977 - บดขยี้สิ้นซาก
977 - บดขยี้สิ้นซาก
ภายใต้เสียงคลื่นที่โหมกระหน่ำ หมอกสีม่วงพุ่งมาจากด้านหลังหยินเทียนจื่อเหมือนกับดวงดาวโบราณนับแสนดวงที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหยินเทียนจื่อจะต้องได้รับมรดกบางส่วนภายในวังไป๋จิงอย่างแน่นอน
ใครก็ตามที่เผชิญกับทักษะลับสุดยอดเช่นนี้จะไม่มีทางรับมือได้อย่างสบายใจ
เย่ฟ่านไม่ได้ประมาท แต่เริ่มประสานอินเพื่อเรียกตราประทับมนุษย์ให้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า จากนั้นฝ่ามือของเขาก็กดเข้าหาฝ่ายตรงข้ามทันที
บูม!
การปะทะกันระหว่างมือขนาดใหญ่ของเย่ฟ่านและหมอกสีม่วงที่หยินเทียนจื่อทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่กวาดออกไปทุกทิศทาง
ในขณะนี้ใบหน้าของหยินเทียนจื่อปิดเบี้ยวอย่างรุนแรง การเผชิญหน้ากับเย่ฟ่านด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายนั้นเป็นสิ่งที่เขาคิดผิดมากที่สุดในชีวิต
“ลมปราณไท่ชิงเฉือน!”
ร่างของเขากลืนเข้าไปในความว่างเปล่าก่อนจะฟาดฟันกระแสปราณที่แข็งแกร่งเข้าหาเย่ฟ่านด้วยความกลัว
ต้องบอกว่านี่เป็นศิลปะศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเหนือธรรมชาติเย่ฟ่านเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างต่อเนื่องและไล่ตามหยินเทียนจื่อไปด้วยความเร็วที่เหนือชั้น
หยินเทียนจื่อรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาอาละวาดอยู่ในโลกมานานนับพันปีโดยไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่ฟ่านได้ไล่ล่าเขาอย่างบ้าคลั่งจนทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“เลือดเฟิ่งหวงของเจ้าไม่ได้มีอะไรเลยเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าข้า!” เย่ฟ่านแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“เจ้ามีร่างกายแบบไหน!”
หยินเทียนจื่อกล่าว เขาตกใจมากจริงๆ เย่ฟ่านสามารถบดขยี้เขาด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายล้วนๆ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาเลยตลอดชีวิต
“ทักษะไม่ใช่สิ่งสำคัญ ผู้ครอบครองต่างหากถึงจะเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง”
เย่ฟ่านเย้ยหยันก่อนจะทะลวงดรรชนีเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“เจ้าพูดถูกแล้ว ทักษะไม่ใช่สิ่งสำคัญมีเพียงผู้คนเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง วันนี้ข้าต้องการให้เจ้าเข้าใจว่าวังไป๋จิงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโลก และไม่มีใครสามารถรุกรานได้”
หยินเทียนจื่อตะโกนเสียงดัง ในเวลานี้รูปลักษณ์ของเขาดูเคร่งขรึม ในขณะที่พลังปราณสีม่วงก็ทะลักออกมาจากร่างกายของเขาอย่างไม่สิ้นสุด
เย่ฟ่านไม่ได้มีความหวั่นเกรงแต่อย่างใด กำปั้นสีทองของเขากระแทกเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
ปัง!
“เจ้าถ่วงเวลาหรือ?”
เย่ฟ่านเย้ยหยัน กำปั้นของเขาบดขยี้ปราณคุ้มกายของหยินเทียนจื่อจนแหลกละเอียด จากนั้นฝ่ามือของเขาก็บีบลำคอของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างรุนแรง
“เราสองคนอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!”
หยินเทียนจื่อตะโกนอย่างเย็นชาและในเมฆมงคลสีม่วงก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา
“หนึ่งลมหายใจชำระล้างโลก!”
ในระยะไกล ชายหนุ่มคนนั้นอุทานด้วยความตื่นเต้น ประมุขแห่งวังไป๋จิงได้สอนทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดนี้ให้กับน้องชายของเขาแล้ว
เย่ฟ่านก็ตกใจอย่างรุนแรงเช่นกัน เพราะในขณะนี้มีนักพรตสามคนซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหยินเทียนจื่อปรากฏตัวออกมาจากเมฆสีม่วง
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน เพียงแค่หยินเทียนจื่อคนเดียวก็ยังน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว ตอนนี้มีหยินเทียนจื่อถึงสี่คน มันคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะปราบปรามฝ่ายตรงข้ามได้
คนจริงทั้งสี่ไม่ใช่ร่างแยก พวกเขาทุกคนคือหยินเทียนจื่อ และทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าคนเหล่านี้ย่อมสามารถประสานการโจมตีกันได้อย่างลื่นไหลลงตัว
“ตายซะ!”
หยินเทียนจื่อหัวเราะเสียงดังลั่น ในขณะเดียวกันฝ่ามือทั้งสี่ข้างก็กดเข้าหาเย่ฟ่านด้วยความเร็วไม่แตกต่างจากสายฟ้า?
“ปัง!”
