บทที่ 219: หาเรื่องใส่ตัว
เมื่อหูหมินได้ยินลูกสาวถาม นางก็มองออกไปนอกบ้านแล้วอธิบายอย่างเฉยเมย
“ข้างนอกนั่นน่ะหรือ… ก็แม่ของลู่หลีไง”
“ก่อนหน้านี้นางไม่ยอมไปช่วยเก็บผลไม้ดิน แถมยังบอกว่าจะไม่รับส่วนแบ่งผลไม้ดินจากเผ่าแน่นอน ท่านผู้เฒ่าก็บอกนางในตอนนั้นว่าถ้านางไม่ทำงานก็จะไม่ได้ส่วนแบ่ง แต่พอเข้าหน้าหนาวแล้วนางนั่นก็กวนประสาทมาขอส่วนแบ่งผลไม้ดินเสียอย่างนั้น”
“แม่ไม่เคยเห็นผู้หญิงหน้าด้านแบบนี้มาก่อน ไม่ว่านางจะอายุเท่าไหร่ นางก็ยังทำตัวเป็นเด็กไปได้...”
ในขณะที่แม่จิ้งจอกวัยกลางคนอธิบาย นางก็อดไม่ได้ที่จะบ่นลู่มู่
หลังจากหูเจียวเจียวได้ยินคำพูดของหูหมิน เธอก็ได้ข้อสรุปในใจ
กลายเป็นว่าแม่กวางเฒ่าไม่อยากทำงานแต่อยากกินของฟรี
ก่อนหน้านี้ลู่มู่เข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยวบ้างเป็นครั้งคราว แต่นางไม่ได้มีส่วนร่วมในการเก็บเกี่ยวผลไม้ดินที่ปลูกในเผ่า แถมพ่อกวางไร้ประโยชน์ก็ยังกักตุนอาหารไม่เพียงพอให้ครอบครัวกินตลอดฤดูหนาว
แม้แต่ยามที่นางอยู่ต่อหน้าผู้มีอำนาจสูงสุด นางก็ยังเล่นตุกติกกับอีกฝ่ายได้อย่างโจ้งแจ้ง
“หนังหน้าด้าน ๆ นั้นทำได้ทุกอย่างจริง ๆ” หูเจียวเจียวเบะปากเย้ยหยันและไม่ได้ถามอะไรอีก
เวลาต่อมา จิ้งจอกสาวกล่าวอำลาพ่อแม่เสร็จแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้าน
ทว่าไม่นานหลังจากที่เธอเดินไปตามทาง เธอก็เห็นแม่กวางเฒ่ากับหัวหน้าเผ่ากำลังมีปากเสียงกัน
“ลู่มู่ ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าทุกอย่างในวันนี้เจ้าเป็นคนเลือกเอง ถึงเจ้าจะมาขวางข้าไว้ตรงนี้ แต่ข้าก็ไม่มีผลไม้ดินให้เจ้าหรอกนะ”
คนเป็นหัวหน้าเผ่าพูดกับหญิงแก่จอมดื้อรั้นด้วยใบหน้านิ่งเฉย
เขาเพิ่งจัดการธุระของเผ่าเสร็จและอยู่ในระหว่างเดินทางกลับบ้าน แต่จู่ ๆ แม่กวางเฒ่าก็ปรากฏตัวมาขวางทางเขาไว้ เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง เขาจึงทำอะไรนางไม่ได้มากนัก เขาเลยได้แต่ยืนกรานคำเดิมเท่านั้น
“ท่านผู้เฒ่า ท่านอยากเห็นครอบครัวของเราอดตายหรือไง? ตอนนี้ในเผ่ามีผลไม้กินตั้งมากมาย ทำไมท่านไม่แบ่งให้ข้ากินบ้าง...”
ลู่มู่กล่าวอ้อนวอนพร้อมจับแขนชายชราไว้ไม่ยอมปล่อย
คำพูดและการกระทำของนางทำให้ใบหน้าของผู้เป็นประมุขของเผ่ามืดลงเล็กน้อย
“ชาวบ้านคนอื่นช่วยกันปลูกผลไม้ดินขึ้นมา ในเมื่อครอบครัวของเจ้าไม่ได้ทำงาน แล้วทำไมข้าจะต้องแบ่งมันให้กับเจ้าด้วย?”
