่อสู้ก่อนหน้าจะเป็นภาระกับตัวของหยูเชียนไม่น้อย
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้อีกครั้ง” หยางเซี่ยวเฉินกล่าวอย่างจริงใจ
"ไอ้โง่ ถ้านายไม่โง่และอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ฉันคงไม่ต้องช่วยนาย ทำไมต้องทำให้ยากขึ้นด้วยขอแค่ซอมบี้กลายพันธุ์ไม่รู้ตัวอีกสักหนึ่งหรือสองวินาที ฉันก็จะสามารถลอบโจมตีมันได้แล้ว " หยูเชียนตะคอกอย่างเย็นชาและยื่นมือออกไปอีกครั้ง
"เอาแกนสมองมาให้ฉัน"
หยางเซี่ยวเฉินรู้ตัวว่าเขาผิด ดังนั้นเขาจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆอย่างช่วยไม่ได้ ท้ายที่สุดมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะลดความระวังลงในตอนที่คิดว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว
แต่วันนี้แตกต่างจากในอดีตเพราะการประมาทเพียงครั้งเดียวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
“วิญญาณมืดเอาแกนสมองมาให้ที” หยางเซี่ยวเฉินออกคำสั่งในใจโดยคิดว่าวิญญาณมืดจะนำแกนสมองออกจากสมองของมนุษย์กลายพันธุ์ทันทีและส่งมาให้เขา
แต่หยางเซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าวิญญาณมืดจะไม่ทำตามคำสั่งในครั้งนี้
"เฮ้ เฮ้!" วิญญาณมืดที่กลับมาอยู่ข้างๆ เขา กำลังถือแกนสมองซอมบี้กลายพันธุ์ขนาดประมาณลูกวอลนัทอยู่ในมือ
เพียงแต่เมื่อแกนสมองนี้มาอยู่ในมือขนาดใหญ่ของมันกับดูคล้ายก้อนกรวดเล็กๆเท่านั้น
"นายหมายความว่าอย่างไร?" หยางเซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจและเป็นกังวลว่าวิญญาณมืดจะฝ่าฝืนคำสั่งของเขาหรือไม่?
"เฮ้!" วิญญาณมือกระทืบเท้าเหมือนเด็กที่ถูกแย่งลูกอม ฝ่าเท้าขนาดใหญ่ของมันกระแทกพื้น ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน
จากนั้นมันก็ค่อยๆ เอื้อมมือเอาแกนสมองใส่ไว้ในมือของหยางเซี่ยวเฉินอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
"เกิดอะไรขึ้น?" หยูเชียนรู้สึกถึงความผิดปกติที่เห็นได้ชัดนี้และถามออกมา
“ไม่รู้สิ ดูเหมือนว่าวิญญาณมืดจะต้องการแกนสมองนี้ มันแปลก ก่อนหน้านี้ที่มันจะเห็นแกนสมองซอมบี้ ก็ดูจะไม่มีการตอบสนองอะไรมากนัก หรืออาจเป็นเพราะนี้เป็นแกนสมองของมนุษย์กลายพันธุ์หรือเปล่า”
หยางเซี่ยวเฉินมอบแกนสมองให้กับหยูเชียน
แต่หยูเชียนกับคืนให้เขาและพูดว่า "มันอาจจะเพราะว่ามีเหตุผลบางอย่างทำให้มันต้องการแกนสมองของซอมบี้กลายพันธุ์ บางทีมันอาจช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนายได้"
หยางเซี่ยวเฉินพยักหน้าขอบคุณ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาไม่ต้องการให้วิญญาณมืดรู้สึกผิดหวัง มันเป็นการดีที่สุดถ้าสามารถทำให้วิญญาณมืดพอใจและมีความสุข
“ถ้ามันเพิ่มความแข็งแกร่งของฉันได้จริงๆ นายไม่กลัวว่าฉันจะไม่สนใจนายเหรอ?” หยางเซี่ยวเฉินถามขณะส่งแกนสมองให้วิญญาณมืด
หยูเชียนหัวเราะ "กลุ่มของเราใหญ่ถึงขนาดต้องแย่งชิงเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองด้วยหรือไง"
ซอมบี้ในหยวนเจียงเป็นเพียงหายนะแรกเท่านั้น จะมีหายนะและวิกฤตอีกไม่รู้จบในอนาคต มีศัตรูนับไม่ถ้วนให้พวกเขาต่อสู้และพิชิต
ใครก็ตามที่มีสมองจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันเอง
ดังนั้นหยูเชียนจึงมั่นใจว่าตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีความแตกต่างทางอุดมการณ์ที่รุนแรงจนเกินไป ความสัมพันธ์แบบร่วมมือนี้ก็สามารถคงอยู่ต่อไปได้นาน
ในกรณีนี้ถ้าคุณสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายของคุณเองได้ ทำไมจะไม่ทำล่ะ?