ภายใต้เสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างรุนแรง เย่ฟ่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซ่อนตัวอยู่ในหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดเพื่อหลีกเลี่ยงความแหลมคมของฝ่ายตรงข้ามชั่วคราว
“นั่นคือปราณปฐพีต้นกำเนิดที่พี่ชายของข้าต้องการ ส่งมันมาเดี๋ยวนี้”
หยินเทียนจื่อทั้งสี่คนควงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปแบบแตกต่างกันฟาดฟันเข้าหาเย่ฟ่านด้วยความตื่นเต้น
อาวุธทั้งสี่นี้หากคนคนเดียวใช้ออกย่อมไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงพอที่จะใช้งานพวกมันพร้อมกันได้อย่างแน่นอน
สีหน้าของเย่ฟ่านนั้นเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด เขาต่อสู้อย่างหนักโดยที่ใช้หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดคอยป้องกันช่องโหว่ของตัวเองไปด้วย
ร่างเหล่านี้รวดเร็วราวกับสายฟ้า ในเวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็ต่อสู้กันจนถึงหนึ่งพันกระบวนท่า
แม้ว่าเย่ฟ่านจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย แต่เขาสามารถบอกได้ว่าหยินเทียนจื่อดูกระวนกระวายมาก เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังร้อนรนและปรารถนาจะฆ่าเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ในเวลาไม่นานร่างแยกสองตัวของเขาก็ค่อยๆหม่นหมองลง ก่อนที่สุดท้ายพวกมันจะละลายกลายเป็นเพียงหมอกสีม่วงที่แทรกซึมไปในอากาศ
เมื่อเห็นเช่นนี้ดวงตาเย่ฟ่านก็เปล่งประกายสดใสมากยิ่งขึ้น
“ด้วยวิธีการเพียงเท่านี้เจ้าก็คิดจะกำจัดข้าหรือ!” เย่ฟ่านเย้ยหยัน
สิ้นเสียงแส้ศักดิ์สิทธิ์ที่สะพายอยู่บนหลังของเขาก็ถูกหยิบออกมาฟาดหวดหยินเทียนจื่อทั้งสองคนอย่างโหดร้าย
ปัง!
หลังจากการต่อสู้ผ่านไปอีกห้าร้อยกระบวนท่า ศีรษะของหยินเทียนจื่ออีกคนก็ถูกทุบออกเป็นชิ้นๆ
หยินเทียนจื่อตัวจริงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันหลังและหลบหนีออกจากสนามรบด้วยความกลัว
“จะหนีไปที่ใด” เย่ฟ่านไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทันใดนั้นได้มีแสงที่เกิดจากค่ายกลปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันครอบคลุมเข้าหาหยินเทียนจื่อและชายหนุ่มก่อนจะดึงพวกเขาเดินทางผ่านประตูมิติโดยที่เย่ฟ่านไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อไม่มีคนอยู่ที่นี่แล้ว เย่ฟ่านจึงเดินสำรวจดินแดนแห่งนี้เพียงลำพัง
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิง”
เย่ฟ่านรู้สึกเกรงขามยิ่งกว่านั้นเขาใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อมองเข้าไปในส่วนลึก และเห็นวังโบราณที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
“นั่นคือวังไป๋จิงหรือไม่!”
ความว่างเปล่าค่อยๆ ปิดลง และเย่ฟ่านไม่สามารถเข้าไปได้ เขารู้สึกไม่สบายใจมาก และแน่นอนว่ามีมรดกของไท่ซ่างเหล่าจวินอยู่ข้างใน ถ้าเขาได้รับมันพลังการต่อสู้ของเขาจะดีขึ้นอย่างมากมายมหาศาล
“ลืมมันไปเถอะเขายังมีพี่ชายที่น่าจะแข็งแกร่งกว่า และนั่นคือผู้สืบทอดที่แท้จริงของไท่ซ่างเหล่าจวิน ข้าเพิ่งมาที่ทุ่งดาวโบราณจื่อเว่ย ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการยั่วยุเจ้าในตอนนี้”
เย่ฟ่านหันหลังและจากไป เขาต้องการสำรวจดินแดนแห่งนี้ก่อน เพราะบางทีนี่อาจจะเป็นสถานที่ที่เขาจะต้องอาศัยอยู่อย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาหันกลับก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง
“มาที่วังไป๋จิงเพื่อเล่นสนุก เจ้ายังต้องการออกไปอีกหรือ เจ้าจะต้องเป็นทาสอยู่ที่นี่ตลอดไป”
ในขณะนั้นหยินเทียนจื่อได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับอาวุธที่แปลกประหลาดสองชิ้นในมือ
เขาปล่อยให้มันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นได้อันน่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างเข้มข้น!
เย่ฟ่านรู้สึกถึงอันตรายอย่างยิ่ง อาวุธนี้น่าทึ่งมากมันมีลักษณะคล้ายกับอัญมณีโบราณและรวงข้าวสีเงินที่ไท่ซ่างเหล่าจวินสร้างขึ้นในตำนานของจีน
ในเวลานี้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ปรากฎว่าชายคนนี้ไม่ได้จากไปไหน เขาเพียงแค่ซ่อนตัวและหยิบเอาอาวุธเต๋าสุดขั้วออกมาเท่านั้น
“แม้ว่าอาจารย์ของข้าจะบ่มเพาะอย่างสันโดษ แต่เขาก็ยังทิ้งอาวุธไว้ให้อาจารย์อาของข้าใช้ในการฆ่าผู้บุกรุกทุกคน!” ชายหนุ่มยังตะโกน
“ในตอนแรกข้าคิดจะปล่อยพวกเจ้าไปแล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้าหล่นหาที่ตาย!”
เย่ฟ่านก้มหน้าลง สองคนนี้สมควรถูกฆ่าเป็นร้อยครั้ง ในขณะนี้เขาเลิกสนใจว่ายอดฝีมือที่อยู่ในวังโบราณไป๋จิงจะคิดเช่นไรแล้ว
เย่ฟ่านหยิบน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมาและปลดปล่อยเปลวเพลิงให้เผาผลาญชายหนุ่มทั้งสองคนโดยไม่ลังเล
……..