ตอนที่ 231 ทางลับ
ตอนที่ 231 ทางลับ
ภายในชั้นใต้ดินมีชั้นหนังสือเรียงตัวกันหลายร้อยชั้น แล้วมันก็มีตำราวางอยู่บนชั้นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ตำราส่วนใหญ่เป็นตำราที่เสียหายทำให้พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหอชมสมุทรจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ เพราะเท่าที่เขาเคยได้ยินมาตำราที่ใช้ในการบันทึกวิชาการต่อสู้ไม่ใช่ตำราที่สร้างขึ้นมาจากกระดาษธรรมดาแต่เป็นกระดาษที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา ทำให้ถึงแม้ตำราจะจมน้ำแต่พวกมันก็จะไม่ถูกทำลาย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตำราภายในห้องแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยความเสียหาย ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้อยู่ 2 ประการคือหนึ่งตำรามีอายุมากเกินไปหรือสองตำราไม่ได้ถูกดูแลเป็นอย่างดี
ชายหนุ่มเดินตามทางเดินแคบ ๆ ไปจนถึงส่วนลึกของชั้นใต้ดิน ซึ่งห้องแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักและการเดินเพียงแค่ 10 นาทีก็มากพอให้เขาเดินรอบห้องได้จนครบรอบแล้ว
เซี่ยเฟยหยุดเท้าเอาไว้เป็นพัก ๆ พร้อมกับหยิบตำราโบราณจากชั้นขึ้นมาเปิดดู แต่ภาพในตำราก็ทำให้เขารู้สึกปวดหัวไปชั่วขณะ
“เคล็ดวิชาลับฉบับเรื่องบนเตียง? อันธถ้านายว่างลองฝึกฝนวิชานี้ดูไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
การค้นพบของเซี่ยเฟยถึงกับทำให้อันธพูดไม่ออก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสเข้ามาภายในหอชมสมุทร ทำให้เขาไม่รู้เลยว่ามันมีตำราอะไรเก็บซ่อนเอาไว้ภายในอาคารแห่งนี้บ้าง ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับอาคารแห่งนี้มาก็คือคำพูดปากต่อปากจากศิษย์ในสำนักเท่านั้น
เซี่ยเฟยเอื้อมมือไปหยิบหนังสืออีกเล่มจากชั้นหนังสือ ก่อนที่เขาจะได้พบว่ามันเป็นวิธีลับเกี่ยวกับการปลูกผัก หนังสือเล่มต่อไปก็เป็นเรื่องวิธีการทำให้พืชผลออกผลผลิตได้เร็วขึ้น ที่สำคัญมันมีแม้กระทั่งวิธีลับดื่มแอลกอฮอล์ให้ไม่เมา ทำให้ผู้ฝึกวิชาสามารถโอ้อวดความสามารถในวงเหล้าของหมู่สหายได้อย่างภาคภูมิใจ
การได้พบกับหนังสือพวกนี้ถึงกับทำให้ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก เพราะตำราภายในห้องใต้ดินต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยขยะ และมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตำราพวกนี้ถึงถูกทิ้งขว้างโดยไม่ได้รับการดูแล
เมื่อเซี่ยเฟยเดินกลับไปที่ประตูเขาก็ได้พบกับชายชราหลังค่อมที่กำลังหรี่ตารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ผู้อาวุโสผมไม่สนใจตำราภายในห้องนี้เลยครับ ไม่ทราบว่าผมสามารถไปเลือกตำราที่ชั้นอื่นได้หรือไม่ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างสุภาพและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบชายชราคนนี้ที่แกล้งเขา แต่เขาก็ไม่เลือกที่จะแสดงอารมณ์ของตัวเองออกไป
“ภายในหอชมสมุทรมีกฎว่าผู้เยี่ยมชมสามารถเลือกเข้าชั้นใดชั้นหนึ่งได้เพียงแค่ชั้นเดียว ในเมื่อนายเลือกเข้าชั้นใต้ดินแล้วนายจึงไม่มีโอกาสเข้าไปเลือกตำราในชั้นอื่น ๆ ถ้านายต้องการเยี่ยมชมชั้นอื่น ๆ เกรงว่านายจะต้องขออนุญาตเข้ามาในครั้งถัดไป” ชายชราหลังค่อมกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“มันมีกฎแบบนี้ด้วยเหรอ?!” เซี่ยเฟยถามด้วยความหงุดหงิด