เมื่อมาถึงจุดนี้หยางเซี่ยวเฉินจึงเลิกเสแสร้งและโยนแกนสมองซอมบี้กลายพันธุ์ไปที่วิญญาณมืด
เมื่อวิญญาณมืดได้มันไปก็ทำตัวเหมือนเด็กที่ร้องรำหลังจากไดพบ "ขนม" ที่ทำหายไป
บนใบหน้าที่มืดมนไม่มีใบหน้า ศีรษะของมันก็แยกออกเป็นแถบแนวนอนไปจนถึงด้านหลัง
"เฮ้!" มีแรงดูดจากเส้นแนวนอนและแกนสมองก็ถูกดูดเข้าไป
"ดูเหมือน... ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง?" หยางเซี่ยวเฉิน รู้สึกละอายใจ มันไม่ใช่ว่าเสียเปล่าอย่างนั้นเหรอ?
"ไฮ!" วิญญาณมืดรีบหันหลังเพื่อแสดงผลลัพธ์ ที่ด้านหลังของมันมีปีกสีดำขนาดเล็กคู่หนึ่งงอกออกมาจากสะบักทั้งสองข้าง
“ปีกมันเล็กจัง จะบินได้เหรอ” หยางเซี่ยวเฉินลองเปรียบเทียบความยาวของปีกกับความสูงของวิญญาณมืด
วิญญาณมืดกระพือปีกสองสามครั้งของมันเหมือนนกและตะโกนว่า “เฮ้ เฮ้” พร้อมกับชี้ไปที่ศพของมนุษย์กลายพันธุ์ จากนั้นชี้ไปที่ใบหน้าของมันอีกครั้ง
หยางเซี่ยวเฉินเข้าใจสิ่งที่วิญญาณมืดต้องการสื่อคือมันยังบินไม่ได้ แต่ตราบใดที่มันได้กินแกนสมองของซอมบี้กลายพันธุ์มากขึ้น
ปีกของเขาก็จะเติบโตต่อไปจนสามารถพยุงร่างกายของมันให้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้
"ฮ่า ฮ่า มันน่าทึ่งมาก" หยางเซี่ยวเฉินมองไปที่หยูเชียนอย่างมีชัย
"ใครบอกว่าแกนสมองกินไม่ได้ ใครบอกว่าต่อสู้กับมอนสเตอร์แล้วจะอัพเกรดความสามารถไม่ได้"
หยูเชียนกลอกตาและตอบว่า "ความสามารถของนายค่อนข้างพิเศษ นายสามารถใช้ร่างแยกพลังงานเพื่อกินแกนสมองได้”
“มันเป็นความสามารถที่แทบไม่มีโอกาสเจอแม้แต่หนึ่งในหมื่น ยกเว้นนายก็คงไม่มีใครจะทำได้แล้ว แต่ถ้านายกล้าที่จะกินแกนสมองด้วยตัวเอง นายจะติดเชื้อและกลายร่างเป็นซอมบี้อย่างแน่นอน”
"แน่ใจนะ?"
"อาจเป็นไปได้ นั่นคือสิ่งที่ข้อมูลกล่าว" หยูเชียนลูบใบหน้าที่เหนื่อยล้าแล้วตอบอย่างสบายๆ
โอ้ ข้อมูล? หยางเซี่ยวเฉินหรี่ตาและมองไปที่กระเป๋ากางเกงของหยูเชียนซึ่งเก็บนาฬิกาพกไว้
หยางเซี่ยวเฉินคิดกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าเขายังมีความลับบางอย่างที่ฉันยังไม่รู้ อาจมีหลายๆอย่างที่บันทึกไว้ในนาฬิกาพกนั่น เป็นไปได้ว่าวิธีการใช้แกนสมองก็มาจากมันด้วย”
แต่หยางเซี่ยวเฉินไม่ได้ถามคำถามเกี่ยวกับมัน ทุกคนมีความลับของตัวเองหยางเซี่ยวเฉินรู้ดีว่าหยูเชียน ยังไม่ไว้วางใจในตัวเขาพอที่จะแบ่งปันความลับที่สำคัญที่สุดกับเขา
เมื่อมองย้อนกลับไปที่หวางไห่ซึ่งยืนอยู่และหยางหยางพ่อของเขาซึ่งนั่งอยู่บนพื้น
หยางเซี่ยวเฉินก็ตระหนักได้ หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดเขาเพียงยืนยันความปลอดภัยพ่อของเขาเท่านั้น เขายังไม่ได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของคนอื่นๆเลย
แต่ทันทีที่เขากำลังจะพูด เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นมา
มันเป็นเสียงของผู้หญิง ภรรยาของเหลียงไฮหลิน!
