ตอนที่ 228 เงาสูญ
ตอนที่ 228 เงาสูญ
คำโกหกของเซี่ยเฟยกลับได้ไปตรงกับหนึ่งในข้อมูลของศิษย์ที่ทรยศสำนักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เงากระเรียนเข้าใจผิดไปเต็มประตู
เงากระเรียนอ่านข้อมูลพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นเวลานาน ซึ่งเขาก็ไม่สามารถหาคำอธิบายอื่นใดที่สมเหตุสมผลกว่าเซี่ยเฟยคือทายาทของเงาโลหิตได้จริง ๆ
ชายชราเก็บความคิดเอาไว้ภายในใจก่อนที่จะเดินออกไปหาเงาสูญที่อยู่ด้านนอก และถึงแม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักของสำนักเงาสังหารแห่งนี้แล้ว แต่เขาก็ยังคงให้ความเคารพศิษย์พี่ของเขาตลอดเวลา
“ศิษย์พี่ผมขอปรึกษาหน่อยได้ไหมครับ” เงากระเรียนพูดขึ้นมาเบา ๆ ราวกับว่าเขากลัวว่าเขาจะแสดงน้ำเสียงที่ไม่สุภาพออกไป
“ท่านกลายเป็นเจ้าสำนักแล้วไม่จำเป็นจะต้องแสดงความเคารพกับข้าแบบนั้นอีก” เงาสูญกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับศีรษะลงมา
“ถ้าตอนนั้นศิษย์พี่ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งตำแหน่งเจ้าสำนักก็ไม่สมควรอยู่กับผม อดีตเจ้าสำนักได้ล่วงลับไปนานหลายปีแล้ว ทำไมศิษย์พี่ถึงไม่หยุดเฝ้าลานเล็ก ๆ แห่งนี้เสียที” เงากระเรียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“การทำผิดก็คือการทำผิด ท่านไม่จำเป็นจะต้องมาแก้ตัวอะไรแทนข้า” เงาสูญกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า
เงากระเรียนไม่เลือกที่จะโน้มน้าวใจศิษย์พี่ของเขาอีกต่อไป เพราะเขารู้ดีว่าชายชราคนนี้มีนิสัยที่ดื้อรั้นและเขาก็จะยึดมั่นในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง
หลังจากนั้นชายชราร่างเล็กก็เริ่มเล่าเรื่องของเซี่ยเฟยพร้อมกับสิ่งที่เขาสันนิษฐานหลังจากที่ได้เห็นข้อมูลของเงาโลหิต
“เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในสำนักของพวกเรามาก่อน ผมไม่รู้ว่าเราควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีครับ” เงากระเรียนกล่าว
“ในเมื่อท่านเจ้าสำนักถาม ข้าก็จะขอแสดงความคิดเห็นของตัวเอง หากมีเรื่องผิดพลาดประการใดโปรดอย่าเก็บนำมาใส่ใจของท่านด้วย” เงาสูญกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เชิญศิษย์พี่พูดได้เลยครับ”
“นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดสำนักเงาสังหารก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกต่อไป ความสูญเสียในวันนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถชดเชยกลับมาได้ง่าย ๆ เพราะนอกเหนือจากท่านเจ้าสำนักแล้วผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็เหลือเพียงสามผู้อาวุโสเท่านั้น”
เงากระเรียนรีบโบกมือขัดจังหวะก่อนที่เขาจะกล่าวแทรกขึ้นมาว่า
“ศิษย์พี่พูดแบบนั้นได้ยังไง สำนักของเราก็ยังมีศิษย์พี่อยู่ด้วยนะครับ”
“ข้าถูกอาจารย์ลงโทษถึงแม้ว่าข้าจะยังคงอาศัยอยู่บนภูเขา แต่ข้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากลานเล็ก ๆ แห่งนี้แม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้นถึงแม้ว่าข้าจะมีชีวิตอยู่จริง ๆ แต่ตัวตนของข้าก็ไม่ต่างไปจากวิญญาณที่อยู่ติดกับสถานที่” เงาสูญกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
คำพูดของศิษย์พี่ทำให้เงากระเรียนทำหน้ามุ่ย ท้ายที่สุดหากไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นจริง ๆ เงาสูญก็คงจะไม่คิดออกไปปรากฏตัว
“ท่านเจ้าสำนักเคยคิดไหมว่าสาเหตุที่ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องสำนักของเรานั่นก็เพราะพลังของท่านตั้งแต่ในสมัยอดีต แต่ตอนนี้ท่านแก่ตัวลงมากแล้วหากท่านต้องลงจากตำแหน่งสักวันหนึ่งจริง ๆ 1 ใน 3 ผู้อาวุโสจะสามารถแบกรับตำแหน่งเจ้าสำนักได้จริง ๆ เหรอ?”
