ตอนที่ 26 ชุดคลุมปริศนา
ฝนยังตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมง
เต่าทมิฬเองก็เข้าใกล้ฐานของพวกโจรเคราโลหิตมากขึ้น
ฝนตกจนถึงตอนเย็น และเมื่อฝนหยุดลงบรรยากาศทั้งหมดก็ดูเงียบขึ้นมาทันที
มู่เหลียงใส่ชุดพรางของเขา และเอามีดพกคาดเอวเอาไว้ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินทาง
เขามองไปยังนัยน์ตาที่กลมโตของมินโฮ ก่อนที่จะยิ้มออกมา
“พอฉันออกไปแล้ว ไม่ว่าใครจะมา หรือได้ยินเสียงใครที่นอกประตูห้ามเปิดเด็ดขาด!!”
“แล้ว..มู่เหลียงจะไม่ส่งเสี่ยวไกกลับมางั้นหรอ?”
มินโฮถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เด็กสาวนั้นนึกถึงตอนที่เสี่ยวไกขนของมาตอนที่อยู่ในค่าย
มุมปากมู่เหลียงถึงกับกระตุกทันที เขาคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“หากเป็นสัญญาณเคาะแล้วนิ่งยาวหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะเคาะสั้นๆ สองครั้ง ถือว่านั้นคือสัญญาณปลอดภัยให้เปิดประตูได้”
ปัง………..ปัง…ปัง
แล้วมู่เหลียงก็เคาะโต๊ะเป็นตัวอย่างให้มินโฮดู
“มันจะเป็นประมาณนี้ เข้าใจนะ”
“เข้าใจแล้ว”
มินโฮตอบพร้อมกับพยักหัว และพยายามที่จะจดจำรหัสลับนี้
“และไม่ต้องกังวลไปนะ ฉันอาจจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อฉันเห็นว่าสมควร”
มู่เหลียงลูบหูกระต่ายของมินโฮเบาๆ และพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
“ถ้ามินโฮง่วงก็ไปนอน ไม่ต้องรอนะ”
“ฉันจะรอนายกลับมา…”
มินโฮหน้าเริ่มแดงขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“...ไม่งั้นฉันคงนอนไม่หลับ”
ที่จริงเธอเองก็กลัวว่าพวกโจรจะปีนขึ้นมาบนหลังเต่าทมิฬ และเข้ามาขโมยของในบ้านไป
“งั้น..ฉันไปล่ะ”
มู่เหลียงได้ยินเพียงแค่ประโยคแรก ส่วนประโยคหลังนั้นเขาฟังไม่ชัด
หากว่าเขาได้ยินทั้งหมดเขาคงแปลกใจไม่น้อย
“ระวังตัวด้วย!!”
มินโฮตะโกนไล่หลังมา ก่อนที่มู่เหลียงจะลงไปจากหลังเต่า
“เดียวฉันเก็บของมาฝาก”
มู่เหลียงโบกมือให้กับมินโฮ ภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของเด็กสาว ก่อนที่เขาจะลงไปจากหลังของเต่าทมิฬ
มีจุดสว่างเล็กๆ ที่ไกลออกไป ตรงนั้นคือฐานของพวกโจรเคราโลหิต
“เดินจากตรงนี้ไป กว่าจะถึงฟ้าคงมืดพอดี”
มู่เหลียงเงยหน้ามองท้องฟ้า ฟ้าหลังฝนนั้นดูปอดโปร่งมาก
แมงมุมผีแดงนั้นได้นำหน้ามู่เหลียงไปก่อน เพื่อสำรวจทางว่ามีใครอยู่หรือไม่
การเดินในพื้นที่เต็มไปด้วยทรายและหินนั้นเป็นอะไรที่ไม่น่าอภิรมสักเท่าไรสำหรับมู่เหลียง
พื้นดินเองก็ยังเปียกจากฝนอยู่ ทำให้ทุกครั้งที่ย่ำลงไปจะรู้สึกเหนอะหนะทุกครั้ง
แล้วเวลาก็ผ่านไป จนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ
มู่เหลียงเองก็มาถึงบริเวณฐานของโจรเคราโลหิตแล้ว มันใกล้มากจนเห็นคนถือคบไฟเดินไปมา
ตุบ….