"เกิดอะไรขึ้น?" หยางเซี่ยวเฉินเดินสองสามก้าวเข้าไปหาครอบครัวของหมอเหลียง ซึ่งหวางลี่ก็ทรุดตัวลงอยู่ข้างๆพวกเขา
เหลียงไฮหลินและภรรยาไม่ตอบ คนหนึ่งพันแผลให้เหลียงจินหยวนลูกชายของเขา อีกคนกำลังน้ำตาไหลนองใบหน้า
หวางลี่เป็นคนอธิบาย "ตอนที่ลิ้นยาวๆนั่นพุ่งเข้ามา เหลียงเซียวตี้หลบไม่ทันเลยโดนข่วนเข้าที่แขน"
หลังหวางลี่พูดเสร็จเขาลังเลที่จะอธิบายว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่เขาคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่พูดอะไรมากเกินไป เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นขุ่นเคืองใจ
หัวใจของหยางเซี่ยวเฉินเต้นไม่เป็นจังหวะ เหลียงจินหยวนนั่งอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลาสามปี แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่เท่าเพื่อนที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีมากเช่นกัน
มิฉะนั้นหยางเซี่ยวเฉินจะไม่ยอมใช้ทางอ้อมเพื่อช่วยเขาแน่นอน
หยางเซี่ยวเฉินกำหมัดแน่น มันอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเพราะความประมาทของเขา เมื่อนึกย้อนไป ซอมบี้เด็กหญิงไม่ควรจะเป็นฝ่ายที่ทุบกระจกรถและปล่อยคนในรถไป
ในขณะเดียวกันเป็นเพราะมนุษย์กลายพันธุ์ลิ้นยาวได้แทงลิ้นของมันเข้าไปในรถและติดอยู่ภายในนั้น
ทำให้การหลบอยู่ในรถที่ไม่มีที่ว่างให้หลบนั้นอันตรายมาก ไม่แปลกใจเลยที่คนพวกนั้นจะทิ้งรถแล้วหนีไปอย่างแตกตื่น
"ถ้าฉันคิดเรื่องนี้ออกให้เร็วกว่านี้ ทำให้เหลียงจินหยวนได้ระวังตัวไว้ก่อนบางทีเขาอาจจะไม่เป็นไร"
หยางเซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
"ฉันขอโทษ" หลังจากขอโทษ หยางเซี่ยวเฉินรู้สึกว่าเสียงของเขาแหบแห้ง เขาย่อตัวลงและวางมือบนแขนของเหลียงจินหยวน แล้วมองไปที่บาดแผลลึกที่กำลังมีเลือดสีดำแดงไหลออกมา
“ขอโทษฉันทำไม ฉันก็อยากจะมีพลังพิเศษแบบพวกนายบ้าง ไม่คิดเลยว่าฉันต้องมาตายแบบนี้” ใบหน้าของเหลียงจินหยวนค่อยๆซีดลง
เขาฝืนยิ้มและพูดว่า "สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมนายและหยูเชียนต่างก็มีพลังพิเศษ แต่ฉันกับต้องเจอกับโชคร้ายกันนะ นายคิดว่าฉันจะกลายเป็นซอมบี้ไหม?"