“หากไม่นับข้อขัดแย้งระหว่างเงาประกายเงินกับเงาจันทร์ ผู้ที่มีพลังสูงสุดในสามผู้อาวุโสนั้นก็มีระดับอยู่เพียงแค่อีเทอนิตี้ขั้นกลางเท่านั้นเอง แม้คนอื่นในสำนักอาจจะไม่รู้แต่ท่านย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าโศกนาฏกรรมในวันนั้นได้ทำลายศิษย์ในสำนักเราไปถึงห้ารุ่นเต็ม ๆ”
เมื่อเงาสูญเล่ามาจนถึงจุดนี้เงากระเรียนก็เริ่มรู้สึกใจสลายเมื่อเขาได้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
ตอนนั้นศัตรูของสำนักเงาสังหารได้บุกจู่โจมสำนักโดยตรง และถึงแม้ว่าในตอนนั้นอดีตเจ้าสำนักและเงาสูญจะได้คอยปกป้องสำนักเอาไว้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ทำให้ศิษย์ในสำนักเสียชีวิตไปถึงห้ารุ่นอยู่ดี
โชคดีที่เงากระเรียนออกไปทำภารกิจยังดาวดวงอื่น เขาจึงสามารถรอดพ้นจากหายนะในวันนั้นไปได้ แต่ศิษย์ 5 รุ่นที่มีพวกเขาเป็นศูนย์กลางกลับได้สูญเสียชีวิตไปเกือบทั้งหมดหลงเหลือเพียงเงาสูญที่รอดชีวิตกลับมาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่การต่อสู้ในครั้งนั้นก็ทำให้เขากลายเป็นชายพิการมาอย่างทุกวันนี้
ย้อนกลับไปเงาสูญได้ขัดขืนคำสั่งของอาจารย์เพื่อปกป้องสำนักเอาไว้ อันที่จริงถ้าเงาสูญไม่ขัดขืนคำสั่งสำนักเงาสังหารก็อาจจะถูกลบหายไปจากประวัติศาสตร์แล้วก็ได้ แต่การขัดขืนคำสั่งในครั้งนั้นก็ทำให้เขาได้ลงโทษตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้
เงาสูญขังตัวเองอยู่ที่ชั้น 14 และใช้ชีวิตอย่างสันโดษทำให้เงากระเรียนได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักแห่งนี้ไป แต่เงากระเรียนรู้ดีแก่ใจว่าถ้าไม่ใช่เพราะเงาสูญสำนักเงาสังหารก็คงจะไม่สามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน
ไม่ว่าจะมองมุมไหนเงาสูญก็โดดเด่นกว่าเขามาก เงากระเรียนจึงมักจะมาปรึกษาปัญหาเรื่องภายในสำนักกับศิษย์พี่ของเขาอยู่เป็นประจำ
เงาสูญหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะแสดงความคิดเห็นของเขาต่อไป
“ท้ายที่สุดเหตุการณ์วันนั้นก็ทำให้สำนักของเราได้รับความเสียหายอย่างหนัก สิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำคือการฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วมันก็หมายความว่าพวกเราจำเป็นจะต้องสรรหาผู้มีความสามารถเข้ามาเพิ่มเติม”
“ศิษย์พี่กำลังหมายถึงการดึงเซี่ยเฟยเข้ามาในสำนักของเราใช่ไหมครับ?” เงากระเรียนถามอย่างลังเล
“ในเมื่อเขาเป็นทายาทของเงาโลหิตมันก็ไม่ต่างไปจากการที่เขาเป็นศิษย์ของสำนักเรากลาย ๆ ถึงแม้พวกเราจะไม่สามารถมอบตำแหน่งศิษย์ภายในให้กับเขาได้ แต่อย่างน้อยพวกเราก็สามารถให้ตำแหน่งตัวแทนสำนักให้กับเขาได้” เงาสูญกล่าว
ศิษย์ภายในสำนักเงาสังหารทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่าที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษ ทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกสำนัก แต่ท้ายที่สุดผู้คนในสำนักก็จำเป็นจะต้องกินต้องใช้ พวกเขาจึงหาเงินจากการทำภารกิจภายในพันธมิตรและได้รับเงินมาจุนเจือจากตัวแทนของสำนัก