อยู่ๆ ก็มีอะไรสักอย่างมาตกข้างเท้าของมู่เหลียง
ตุบ…
มู่เหลียงมองไปรอบๆ แต่สัญชาตญาณของเขากลับไม่สัมผัสได้ถึงอันตรายใดๆ เขาจึงมองไปรอบๆ เพื่อหาเจ้าของหินพวกนี้
“.....”
ตุบ….
มู่เหลียงเห็นแล้วว่าหินถูกปา มาจากทางไหน เขาจึงเดินตรงดิ่งเข้าไปหาทันที
แล้วเขาก็เห็นคนใส่เสื้อคลุมปิดบังใบหน้าเดินสวนออกมา
“โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โกรธหรือกวนประสาทหรอกนะ”
คนในชุดคลุมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“แต่แค่อยากมาเตือนเฉยๆ”
“แล้วแกเป็นใคร ต้องการอะไร?”
มู่เหลียงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปยังแมงมุมผีแดงที่ซ่อนตัวอยู่หลังคนในชุดคลุม
หากว่าคนผู้นี้มีการเคลื่อนไหวดูอันตราย แมงมุมจะพ่นใยรัดตัวไว้ทันที
คนในชุดคลุมกลับถามกลับมาแทน
“นายเองก็เป็นนักล่าค่าหัวใช่ไหม?? และคงรับงานนี้มาจากกลุ่มทะเลสาบพระจันทร์หล่ะสิ”
“ไม่จำเป็นต้องตอบ”
มู่เหลียงมองอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไป และเตรียมตัวเข้าไปในฐานของพวกโจร
“สนใจร่วมมือกันไหม?”
คนในชุดคลุมพูดขึ้น และน้ำเสียงนั้นดูไม่มั่นใจเท่าไร
แต่ก็ถูกมู่เหลียงปฏิเสธอย่างไม่แยแส
“ฉันไม่มีทางร่วมมือกับคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยตัวตนหรอกนะ”
“แต่ฉันมีแผนผังฐานของพวกโจร”
คนในชุดคลุมสวนกลับมาทันที ก่อนที่จะก้าวไปหามู่เหลียง
“แล้วทำไมฉันต้องร่วมมือกับแกด้วย”
มู่เหลียงชะงักไป และหันไปถามคนผู้นี้ เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมคนคนนี้ถึงอยากร่วมมือกับเขา
“แค่มองดูก็รู้แล้วว่านายแข็งแกร่ง”
คนในชุดคลุมตอบกลับมา
“ฉันไม่รู้จักแก..”
มู่เหลียงมองด้วยแววตาที่เกรี้ยวกราด
“แล้วแกเอาอะไรมาพูดว่าฉันแข็งแกร่ง บางทีฉันอาจเป็นพวกเดียวกับโจรก็ได้”
“นายไม่ใช่พวกโจรแน่นอน”
คนในชุดคลุมพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ ก่อนที่จะพูดต่อ
“พวกโจรไม่มีทางเนื้อตัวสะอาดแบบนี้”
มู่เหลียงเข้าใจได้ในทันที อีกฝ่ายไม่ธรรมดาและไม่ได้ตัดสินว่าใครแข็งแกร่งจากรูปร่างหน้าตา
มู่เหลียงจึงตอบอย่างเย็นชา
“วันนี้ฝนตก…”
คนในชุดคลุมกับพูดเบาๆ อย่างพอใจ
“ในวันที่ฝนตก ไม่มีใครกล้าที่จะเอามันมาอาบเด็ดขาด ทั่วดินแดนแห่งนี้เขารู้กัน คนที่กล้าจะอาบน้ำฝนพวกนี้มีแต่พวกแข็งแกร่งเท่านั้น”
“......”
มู่เหลียงรู้สึกว่าคำพูดของคนคนนี้ดูไม่สมเหตุสมผลเลย
แต่มู่เหลียงรู้สึกว่าคำพูดของคนคนนี้แฝงอะไรไว้บางอย่าง
“ถึงเซียฮูจะออกไปจากฐานแล้วก็ตาม แต่การจะบุกเข้าไปก็ยังยากลำบากอยู่”
คนในชุดคลุมพูดก่อนที่จะมองไปยังฐานของกลุ่มเคราโลหิต
“หากว่าเราสองคนร่วมมือกัน ฉันสัญญาเลยว่านายจะได้ปลาอัญมณีกลับไป”
“ปลาอัญมณีคืออะไร?”