หยางเซี่ยวเฉินเลี่ยงที่จะตอบและถามด้วยเสียงอู้อี้ว่า "เจ็บไหม"
“เจ็บชิบหาย”
“ฉันไม่ได้เอามอร์ฟีนมา นายสูบบุหรี่หรือเปล่า” หยางเซี่ยวเฉินกล่าวขณะหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เหลียงจินหยวนหนึ่งมวน
“นายน่ารู้ว่าฉันไม่สูบ” เหลียงจินหยวนไม่ได้หยิบบุหรี่ เขาหยิบ PSP ของเขาออกมาอย่างขะมักเขม้นจากนั้นเปิดเครื่องและล็อกอินเข้าใช้งาน
คุณแม่เหลียงคร่ำครวญปัด PSP ในมือของเหลียงจินหยวนลงพร้อมกับร้องไห้
"ลูกยังเล่นเกมไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมยังเล่นอยู่ได้! มันเป็นเพราะเกมพังๆนี้! ลูกจะให้แม่กับพ่อทำยังไง ดูสิหลาวเหลียง ดูลูกชายคุณสิ..." คุณแม่เหลียงดึงไหล่เหลียงไฮหลิน
เหลียงไฮหลินสะบัดมือคุณแม่เหลียงออกแล้วตะโกนเสียงดัง "พูดอะไรกัน! ใครบอกว่าโดนข่วนแล้วจะไม่รอด ใครพูด! อย่าไปเชื่อหนัง! เดี๋ยวฉันพันแผลให้แกก่อน ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!"
หยางเซี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นและหันไปหาหยูเชียน แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่มีความหวัง แต่เขาก็ยังหวังว่าจะมีโชคดีบ้างแม้จะเล็กน้อยพียงใด
บางทีมันอาจจะแตกต่างจากภาพยนตร์จริงๆ
แต่หยูเชียนส่ายหัวและทำลายจินตนาการนี้ "หากเขาไม่รอด อย่างเร็วสุดครึ่งชั่วโมง ช้าสุดก็อาจจะหนึ่งวัน หลังจากนั้นเขาจะกลายเป็นซอมบี้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยูเชียนก็พูดอีกครั้ง "ให้เขามีเวลาที่ดีเถอะ มันดีกว่าต้องทนทรมานและท้ายที่สุดก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่ทั้งคนไม่ใช่ผีพวกนั้น"
“อย่า อย่า!” คุณแม่เหลียงร้องไห้ทันทีหลังจากได้ยิน ในขณะที่เหลียงไฮหลินเอาแต่พูดกับตัวเองราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง
"เร็วเข้า รีบไปเตรียมอุปกรณ์ ฉันต้องตัดแขนเขา ไวรัสมันยังไม่แพร่กระจาย! ใช่ มันยังสามารถช่วยได้อยู่”
เพื่อหลีกหนีจากความจริงและหลอกตัวเอง เหลียงไฮหลินไม่สนใจจรรยาบรรณของหมออีกต่อไปและมุ่งความสนใจไปที่การทำให้ดีที่สุด
จิตใจของหมอเหลียงและภรรยาของเขากำลังจะแหลกสลาย หวางไห่และหวางลี่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
หยางเซี่ยวเฉินพูดซ้ำๆในใจเป็นพันคำแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ ส่วนหยูเชียนมีท่าทางเฉยเมยซึ่งก็ไม่มีใครจะสนใจเขา
แต่คนที่ใจเย็นที่สุดในที่แห่งนี้กลับเป็นตัวเหลียงจินหยวนเอง
เหลียงจินหยวนหยิบ PSP ที่ตกขึ้นมา เพ่งสมาธิไปที่หน้าจอด้วยความสนใจทั้งหมดของเขา และควบคุมตัวละครในเกมให้หลบหลีกและฟันทางซ้ายทางขวาเพื่อฝ่าวงล้อม
โดยไม่มีทีท่าจะสนใจความเป็นตายที่กำลังจะมาถึงของตัวเขาเองเลย
“ทำไม นายยังเล่นได้อยู่อีก” เมื่อเห็นสีหน้าไม่มีความสุขหรือความเศร้าของเขา หยางเซี่ยวเฉินรู้สึกเคารพเขาอย่างสุดหัวใจ
หยางเซี่ยวเฉินนั้นฉลาดและรู้จักฉวยโอกาสมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าเขาจะปฏิบัติต่อผู้คนอย่างถ่อมตนมาตลอด แต่เขาก็ไม่เคยชื่นชมใครจากก้นบึ้งของหัวใจแบบนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเหลียงจินหยวนตรงหน้านี้ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย ที่เขาคุ้นเคยเพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาสามปี ส่วนที่เขาไม่คุ้นเคยก็เพราะเขาไม่เข้าใจจิตใจที่แข็งแกร่งและสงบของเหลียงจินหยวน
ใครบ้างที่กล้าพูดว่าตัวเองนั้นกล้าที่จะเผชิญกับความตาย? ใครจะกล้าพูดว่าเขากล้าที่จะรอความตายที่จะมาถึงอย่างเงียบ ๆ?
