บทที่ 133 – มื้อเช้าอันแสนวุ่นวาย
หม่าเคอกลืนน้ำลายก่อน “ถ้าอย่างนั้น! พี่ต้องเจอกับพายุเวทย์ของพี่ใหญ่ไห่รื่อแล้วใช่มั้ย พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนที่ผมเจอนะผมแทบตายเลยนะ ฮ่าฮ่า!”
ผมต่อยเขาไปครั้งหนึ่งก่อนจะบอกกับเขา “เจ้าเด็กนี่! ไม่ได้รู้ตัวเลย! ยังกล้ามาเล่นตลกกับฉันอีก! ถ้ายังมีแรงมาล้อฉันเล่น ทำไมนายไม่ไปตามปลอบใจไห่เย่วล่ะ ถ้าไม่รีบก็จะไม่มีโอกาสแล้วนะ!”
ถึงทีหม่าเคออึ้งอีกแล้ว เขานิ่งไปอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถามโง่ ๆ ออกมา “ไห่เย่วเหรือ? ทำไมผมต้องตามไปปลอบเธอ?”
ตอนที่ผมได้ยินเขาถามคำถามโง่ ๆ นั้นออกมา ผมก็ยิ้มเยาะเย้ยเขา “ไม่ใช่ว่านายเป็นคนฉลาดไม่ใช่เหรอ? ทำไมพอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับไห่เย่ว นายต้องเปลี่ยนเป็นคนโง่อย่างนี้ทุกที? นายลองคิดดูดี ๆ”
หม่าเคอนิ่งคิดสลับกับมองหน้าผม หลังจากผ่านไปสักพัก คิ้วที่ขมวดของเขาเริ่มคลายออก ดวงตาของเขาเริ่มมีประกายสดใน แล้วอุทานออกมา “พี่ใหญ่! พี่หมายถึง...”
ผมพยักหน้าให้เขา “ใช่แล้ว! สิ่งที่นายคิดนั้นถูกต้องแล้ว ตอนนี้ฟงเหลียงหนีไปพร้อมกับตระกูลของเขาแล้ว ไห่เย่วก็กำลังเสียใจอยู่ นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก นายต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้ล่ะ อย่าปล่อยให้มันหลุดมือไปอีก”
หม่าเคอคึกคักขี้นมาทันที เขาไม่สนใจผมแล้ว หันหลังแล้ววิ่งออกไปเลย
ผมรีบตะโกนไล่หลังเขา “หม่าเคอ! นั่นนายจะไปไหน? นายต้องไปเข้าเรียนก่อนไม่ใช่เหรอ?”
เขาตะโกนกลับมาโดยไม่ได้หยุดวิ่ง “ผมไม่ไปเรียนแล้ว! ผมจะไปรอไห่เย่วที่หน้าห้องเธอครับ”
เจ้านี่มันเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนจริง ๆ แต่ผมยังหวังว่าเขาจะทำสำเร็จนะ เฮ้อ!! แล้วตอนที่ผมไปถึงห้องเรียน วิชาเรียนได้เริ่มไปแล้ว ตอนนี้กำลังสอนกลวิธีในการใช้เวทย์มนต์อยู่ อาจารย์ผู้สอนเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของสถาบัน
ผมส่งเสียงเข้าไปในห้อง “ขออนุญาตเข้าห้องเรียนครับ!”
“เข้ามาได้”
“ผมขอโทษที่มาสายครับ อาจารย์!”
“รีบเข้าไปนั่งประจำที่ แล้วคราวหน้าอย่ามาสายอีก!”
ผมถอนหายใจโล่งอกออกมาอย่างยืดยาว รีบเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง มู่จือหันมายิ้มให้ก่อนจะกระซิบถาม “ทำไมนายมาสายอีกแล้ว?”
“มัวแต่คิดถึงเธอนะสิ เมื่อคืนนี้เลยนอนไม่ค่อยหลับ เมื่อเช้าเลยตื่นสายไปหน่อย!” ผมตอบ
ผมทำให้เธอหน้าแดงได้อีกแล้ว “นายนี่มันช่างพูดจริง ๆ ยังพูดเรื่องไร้สาระออกมาได้อีกนะ! ฉันรู้อยู่แล้วว่าวันนี้นายต้องตื่นสายแน่ อ่ะ! รับไป!” หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ส่งกล่องใส่อาหารให้ผม
“มันคืออะไร?” ผมถามอย่างสงสัย
มู่จือไม่บอก “ลองเปิดดูเองสิ!”
ผมเปิดฝากล่องออก มองลงไปเห็นว่ามันเต็มไปด้วยอาหารที่ดูน่าอร่อยเต็มไปหมด นี่มันเยี่ยมจริง ๆ แถมมู่จือยังหยิบเหยือกน้ำผลไม้ออกมาจากใต้โต๊ะเธออีกเหยือกด้วย เธอเอ่ยปากเตือนผม “ค่อย ๆ กินนะ! อย่าให้อาจารย์จับได้ว่านายแอบกินข้าวในห้องล่ะ ตั้งแต่เจอกับนายมา ฉันกลายเป็นเด็กเกเรไปแล้วเนี่ย!”