ตัวแทนของสำนักมีหน้าที่รับผิดชอบส่งเงินรวมถึงสิ่งของที่จำเป็นมาให้กับสำนัก และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรับตำแหน่งจากสำนักเงาสังหาร แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาก็แทบที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักเลย
“ตัวแทนสำนักในปัจจุบันคือทายาทของตัวแทนในรุ่นก่อนที่สืบทอดมาหลายสิบชั่วอายุคน ทำให้พวกเราสามารถไว้วางใจตัวแทนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี”
“ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็คือทายาทของศิษย์คนหนึ่งในสำนัก และถึงแม้ว่าบรรพบุรุษของเขาจะเคยทำผิดกฎแต่สำนักทุกวันนี้ก็อ่อนแอลงไปในทุก ๆ วัน หากว่าเรายังไม่เริ่มทำการเปลี่ยนแปลง ข้าก็กลัวว่าวันหนึ่งสำนักเราจะค่อย ๆ เลือนลางหายไป”
“ข้าเดาว่าท่านอาจจะยังไม่ได้อ่านข้อมูลที่เงารัตติกาลได้ส่งมา เมื่อท่านได้อ่านข้อมูลพวกนั้นแล้วท่านจะเข้าใจเองว่าข้ากำลังหมายถึงอะไร” เงาสูญกล่าวเบา ๆ ก่อนที่เขาจะกลับไปทำความสะอาดลานแห่งนี้ต่อ
“ถึงข้าจะตาบอดแต่ข้าก็ไม่ได้หูหนวก ท่านคิดว่าหากเซี่ยเฟยได้เป็นศิษย์ภายในสำนักของเราจริง ๆ ความแข็งแกร่งของเขาควรจะอยู่ระดับเดียวกับศิษย์ชั้นไหน?” เงาสูญถาม
“น่าจะชั้นที่ 6 หรือชั้นที่ 7 ครับ” เงากระเรียนตอบกลับไปอย่างไม่แน่ใจ
“ท่านคิดว่ามีใครในรุ่นเดียวกันโดดเด่นกว่าเขาหรือไม่?”
“ไม่น่าจะมีครับ” เงากระเรียนกล่าว
“นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมครั้งนั้นข้าก็คิดเรื่องหนึ่งมาโดยตลอดว่าสำนักของเราเข้มงวดกับศิษย์ในสำนักมากเกินไปหรือเปล่า พวกเราเติบโตขึ้นมาด้วยกันตั้งแต่ยังเด็กทำให้ทุกคนมีความผูกพันกับสำนักแห่งนี้มาก”
“ในวันที่พี่น้องของข้าได้เสียชีวิตข้าก็ได้ตระหนักถึงเรื่องหนึ่ง คือถ้าหากว่าข้าตั้งใจจะทำอะไรให้กับใคร ข้าก็ควรทำตั้งแต่วันนั้นเลย เพราะเมื่อพวกเขาตายจากไปข้าจะไม่มีโอกาสทำอะไรให้กับเขาคนนั้นตลอดชีวิต” เงาสูญกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมายาว ๆ
เมื่อได้เห็นภาพของชายชราที่โดดเดี่ยวเขาก็สามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีว่าศิษย์พี่ของเขากำลังพยายามจะสื่อถึงอะไร เงากระเรียนจึงโค้งคำนับแสดงความเคารพก่อนที่เขาจะเดินลงไปยังที่พักของเขา
มันเป็นเวลาเนิ่นนานแล้วที่สำนักเงาสังหารได้ตั้งกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด และถึงแม้ว่ากฎเกณฑ์เหล่านั้นจะช่วยทำให้ครั้งหนึ่งสำนักมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าใคร แต่มันก็ก่อให้เกิดความหวาดกลัวภายในใจของศิษย์ภายในสำนักเช่นเดียวกัน
การปกครองด้วยความหวาดกลัวไม่ใช่การปกครองที่ยั่งยืน ซึ่งตัวอย่างในลักษณะนี้มีให้เห็นโดยทั่วไปทั่วทั้งพันธมิตร ดังนั้นถ้าหากว่าเขาต้องการจะให้สำนักเงาสังหารคงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน เขาก็ไม่เพียงแต่จะต้องทำการเปลี่ยนกฎดั้งเดิมของสำนักเท่านั้น แต่เขายังจำเป็นจะต้องทำการซื้อใจศิษย์ในสำนักอีกด้วย