“อย่างน้อยข้าก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่า ท่านควรจะแบ่งผลไม้ดินให้ข้าบ้าง แค่สักเล็กน้อยก็ยังดี” หญิงชราพูดเหมือนคนเลอะเลือนแชเชือน
อีกทั้งนางยังแสดงความไร้ยางอายได้เต็มที่
แต่เมื่อลู่มู่เห็นใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเริ่มเปลี่ยนเป็นถมึงทึง นางก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางแบ่งผลไม้ดินให้กับตัวเองแน่นอน นางจึงตัดสินใจหาหนทางต่อรองต่อไป
“หากท่านไม่ให้ผลไม้ดิน ถ้าอย่างนั้นท่านก็ควรให้ถ่านแก่เรา!”
เดิมทีนางเป็นคนขี้เกียจ นางจึงไม่มีเสบียงกักตุนอยู่ที่บ้าน
ทันทีที่แม่กวางเฒ่าเอ่ยประโยคข้างต้น ฟางเส้นสุดท้ายของหัวหน้าเผ่าก็ขาดออกในพริบตา
เขาอดทนให้ผู้หญิงตรงหน้าพูดมามากพอแล้ว ถ้าเป็นเสบียงอื่น ๆ ก็ยังพอแจกจ่ายได้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สิ่งเหล่านี้ได้มาจากการลงแรงของภูตคนอื่น
ถ้าชายสูงวัยมอบมันให้กับแม่กวางในวันนี้ วันถัดไปภูตคนอื่น ๆ ก็จะตามมาขอด้วย หลังจากนั้นผู้คนในเผ่าก็จะไม่ทำงาน ทำตัวเกียจคร้านรอรับผลประโยชน์จากสิ่งที่คนอื่นสร้างขึ้นมา แล้วต่อไปจะมีใครอยากทำงานหนักอีกบ้าง?
“ข้าบอกว่าไม่มี!”
หัวหน้าเผ่าดึงมือคนที่มารังควาญออกอย่างเย็นชา แล้วจ้องอีกฝ่ายเขม็งด้วยความโกรธ
แต่คนไร้ยางอายก็ไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ นางยังคอยรบเร้าเขาเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการต่อไป
“ท่านผู้เฒ่า” ในตอนนั้นเอง หูเจียวเจียวเรียกผู้นำสูงสุดของเผ่าพร้อมกับเดินเข้าไปหาเขา
เมื่อหัวหน้าเผ่าเห็นจิ้งจอกสาว ใบหน้าของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย “เจียวเจียว ทำไมเจ้าออกมาตอนหิมะตก รีบกลับบ้านไปเร็วเข้า อย่าอยู่ข้างนอกนาน”
เขากลัวว่าแม่กวางเฒ่าจะสร้างปัญหาให้กับหูเจียวเจียวด้วย ดังนั้นเขาจึงรีบบอกให้อีกฝ่ายกลับไปก่อน
แต่ใครจะไปคาดคิดว่า พอลู่มู่เห็นหน้าหูเจียวเจียว นางก็ยืนตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้าพร้อมกับเดินถอยหลังไปหลายก้าว
ขณะนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะมองแม่จิ้งจอกเลยด้วยซ้ำ
ตั้งแต่เหตุการณ์ล่าสุด หญิงชราก็เหมือนถูกเงามืดที่เป็นภาพคนในครอบครัวของหูเจียวเจียวครอบงำอยู่ตลอดเวลา ในแง่หนึ่งนางหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ และอีกแง่หนึ่งนางก็รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ครอบครัวของตนถูกครอบครัวของจิ้งจอกสาวกระทำ
อีกทั้งพวกนางก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วย
แม่กวางเฒ่ารู้สึกว่าในเมื่อตัวเองก็เป็นผู้หญิง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่หัวหน้าเผ่าจะปล่อยให้ตนอดตาย และแม้ว่านางจะไม่ทำงาน แต่นางก็ยังสามารถรับส่วนแบ่งเสบียงจากเผ่าได้ตามปกติ
ด้วยเหตุนี้ลู่มู่จึงไม่สนใจคำพูดของท่านผู้เฒ่าที่เคยพูดข่มขู่นางมาตลอด
ปัจจุบันบ้านของคนอื่นเต็มไปด้วยเสบียง แต่บ้านของนางเป็นเพียงบ้านไม้ทรุดโทรมหลังหนึ่งที่ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่หนังสัตว์ดี ๆ สักผืน
“ไม่เป็นไร ท่านผู้เฒ่า”
หูเจียวเจียวเดินเข้าไปหาทั้ง 2 คนก่อนจะหันไปมองแม่ของลู่หลีแล้วยิ้มมุมปากทว่าแววตากลับไร้ความปรานี
“เจ้าอยากได้ผลไม้ดินกับถ่านอย่างนั้นหรือ?”