ผมรีบคว้ามือของมู่จือขึ้นมาจูบ “ความรู้สึกของการมีภรรยานี่มันวิเศษจริง ๆ ขอบคุณมากเลยนะสำหรับอาหารเช้านะภรรยาที่รักของผม”
เธอรีบดึงมือออกแล้วทุบผมอย่างแรง “ใครเป็นภรรยานาย? นายนี่มันน่าเกลียดจริง ๆ รีบกินได้แล้ว ระวัง ๆ ด้วยล่ะ!”
ผมกินไป พร้อมกับหยอดคำหวานไป “อาหารเช้าแห่งความรักที่ภรรยาเป็นคนทำให้ อ้า! นี่มันช่างเป็นมื้อเช้าที่วิเศษจริง ๆ อร่อยมากจริง ๆ อืมม!! ทำไมเธอถึงเอาแต่จ้องอย่างนั้นล่ะ? หิวมั้ย? อ่ะ! แบ่งกันกินก็ได้นี่!” ผมหยิบน่องไก่ยื่นให้เธอ
มู่จือออกอาการโมโห “นายแค่กินเงียบ ๆ ได้มั้ย? ทำไมต้องพูดอะไรมากมายด้วย? ฉันจะไม่ทำมาให้นายอีกแล้ว!” ปากเธอไม่ได้ตรงกับใจเลย เพราะถึงเธอจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่มือของเธอก็รับน่องไก่นั้นไปแอบกินอยู่ดี
ผมได้แต่กลั้นหัวเราะ “เจ้าหมูน้อย ฮ่าฮ่า!”
“นายนั่นแหละที่เป็นหมู ไม่ใช่ฉัน!” มู่จือตะคอกผมกลับ “เจ้าลิงโง่!” หลังจากที่เธอเรียกผมแบบนั้น เธอก็เริ่มหัวเราะคิกคัก
ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว “นี่ฉันน่าเกลียดยังงั้นเลยเหรอ?”
แล้วตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางหน้าห้อง “จางกง! มู่จือ! พวกเธอยืนขึ้นเดี๋ยวนี้!!” หวา!! แย่แล้ว ๆ อาจารย์จับพวกเราได้แล้วใช่มั้ยเนี่ย?
ผมรีบเอากล่องใส่อาหารเก็บไว้ใต้โต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นยืน ส่วนมู่จือนั้นลุกขึ้นก่อนแล้ว
อาจารย์อายุประมาณ 40 ปีที่ยืนอยู่หน้าห้องจ้องมาที่พวกผม “เกิดอะไรขึ้น? พวกเธอกำลังทำอะไร? ทำไมไม่สนใจเรียนกันเลย? ซุบซิบอะไรกันอยู่ในห้องอยู่นั่นแหละ!
พวกเราได้แต่มองหน้ากัน แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป แน่นอนว่าอาจารย์ยังพูดไม่จบ “เลิกคุยกันได้แล้วนะ! นั่งลง! แล้วตั้งใจเรียนกันด้วย โดยเฉพาะเธอ! จางกง! อย่าคิดนะว่าแค่มีพลังเวทย์สูงนิดหน่อยแล้วจะทำตัวเหลวไหลได้ มีอาจารย์ 2-3 ท่านแล้วที่บ่นเรื่องความประพฤติของเธอในห้องเรียนแล้ว ถ้าเธอยังเป็นอย่างนี้อีก เธอได้ถูกไล่ออกจากสถาบันแน่”
เอ๋! มันไม่น่าจะแย่ถึงขั้นนั้นมั้ง? ฮิฮิ! มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแน่นอน ผมสนิทกับอาจารย์เจิ้นจะตาย! เขาไม่ไล่ผมออกแน่!
“ผู้อำนวยการมีคำสั่งลงมาว่า ถ้าเธอยังมีพฤติกรรมไม่ดีในห้องเรียนอีก ให้พวกเราเขียนรายงานความประพฤติส่งให้เขา แล้ววันนี้เธอทั้งมาสายและยังไม่ตั้งใจเรียนอีก!”
ทำไมอาจารย์เจิ้นทำแบบนี้กับผม? นี่มันทำให้ผมเจ็บปวดมาก!