ชายชราขยับแขนชี้ไปที่ผนังทางด้านขวาของห้องโถง ซึ่งบนผนังถูกปกคลุมไปด้วยใยแมงมุมและฝุ่นหนา หลังจากที่ชายชราได้ทำการปัดกวาดเศษฝุ่นและใยแมงมุมออกไป มันก็เผยให้เห็นข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ซึ่งพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาคือเรื่องจริง
เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากพร้อมกับพ่นลมออกมาอย่างไม่พอใจ เพราะมันเห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้ตั้งใจจะแกล้งเขาชัด ๆ เนื่องจากชายชราไม่ได้อธิบายกฎทุกอย่างให้ชัดเจนแต่เลือกจะพาเขาเข้ามาภายในห้องใต้ดินด้วยตัวเอง
‘ช่างแม่งละ ไม่เอาก็ไม่เอาว่ะ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจก่อนที่จะพยายามเดินออกไปจากชั้นใต้ดิน
“เจ้าสำนักได้มีคำสั่งให้นายเลือกตำราที่เหมาะสม ตราบใดก็ตามที่นายยังไม่เลือกตำรานายก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปจากห้องแห่งนี้ได้” ชายชรายื่นมือออกไปขวางทางเซี่ยเฟยเอาไว้
“ตำราพวกนี้ไม่มีประโยชน์ ผมไม่จำเป็นจะต้องเอาอะไรกลับไปก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ในเมื่อนายเข้ามาด้านในแล้วไม่ว่ายังไงนายก็ต้องเลือกตำรากลับไป นี่คือกฎที่ถูกระบุเอาไว้มาอย่างยาวนาน” ชายชรากล่าวพร้อมกับส่ายหัวอีกครั้ง
ความหมายในคำพูดของชายชราคนนี้ชัดเจนมากคือเขาจะต้องหยิบหนังสือก่อนออกไปจากหอชมสมุทร ไม่อย่างนั้นมันก็จะถือว่าเขาทำผิดกฎของสำนัก
โชคดีที่เซี่ยเฟยถูกบังคับให้เลือกหนังสือ เพราะถ้าหากว่าเขาถูกบังคับให้เลือกผู้หญิงสักคนมันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจนเกินไป
ชายหนุ่มกัดฟันเดินกลับเข้าไปในห้องชั้นใต้ดินอีกครั้ง ก่อนที่จะปิดประตูและสาปแช่งชายชราอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง
ในระหว่างนั้นเขาก็กำลังสงสัยว่าชายชราคนนี้มีนิสัยเสียเพราะเฝ้าอาคารแห่งนี้มานานเกินไปหรือเปล่า เขาถึงได้คอยแกล้งคนที่เข้ามาในอาคารให้เข้ามายังห้องใต้ดินแบบนี้
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะกลับเข้ามาภายในห้องใต้ดินแล้ว แต่การพยายามเลือกหนึ่งในตำราขยะพวกนี้ก็เป็นเรื่องที่ชวนให้เขารู้สึกปวดหัวจริง ๆ
ในความเป็นจริงตำราภายในห้องก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เช่น เคล็ดวิชาลับฉบับเรื่องบนเตียงก็สามารถทำให้เขาล่อลวงผู้หญิงได้ ซึ่งในกรณีที่เขาตั้งใจจะล่อลวงหญิงสาวมั่งคั่งที่สูงศักดิ์มันก็จะเป็นการเพิ่มสถานะให้เขาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็รีบส่ายหัวพร้อมกับหยุดความคิดอัปรีย์ที่ผุดขึ้นมาภายในสมอง ก่อนที่จะพยายามเดินออกไปหาหนังสือที่พอจะใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ อย่างน้อยถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตำราเหล่านี้ได้ แต่เขาก็อาจจะพอนำพวกมันเป็นของขวัญให้กับผู้อื่นได้
ชายหนุ่มค้นหาตำราจนทั่วก่อนที่จะบังเอิญได้ไปพบกับภาพจิตรกรรมบนฝาผนังและถึงแม้ว่าภาพวาดนี้จะไม่สวยงามมากนัก แต่มันกลับมีกลิ่นอายแห่งความอาฆาตได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากภาพจาง ๆ