เมื่อได้คิดถึงสิ่งเหล่านี้เงากระเรียนก็รู้สึกได้ถึงภาระที่หนักอึ้ง
ท้ายที่สุดกฎของสำนักก็ถูกใช้มาหลายชั่วอายุคน การพยายามเปลี่ยนแปลงกฎจึงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่าย ๆ เลย และในฐานะเจ้าสำนักคนปัจจุบันภาระในเรื่องนี้ย่อมตกอยู่กับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากกลับมาถึงบ้านเงากระเรียนก็รีบเปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับเรียกดูข้อมูลที่เงารัตติกาลได้ส่งมา
ทุกครั้งที่ศิษย์ในสำนักออกไปทำภารกิจด้านนอก ทางสำนักจะส่งนักฆ่าเดนตายแอบตามพวกเขาไปอย่างลับ ๆ เสมอ ซึ่งการทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับศิษย์ภายในสำนักเท่านั้น แต่มันยังเป็นการป้องกันไม่ให้ศิษย์หลบหนีไปในระหว่างที่พวกเขาทำภารกิจอีกด้วย
แน่นอนว่าวิธีการแบบนี้คือการไม่ไว้วางใจศิษย์ภายในสำนักของตัวเอง และถ้าหากว่าสำนักไม่ไว้ใจศิษย์แล้วศิษย์จะไว้ใจสำนักได้อย่างไร
โดยปกติเงารัตติกาลและนักฆ่าเดนตายจะส่งข้อมูลตรงไปยังเซิร์ฟเวอร์พิเศษระดับสูงของสำนัก แน่นอนว่าเงาสูญย่อมมีรหัสเพื่อเข้าสู่ระบบพิเศษในระดับนี้ได้ และถึงแม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาอย่างสันโดษ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสำนัก
เงากระเรียนรีบดึงข้อมูลออกมาพร้อมกับตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยร่วมมือกับเงารัตติกาลเพื่อสังหารงูยักษ์ ไปจนถึงชายหนุ่มที่สามารถมองเห็นแผนการของเงารัตติกาลและปฏิเสธที่จะเข้าสู่สถานการณ์ที่นักฆ่าเดนตายได้กำหนดไว้
เทคนิคฮาร์ชธันเดอร์ที่เซี่ยเฟยได้ปลดปล่อยออกมาสังหารงูยักษ์เป็นเทคนิคที่ทรงพลังมาก เงากระเรียนเชื่อว่าภายในสำนักมีคนไม่เกิน 10 คนที่สามารถต้านทานการโจมตีของชายหนุ่มได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มได้ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้อย่างมากมายดูแตกต่างจากภาพลักษณ์สบาย ๆ ที่เขาได้แสดงออกมา
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะมีพลังพิเศษสายความเร็วเท่านั้น แต่เขายังมีพลังพิเศษเป็นพลังจิตและพลังพิเศษทั้งสองชนิดยังมีระดับที่สูงมาก
“ฉลาด, แข็งแกร่งและมีสายเลือดของศิษย์ในสำนัก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมศิษย์พี่ถึงพยายามโน้มน้าวใจฉันมากขนาดนี้” เงากระเรียนพิงเก้าอี้พร้อมกับมองขึ้นไปบนเพดาน
ถึงแม้เงาสูญจะตาบอดแต่ชายชราคนนั้นก็สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนกว่าตัวเขาที่เป็นเจ้าสำนัก ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอับอายอยู่เล็กน้อย
“ถ้าจะเริ่มการเปลี่ยนแปลงก็คงจะต้องเริ่มจากเซี่ยเฟยสินะ” เงากระเรียนอุทานขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
***************
เซี่ยเฟยพ่อหนุ่มเนื้อหอม!