“ทำไมยังเล่นนะเหรอ ก็พราะฉันเล่นเกมเก่งมากไงละ”
“ในโลกแห่งความเป็นจริง ฉันก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์ทั่วไป ทำอะไรก็ไม่เก่ง แต่ในเกมฉันสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ทุกอย่าง”
เหลียงจินหยวนพูดในขณะที่เล่นไปด้วย "ว่ากันว่าชีวิตก็เหมือนเกม แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าชีวิตของเราไม่ใช่เกม? มันก็แค่ว่าฉันไม่เก่งในเกมชีวิตนี้ แต่อีกนัยหนึ่งในโลกของเกมที่ว่างเปล่านั่นก็คือชีวิตของฉัน”
“แล้วจะให้ฉันหยุดชีวิตที่แสนวิเศษแบบนี้ได้อย่างไร ตราบใดที่ฉันยังเคลื่อนไหวได้ ฉันก็ยังจะเล่นมันต่อไปแน่นอน”
"ฉันไม่เข้าใจเรื่องท่นายพูดเท่าไหร่" หยางเซี่ยวเฉินลดสายตาลงด้วยความเจ็บปวด ไม่กล้ามองหน้าที่ซีดของเหลียงจินหยวนโดยตรง
"เหลียงจินหยวน นายกำลังจะตาย"
หลังจากพูดคำที่โหดร้ายนี้หยางเซี่ยวเฉินรู้สึกเจ็บปวดเหมือนในใจถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบตี เขาอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมา
“ฉันรู้ ฉันรู้แล้ว แล้วนายจะมาเร่งทำไมเล่า แต่ละคนอย่ายุ่งกับฉันเลย ในเมื่อฉันไม่มีความหวังที่จะรอด”
“ก็ให้ฉันได้สนุกไปกับช่วงเวลาสุดท้ายเถอะ” เหลียงจินหยวนเงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างเป็นกันเอง
"นายมีธุระที่ต้องไปทำไม่ใช่เหรอ? อะไรนะ ไม่รีบไปเกาะสวรรค์เหรอ? ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน”
“ฉันแค่อยากจะขอให้พวกนายดูแลพ่อแม่ของฉันให้มากที่สุด อ้อ ยังไงก็ตาม ขอฉันคุยกับพ่อแม่ตามลำพังสักสองสามคำก่อนไปนะ”
หยางเซี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเขาหันและจากไป เว้นที่ว่างสำหรับครอบครัวของเหลียงจินหยวน
เขาก้าวไปยืนข้างซอมบี้เด็กสาวที่ถูกตัดหัว เพียงเพื่อตระหนักว่าหัวที่ถูกตัดแยกออกมานั้นได้เติบโตอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า หัว มือ และเท้า ค่อยๆกลายเป็นสาวน้อยน่ารักอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเธอมาถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว ทำได้เพียงมองไปที่หยางเซี่ยวเฉินอย่างสมเพชด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
เธออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่ละเอียดอ่อน "พี่ใหญ่ หนู ผิดไปแล้ว หนูผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดอย่าฆ่าหนูเลย ให้หนูเป็นทาสของคุณ หนูจะรับใช้คุณทุกอย่าง อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ”
"บูม"
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนพุ่งเข้าไปในปากเธอ
“ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง”
เสียงปืนยังคงดังต่อไปและเนื้อหนังก็ปลิวว่อน
หลังจากยิงปืนไรเฟิลในมือของเขาหมดแม็ก หยางเซี่ยวเฉินจึงราดน้ำมันเบนซินครึ่งถังลงไปในกองเนื้อสับที่ไม่เป็นรูปร่างบนพื้น
เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเขาและโยนบุหรี่ที่คาบไว้ออกจากปาก
"ฟุบ" ไฟลุกโชนขึ้นบนชิ้นเนื้อที่ถูกราดด้วยน้ำมัน หยางเซี่ยวเฉินหันหลังให้กับเปลวไฟและเดินไปหาคนอื่นๆ ข้างหลังเขา
วิญญาณมืดก้มลงหยิบแกนสมองขึ้นมาและโยนมันเข้าไปในปากของมัน
“คราวนี้ตายแล้ว?” หยูเชียนถาม
หยางเซี่ยวเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มฝืดๆบนใบหน้าของเขา
ฉันหวังว่ามันจะยังไม่ตาย
ฉันอยากจะฆ่ามันซ้ำไปซ้ำมาอีกสักร้อยครั้ง