แววตาของชายชราภายในภาพให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาต้องการจะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในจักรวาล แต่ดวงตาของเขากลับอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ เพราะโดยปกติแล้วดวงตาควรจะมองไปข้างหน้าหรือมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ชายคนนี้กลับมองไปยังพื้นใต้เท้าของเซี่ยเฟย
ชายหนุ่มมองตามสายตามายังพื้นใต้เท้าของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ และทันใดนั้นเขาก็ได้พบว่าพื้นบริเวณนี้ดูแตกต่างจากพื้นบริเวณอื่นคล้ายกับว่ามันเคยมีเลือดซึมเข้าไปในแผ่นหิน
“หือ?” เซี่ยเฟยก้มตัวลงใช้มือปัดฝุ่นออกไปจากพื้น ก่อนที่มันจะทำให้เขามองเห็นลวดลายที่ผิดปกติบนแผ่นหินประหลาดได้อย่างชัดเจน
ในระหว่างที่เขาสังเกตลวดลายที่อยู่บนหินเขาก็รู้สึกว่าลายเลือดบนหินเหมือนกับกำลังไหลรินลงไปใต้แผ่นหินจริง ๆ เซี่ยเฟยจึงพยายามขยี้ตาและกำลังสงสัยว่าเขาเห็นภาพหลอนอยู่หรือเปล่า
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะขยี้ตาอีกครั้งภาพที่ปรากฏก็ยังคงให้ความรู้สึกที่เหมือนเดิม เขาจึงพยายามรวบรวมสติกลับมาอีกครั้งพร้อมกับพิจารณาสถานการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด
ภาพบนผนังกำลังมองมายังพื้นหินก้อนนี้และพื้นหินก้อนนี้ก็มีความแตกต่างจากพื้นหินก้อนอื่น ๆ ภายในห้องอย่างชัดเจน ทำให้สิ่งต่าง ๆ เริ่มกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ชายหนุ่มลองใช้นิ้วกด ๆ ไปบนแผ่นหินเพื่อหวังว่าเขาจะบังเอิญกดไปโดนกลไกอะไรบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่หินแผ่นนี้มีความเรียบราวกับกระจก แล้วมันก็ดูไม่เหมือนจะมีกลไกอะไรซ่อนอยู่ภายใต้แผ่นหินเลย
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วพร้อมกับนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หลับตาวางนิ้วลงบนพื้นเบา ๆ พร้อมกับพยายามสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
จิตอาฆาตอันรุนแรงค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปยังสมองของชายหนุ่มผ่านทางนิ้วที่สัมผัสบนแผ่นหิน ราวกับว่ามันต้องการจะหยุดการกระทำของเซี่ยเฟยเอาไว้
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรวบรวมจิตสังหารของตัวเองเพื่อต่อสู้กับจิตอาฆาตที่ถูกปล่อยออกมาจากแผ่นหิน ท้ายที่สุดถึงแม้ว่ามันจะมีจิตอาฆาตหลงเหลืออยู่บนแผ่นหินด้วยเหตุผลบางประการ แต่หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปนานหลายปีมวลจิตที่อ่อนแอนี้ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานจิตสังหารของเขาได้
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงหินเสียดสีกันดังขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้พบว่ากำแพงฝั่งตรงข้ามได้ถูกเปิดออกเป็นช่องทางลับ!!
ในเวลาเดียวกันแผ่นหินใต้เท้าของเขาก็ไม่หลงเหลือจิตอาฆาตอีกต่อไป แม้แต่รูปวาดบนฝาผนังก็มีดวงตาหันไปมองทางด้านหน้าอย่างที่มันควรจะเป็น
ทั้งเซี่ยเฟยกับอันธต่างก็อ้าปากค้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเรื่องนี้คือหนึ่งในเรื่องลึกลับมากที่สุดที่พวกเขาได้พบเจอ
แผ่นหินที่มีจิตอาฆาต?