มู่เหลียงถามทันทีด้วยความสงสัย
“เอา….นี้นาย…ไม่ใช่นักล่าจากกลุ่มทะเลสาบพระจันทร์จริงๆ งั้นหรอ?! ถึงไม่รู้จักปลาอัญมณี”
คนในชุดคลุมพูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจและดังขึ้น
“งั้นนายมาที่นี่เพื่อหวังสมบัติของพวกเคราโลหิตงั้นหรอ?”
“ก็เป็นอย่างที่แกคิดนั้นแหละ”
มู่เหลียงผายมือออก
“แล้วเป้าหมายของแกคืออะไร?”
มู่เหลียงถามกลับ ในขณะเดียวกันคนในชุดคลุมก็ดูระวังตัวมากขึ้น และกระชับผ้าคลุม
“บอกจุดมุ่งหมายของแกมา”
มู่เหลียงถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ข่มขู่
แต่การได้คุยกับคนคนนี้ทำให้มู่เหลียงรู้อะไรเพิ่มเติม และรู้ว่าภายในฐานแห่งนี้มีคลังสมบัติอยู่
ตอนนี้กลายเป็นว่าไม่ใช่มีเขาคนเดียวที่สนใจกลุ่มเคราโลหิต
“เป็นคนไหวพริบดีเหมือนกันนะ”
คนในชุดคลุมตอบกลับมา
ตั้งแต่เริ่มสังเกตคนคนนี้มู่เหลียงแทบไม่รู้อะไรเลย
“ถ้าแกต้องการอะไร อย่างน้อยก็ควรจะแสดงความจริงใจมากกว่านี้”
มู่เหลียงมองไปที่เสื้อคลุมบนร่างของคนคนนี้
“เกรงว่านายจะตกใจหากได้เห็น”
คนในชุดคลุมพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
“งั้นก็ลาละ หวังว่าจะได้เจอกัน”
มู่เหลียงพูดขึ้นก่อนจะทำท่าเดินออกไป
“ฐานแห่งนี้เป็นหุบเขาที่มีรูปร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยว ครึ่งหนึ่งของเสี้ยวพระจันทร์เป็นเนินเขาสามลูก”
อยู่ๆ คนในชุดคลุมก็พูดขึ้น และอธิบายรูปแบบของฐานของโจรเคราโลหิต
“เนินเขาตรงกลางจะสูงที่สุด สูงประมาณ 150 เมตร”
“แล้วแกจะบอกฉันไปทำไม?”
มู่เหลี่ยงขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกไป
“ข้อมูลพวกนี้เป็นสิ่งที่เรารู้เมื่อสำรวจฐานแห่งนี้ตอนเช้า ถือว่าแทนคำขอโทษที่ทำให้เสียเวลาแล้วกัน”
เมื่อคนในชุดคลุมพูดจบก็เดินจากไป
“ใบหน้าใต้เสื้อคลุมนั้น…..น่ากลัวขนาดนั้นเลยงั้นหรอ”
มู่เหลียงพูดขึ้นเบาๆ และมองดูคนในชุดคลุมเดินจากไป
เอาเป็นว่าคนคนนี้แม้จะดูลึกลับแต่ก็เป็นคนมีน้ำใจ
มู่เหลียงคาดการเขาคงได้เจอคนคนนี้อีกในฐานของพวกโจร อาจจะก่อนหรือหลังที่เขาก่อเรื่องแล้ว
“ไม่รู้ว่าแกอยากได้อะไรในฐาน แต่คงต้องผิดหวังเพราะฉันจะเอาไปหมด”
มู่เหลียงส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะเลือนหายไป
ทางฝั่งคนชุดคลุมเองก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“อะไรกัน…ทำไมอยู่ๆ เขาถึงหายตัวไปแบบนั้นได้?”
เช่นเดียวกันคนคนนี้ก็คิดว่าไม่ช้าก็คงเจอมู่เหลียงในฐานของพวกโจร
“แล้วเจอกัน….”
คนในชุดคลุมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่แฝงไปด้วยความวิตกเล็กน้อย
“บางทีชายคนนี้อาจจะเข้าไปถึงคลังสมบัติของพวกโจรได้”
ก่อนที่คนในชุดคลุมจะเดินมุ่งหน้าไปยังฐานของโจรเคราโลหิต