(ฟรี)ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 75 ข้าตัดสินใจแล้ว
“ชิงอี้!” ขณะที่ชิงอี้กำลังกลับไปยังตำหนัก ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งกระโจนเข้ากอดชิงอี้อย่างกระทันหัน
“เจิ้งซื่อฮั่น!” ชิงอี้หันกลับไปและพบกับสหายคนสนิทของนาง
“ไม่ใช่ว่าเจ้านั้นยุ่งอยู่หรือ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” ชิงอี้ตระหนักได้ว่าเจิ้งซื่อฮั่นนั้นยุ่งจนไม่สามารถมาทานข้าวกับนางหรือจื่อหรัวได้เสียด้วยซ้ำ
“อืม... ข้าต้องไปแล้ว ข้าต้องประชุมเกี่ยวกับโรคระบาดที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ หมู่บ้าน... ข้าหวังว่าจะสามารถจัดการมันได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินต้าน” เจิ้งซื่อฮั่นมองดูชิงอี้ด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อย นางส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงโรคระบาด
“ข้าจะไม่รั้งเจ้าแล้ว...” เมื่อชิงอี้รู้ว่าเจิ้งซื่อฮั่นนั้นกำลังเผชิญกับเรื่องหนักหนาเพียงใด นางก็เลือกที่จะไม่รั้งสหายสนิทของนางไว้และเดินไปในคนละทาง
ชิงอี้กังวลเล็กน้อยที่ได้ยินว่าเกิดโรคระบาดขึ้น แต่หมู่บ้านที่เกิดโรคนี้ก็ยังห่างไกลจากเมืองอาทิตย์สาดส่องมากนัก นางจึงไม่ได้วิตกมากนัก
แต่ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากสถานการณ์นั้นสายเกินแก้ แม้แต่เมืองอาทิตย์สาดส่องก็คงไม่รอด
“ข้าจะ...”
‘หากข้าได้เป็นนักปรุงโอสถ... ข้าจะสามารถช่วยผู้คนได้และผลตอบแทนก็...’
ชิงอี้จินตนาการถึงศิลาวิญญาณนับไม่ถ้วน นางในจินตนาการนี้ราวกับอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึง ดวงตาของนางลุกโชนขึ้นอย่างมาก
แม้ว่านางจะกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดที่เกิดขึ้น แต่นางก็ตื่นเต้นที่อาจกอบโกยผลประโยชน์นี้ได้
ณ ตำหนักของเซวียนห่าว ในที่สุดฉู่หยางก็หาตัวจื่อหรัวพบ
“เจ้า... แฮ่กแฮ่ก รู้ว่าห้องของผู้อาวุโสเซวียนอยู่ที่ไหน…?” ฉู่หยางหอบอย่างหนัก เขาพยายามหาตัวจื่อหรัวนานนับชั่วโมง เขามองไปที่จื่อหรัวที่กำลังรดน้ำต้นไม้อย่างเฉยเมย นางไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าห้องของผู้อาวุโสเซวียนนั้นอยู่ที่ใด” ฉู่หยางสงบสติอารมณ์เล็กน้อย เขาตระหนักได้ว่าควรทำตัวให้สุภาพกับจื่อหรัวมากยิ่งขึ้น
แม้ว่านางจะเป็นเพียงคนรับใช้ในนิกายกระบี่ล่องนภา แต่เขาในตอนนี้ราวกับเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า เขาจะพูดหยาบคายกับนางได้อย่างไรกัน
หากพูดหยาบคายกับนางในเวลานี้ มันอาจจบลงไม่สวยนัก
“ไปที่ใจกลางตำหนัก… นายท่านจะอยู่ในห้องที่ใหญ่ที่สุด” นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ราวกับนางกำลังกลั้นไม่ให้ขำฉู่หยาง
“…” ฉู่หยางหน้าแดงเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่านางจะทำอย่างกับเขาเป็นตัวตลกเช่นนี้
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ฉู่หยางเดินออกไปในทันที เขาไม่ต้องการพูดสิ่งใดมากนัก เขาเพียงต้องการที่จะไปห้องของเซวียนห่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ทันทีที่ฉู่หยางออกไป นางก็หัวเราะออกมาในทันที
‘ดูเหมือนว่าศิษย์ที่นายท่านรับมารอบนี้จะเป็นคนฉุนเฉียวไม่น้อย ไม่... เขาอาจยังพอมีด้านดี ๆ อยู่บ้าง’
ขณะที่ฉู่หยางเดินไปหาห้องของเซวียนห่าว ทันใดนั้นเขาก็หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง
“เข้ามา!” เสียงที่ดังมาจากหลังประตูบอกให้เขาเข้ามาข้างใน ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก
ฉู่หยางรู้สึกได้ถึงลมหนาวที่แพร่ออกมาจากห้องมืดมิดหลังประตู
“เจ้าจะยืนอย่านั่นทั้งวันเลยหรือ?” ขณะที่ฉู่หยางกำลังตัดสินใจว่าควรไปข้างในดีหรือไม่ ทันใดนั้น เสียงนั้นก็ดังออกมาอีกครั้ง ฉู่หยางลำบากใจมากเมื่อได้ยิน
“ขอรับ!” แม้ว่าฉู่หยางจะไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่ในห้องนั้นเป็นใคร แต่เขาก็เข้าไปข้างในด้วยท่าทางที่เขินอาย
ทันทีที่ฉู่หยางเข้าไปข้างใน ประตูก็ได้ปิดตัวลงราวกับจะผนึกทางออกของฉู่หยางไว้
ในตอนนี้เขาไม่มีทางให้หวนกลับอีกต่อไปแล้ว เขาต้องเผชิญหน้าต่อไปเท่านั้น
เซวียนห่าวมองฉู่หยางที่ทำตัวราวกับพบศัตรูตัวฉกาจ เขาก็ยิ้มอย่าเจ้าเล่ห์
‘เหตุใดเจ้าจึงทำตัวราวกับพบศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้? ข้าแค่ต้องการปลดปล่อยกลิ่นอายของความยิ่งใหญ่และลึกลับเพื่อทำให้เจ้าหวาดกลัวเท่านั้น…’
เซวียนห่าวมองไปที่ฉู่หยางที่ระมัดระวังตัวอย่างมาก เขาสะบัดมือทำให้หน้าต่างเปิดออก แสงจากข้างนอกพลั่งพรายเข้ามาข้างใน จนทำให้ห้องที่เคยมืดมิดได้สว่างขึ้นในทันที
ฉู่หยางรู้สึกประหลาดใจที่ห้องมืดมิดนี้ได้สว่างขึ้น เขาลืมแม้กระทั่งจะสนใจผู้ที่อยู่ใจกลางห้องเสียด้วยซ้ำ
“อะแฮ่ม...” เซวียนห่าวพยายามส่งเสียเพื่อดึงดูดความสนใจจากฉู่หยาง ทันทีที่ฉู่หยางหันมาพบเซวียนห่าว เขาก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้น