ภาพวาดบนผนังที่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งของดวงตาได้?
เซี่ยเฟยยังไม่รีบร้อนที่จะก้าวเท้าเดินผ่านทางลับเข้าไป แต่เขาเดินมาสำรวจภาพวาดบนผนังด้วยความอยากรู้อยากเห็นแทน
สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจคือไม่เพียงแต่ภาพวาดบนผนังจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งของดวงตาเท่านั้น แต่กลิ่นไอความอำมหิตบนภาพวาดยังได้หายไปในพริบตาอีกด้วย
จู่ ๆ ภาพวาดบนผนังก็กลายเป็นเพียงแค่ภาพวาดธรรมดา!?
เซี่ยเฟยพยายามใช้นิ้วลูบไปตามรอยเส้นของภาพวาดในผนังเพื่อพยายามหากลไกอันลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพวาดปริศนานี้ แต่จู่ ๆ เส้นทางลับกลับค่อย ๆ ปิดตัวลง ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากรีบเคลื่อนที่เข้าไปในทางลับในเวลาเพียงแค่ 0.01 วินาที
คลื่น!
ในที่สุดประตูทางลับก็ได้ปิดตัวลงอย่างสนิทและเซี่ยเฟยก็ได้เข้าสู่พื้นที่ที่แปลกประหลาดจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เส้นทางลับที่เขาได้บังเอิญเข้ามานี้เป็นเส้นทางเดินแคบ ๆ ที่ทอดยาวออกไป ทำให้เขาถูกบังคับให้ต้องเดินตามเส้นทางนี้เพียงทางเดียว
อาวุธอุปกรณ์ทุกอย่างบนร่างกายของเขาถูกยึดไปก่อนแล้วทำให้เขาไม่มีอุปกรณ์ที่คอยส่องแสงสว่างอยู่ติดตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งภายใต้สถานการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ การพยายามเดินเข้าไปในทางเดินที่มืดมิดเพียงลำพังก็ดูไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดมากเท่าไหร่เลย
“เอาไงดี?” อันธถาม
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มันอาจจะมีความลับซ่อนอยู่ข้างหน้าก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แต่ไหนแต่ไรเซี่ยเฟยก็เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมากอยู่แล้ว ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นของเขานี่เองที่มักจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาอย่างมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นลางสังหรณ์ของชายหนุ่มยังบอกว่าเขากำลังจะเจอกับปัญหาอีกครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญคือแม้แต่ตัวของเซี่ยเฟยเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าปัญหาที่เขาจะต้องเผชิญมันคือปัญหาเรื่องอะไร แต่สัญชาตญาณก็ยังคงบอกให้เขามุ่งหน้าไปยังเส้นทางด้านหน้าอยู่ดี
“สีที่ใช้วาดภาพบนฝาผนังนั่นเป็นสีที่ผสมกับเลือดมนุษย์” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากที่ยื่นนิ้วขึ้นมาดมที่จมูก
“เลือดมนุษย์!? นายแน่ใจนะ?” อันธอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะสะบัดเศษสีที่ติดอยู่ที่ปลายนิ้วทิ้งไปในความมืด
“อือ ถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นของสีผสมอยู่กับกลิ่นของเลือด แต่มันก็ยังไม่สามารถกลบกลิ่นเฉพาะของเลือดมนุษย์ได้”
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะยังเด็กแต่เขาก็ได้สังหารมนุษย์มาแล้วอย่างมากมาย เมื่อได้รวมกับประสาทสัมผัสอันเฉียบคม มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสามารถสัมผัสถึงกลิ่นเลือดมนุษย์ที่ถูกผสมอยู่ในสีของภาพบนฝาผนังได้
ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจเดินไปตามทางด้านหน้า ซึ่งในระหว่างทางเขาก็ได้ยินเพียงแค่เสียงฝีเท้าของตัวเองท่ามกลางความเงียบเท่านั้น
***************