แม่กวางเฒ่าที่ได้ยินคำถามของหญิงสาวไม่กล้าพูดอะไรขณะที่ยังคงครุ่นคิดบางอย่างในใจ
เป็นไปได้ไหมว่าหูเจียวเจียวอาจให้ผลไม้ดินแก่นางเพราะความสงสาร?
“เจียวเจียว ข้าให้นางไม่ได้” หัวหน้าเผ่าที่อยู่ด้านข้างพูดแบบประหม่า เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะหลงกลท่าทางน่าสมเพชของลู่มู่
ครู่ต่อมา หูเจียวเจียวกล่าวเย้ยหยันพร้อมกับหักนิ้วตัวเองจนมีเสียงดังกรอบแกรบ “เจ้าอยากได้อะไรก็บอกมา แต่เจ้าต้องมีของมาแลกเปลี่ยน หรือเจ้าจะแลกด้วยแขนขาก็ได้นะ แล้วก็อย่ามาโทษข้าทีหลังล่ะ”
เมื่อแม่กวางเฒ่าได้ยินเช่นนี้ก็ส่ายหัวทันที นางรีบโบกมือแล้วถอยห่างไปไกล
วินาทีนั้นภาพที่พวกลู่มู่ถูกหลงโม่ทุบตีทำร้ายร่างกายในครั้งก่อนก็ฉายชัดอยู่ในใจของนาง
“มะ-ไม่ ข้าไม่ต้องการอะไรแล้ว พอดีข้านึกขึ้นได้ว่าข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำที่บ้าน งั้นข้าขอตัวกลับไปก่อน!”
แม่กวางเฒ่าพูดจบแล้วก็หันหลังวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด
ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ดินหรือถ่านมันก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของตัวเองแล้ว!
สถานการณ์ตรงหน้าทำให้หัวหน้าเผ่าตกตะลึง
แม่กวางเฒ่าพูดง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หูเจียวเจียวบอกให้นางกลับไปด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ หญิงชราผู้ดื้อรั้นก็รีบวิ่งแจ้นหนีไปทันที
“ท่านผู้เฒ่า ข้างนอกอากาศเริ่มเย็นแล้ว ท่านก็รีบกลับบ้านเถอะ ข้าเองก็จะรีบกลับบ้านเหมือนกัน” เสียงของจิ้งจอกสาวดึงผู้นำสูงสุดกลับจากความคิดของตัวเอง
ยามนี้คนเป็นหัวหน้าเผ่ายังคงสวมเสื้อผ้าบาง ๆ เพราะเขาไม่มีเวลาที่จะเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าหนา ๆ หากเขาสวมใส่ชุดที่บางเบาในฤดูหนาว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นภูตชาย แต่ก็มีโอกาสที่เขาจะป่วยได้เหมือนกัน
“อืม” ชายสูงวัยพยักหน้าพร้อมเผยรอยยิ้ม
เขารู้ว่าหูเจียวเจียวกำลังช่วยเหลือตน
เนื่องจากหัวหน้าเผ่าไม่มีคู่ครองและไม่ได้สร้างบ้านหิน ดังนั้นเขาจึงย้ายเข้าไปอยู่ในถ้ำพร้อมกับกลุ่มผู้ชายไร้คู่
โชคดีที่เสบียงของพวกเขาถูกย้ายเข้าไปในถ้ำแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการขนย้ายเสบียงอีก
ทางด้านแม่กวางเฒ่าหลังจากที่กลับถึงบ้าน นางก็พาพ่อกวางเฒ่ากับลูกชายย้ายเข้าไปในถ้ำ
ระหว่างนั้นนางคอยสบถสาปแช่งตลอดทางเพื่อระบายความโกรธที่นางได้รับมาจากหูเจียวเจียวและเอาไปลงที่สามีของตนทั้งหมด
“ข้าหน้ามืดตามัวเอาเจ้ามาทำผัวได้ยังไงกัน ผู้ชายไร้ประโยชน์แบบเจ้า ล่าสัตว์ก็ไม่เอาไหน กับอีแค่สร้างบ้านหินก็ยังทำไม่ได้!”
“ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ผู้หญิงคนอื่นในเผ่าอาศัยอยู่ในบ้านหินกัน ส่วนข้าต้องไปทนอยู่ในถ้ำกับพวกผู้ชาย ทำไมข้าถึงโชคร้ายขนาดนี้...”
เมื่อไม่นานมานี้พ่อกวางเฒ่าก็มานึกเสียใจทีหลัง
เขาเป็นภูตชายที่อ่อนแอ แต่ที่ผ่านมาเขายังสามารถพึ่งพาอิงหยวนกับลู่เมี่ยนเอ๋อได้อยู่ แต่ตอนนี้กวางสาวไม่ยอมช่วยเขาแล้ว และภูตในเผ่าก็ไม่มีใครอยากสอนวิธีสร้างบ้านหินให้เขา
ตามปกติหากมีเสียงอะไรเกิดขึ้นในถ้ำ มันก็จะก้องกังวานไปทั่ว จึงทำให้ทุกคนได้ยินเสียงของลู่มู่ชัดเจนมาก
ตอนนี้เสียงดุด่าของหญิงชราทำให้ภูตชายหลายคนสนใจใคร่รู้พร้อมเดินเข้ามาดูพวกเขา
“อีห่านี่! คิดว่าตัวเองด่าเป็นฝ่ายเดียวหรือไง!”
ทางด้านพ่อกวางเฒ่าที่ถูกภรรยาข่มต่อหน้าคนเป็นจำนวนมากเริ่มทนไม่ได้อีกต่อไป ในที่สุดความอดทนของเขาก็หมดลง ทันใดนั้นเขาก็ตะคอกออกมาเสียงดัง
“เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ผู้หญิงคนอื่นต่างออกไปช่วยกันทำงานเก็บเกี่ยวผลไม้ดิน แล้วทำไมเจ้าไม่ทำล่ะ! ถ้าเจ้าไม่ตามใจลู่หลีจนเสียคน และทำให้หูเจียวเจียวโกรธเคือง ข้าคงได้สร้างบ้านหินแล้วก็เผาถ่านได้เป็นกะตั้ก!”
“นี่เจ้า! เจ้ากล้าเถียงข้างั้นรึ!?” ดวงตาของลู่มู่เบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อหลังจากที่ตนถูกอีกฝ่ายด่ากลับ
ไม่นานอารมณ์ของนางก็พุ่งขึ้นสูง ก่อนที่นางจะปรี่เข้าไปทำร้ายสามี
เมื่อเกิดเหตุชุลมุนในถ้ำ ภูตชายผู้หวังดีก็รีบมาแยกทั้งคู่ออกจากกัน
ตอนนี้พ่อกวางแม่กวางอยู่ในสภาพที่ใบหน้าฟกช้ำ มีเลือดกำเดาไหลออกมาไม่หยุด
หลังจากที่คู่สามีภรรยาหยุดทะเลาะกันแล้ว ลู่มู่ก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่างไป พอนางหันหน้าไปทางหนึ่ง นางก็เห็นว่าลู่หลีกำลังซ่อนตัวอยู่ที่มุมมืดของถ้ำและกินเนื้อที่เหลืออยู่เพียง 10 ชิ้นของพวกนางจนหมด
ภาพนั้นทำให้หญิงชราต้องทรุดตัวร้องไห้อยู่กับพื้น
“ไม่นะ! นั่นเป็นเนื้อกองสุดท้ายของพวกเราแล้ว...”