“เธอก็เหมือนกันมู่จือ! เธอเป็นนักศึกษาที่โดดเด่น ทำไมเธอไม่ตั้งใจเรียนให้ดีกว่านี้ ตั้งแต่จางกงย้ายเข้ามา เธอก็เริ่มทำตัวเหลวไหลแล้วนะ! เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับอาจารย์ประจำชั้นของห้องนี้ ให้จับพวกเธอนั่งแยกให้ห่าง ๆ กันเสียที”
หวา!! เขาจะพรากมู่จือไปจากผม ไม่! เรื่องนี้ต้องไม่เกิดขี้น! ผมรีบยืดตัวตรงแล้วจ้องกลับไปที่หน้าห้อง “อาจารย์ครับ! มันเป็นความผิดของผมที่ชวนเธอคุยในห้องเรียน มู่จือไม่ได้ทำอะไรผิดเลย! เธอไม่ได้สนใจที่จะคุยกับผมด้วยซ้ำครับ! ผมจะรับฟังคำเตือนของอาจารย์ไว้เป็นอย่างดี แล้วจะไม่ทำอย่างนี้อีกในอนาคต! เรื่องย้ายที่นั่งคงไม่จำเป็นหรอกครับ ใช่มั้ยครับ?”
อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยถูกนักศึกษาเถียงอย่างเสียงแข็งอย่างนี้มาก่อน เขาถึงกับอึ้งไป “จางกง! เธอกล้าใช้เสียงอย่างนี้พูดกับอาจารย์อย่างนั้นเหรอ? ออกไปนอกห้องเดี๋ยวนี้! ไปยืนสำนึกผิดอยู่ที่ระเบียงเดี๋ยวนี้”
เขาอยากจะทำโทษผมโดยการให้ไปยืนที่ระเบียงงั้นเหรอ? ไม่มีทางเสียล่ะ! ผมยังกินข้าวเช้าไม่เสร็จเลย ผมตอบเขาไปเสียงเย็นชา “ผมไม่อยากไป!” แล้วผมก็ทรุดตัวลงนั่ง แล้วก็หยิบกล่องอาหารออกมากินต่อ!
มู่จือที่ยังยืนอยู่ข้าง ๆ พยายามจะกระตุกเสื้อของผม ทำท่าทำทางบอกให้ผมหยุดเถียงกับอาจารย์!
สีหน้าของอาจารย์ดำเป็นถ่านแล้ว เขาโกรธมาก “จางกง! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอแล้ว! จะออกไปยืนสำนึกผิดดี ๆ หรือไม่ไป?”
อารมณ์ดื้อเพ่งของผมกำลังอยู่ในระดับสูงสุด ผมย้อนเขาไปอย่างเต็มที่ “ผมไม่ไป! ทำไมอาจารย์ถึงไม่ตั้งใจสอนให้ดี ๆ? ทำไมต้องมายุ่งกับเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ด้วย? สอน ๆ ไปก็จบแล้ว!”
เสียงพูดว่า ดี! ดี! ดี! สามครั้งดังขึ้นมา ก่อนที่อาจารย์จะเดินออกจากห้องไป มันไม่น่าจะเป็นคำชมที่เขาให้ผมมั้ง? ผมไม่ได้เป็นนักศึกษาที่ดีถึงขนาดจะต้องชมผมถึง 3 ครั้งติดหรอก!
ตอนนี้ในห้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว แต่ไม่มีแม้แต่นักศึกษาสักคนเดียวที่กล้าจะเข้ามาคุยกับผม
มู่จือนั่งลงแล้ว “จางกง! ทำไมนายไปเถียงอาจารย์อย่างนั้นล่ะ? นี่มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยนะ!”
ผมมองไปที่เธอ “ก็ฉันยังกินข้าวที่เธอเตรียมมาให้ยังไม่หมดเลยนี่! ออกไปข้างนอกแล้วฉันจะกินได้ยังไง?”
“นาย! นายทำตัวเองให้เจอปัญหาใหญ่แล้วรู้มั้ย!” มู่จือครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “อาจารย์ต้องไปหาผู้อำนวยการแน่! เขาอาจจะไล่นายออกนะ!”
ผมยิ้ม “ไม่มีทางหรอก! ฉันกับอาจารย์เจิ้นสนิทกันจะตาย เขาจะไล่ฉันออกได้ยังไง?”
หลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์คนนั้นก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยเต็มใบหน้า เขาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอาจารย์เจิ้น! ผู้ที่เดินมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “จางกง! ออกมาข้างนอกห้อง!”
พอได้ยินอาจารย์เจิ้นเรียก ผมก็ลุกออกไปที่นอกห้องแต่โดยดี เขาหันไปบอกอาจารย์คนนั้นให้ทำการสอนต่อไป ก่อนที่จะพาผมออกไปที่ระเบียง!
เขาเริ่มถาม “ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? เธอตั้งใจจะสร้างปัญหาให้อาจารย์ใช่มั้ย? เธอไม่ใช่แค่ไม่ตั้งใจเรียน แต่ยังโต้เถียงกับอาจารย์จนเขาต้องไปร้องเรียนกับฉัน เรื่องที่เกิดทั้งหมดนี้ เธอตั้งใจจะทำอะไร? เธออยากให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์ตี้ของเธอใช่มั้ย?”