บทที่ 132 – กอดมู่จือเอาไว้ให้แน่น
ไห่รื่อได้แต่ส่ายหัวของเขา “เรื่องพวกนี้ฉันเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้อยู่แล้ว นายจะทำอะไรก็ตามใจนายเถอะ แค่น้องสาวฉันนั้นน่าสงสารมากเท่านั้นแหละ” หลังจากที่กล่าวออกมาอย่างนั้น เขาตั้งใจมองไปที่มู่จือ ซึ่งยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ทำให้ผมต้องถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ไห่รื่อ! หรือว่าพี่เคยโดนมู่จือทำอะไร! ทำไมพี่ดูเหมือนจะกลัวเธออยู่หน่อย ๆ ล่ะ?”
ไห่รื่อรีบยืดตัวขึ้นแล้วใช้มือตบหน้าอกตัวเองทันที “ใครจะไปกลัวเธอ?” แต่แล้ว! เขาก็ค่อยลดตัวลง ก่อนจะบอกความจริง “อันที่จริง ฉันเคยเจ็บหนักเพราะเธอมาก่อน พวกเราสู้กันในการประลองของสถาบัน แม้ว่าฉันจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เธอก็ทำให้ฉันบาดเจ็บได้มากเลย ถึงขั้นที่ต้องนอนอยู่บนเตียงแบบลุกไม่ขึ้นตั้ง 2-3 วัน มู่จือแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะตอนที่เธอสู้แบบไม่คิดชีวิต เฮ้อ! แล้วนี่เดี๋ยวฉันต้องตามไปจัดการเรื่องไหสุ่ยอีกใช่มั้ยเนี่ย จะใช้กำลังบังคับให้นายไปชอบเธอก็ไม่ได้อีก ตอนแรกก็ไห่เย่ว ตอนนี้ยังมีเรื่องไหสุ่ยอีก น้องสาวสองคนของฉันช่าง....นายจะให้ฉันทำยังไงได้ ฉันดันไปเป็นพี่ชายของพวกเธอเองนี่”
มู่จือถึงขนาดทำให้ไห่รื่อไม่กล้ายุ่งด้วยเลยเหรอเนี่ย? ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะทำได้ถึงขนาดนั้น! แล้วผมก็สะดุดใจ แล้วถามไห่รื่อด้วยความสงสัย “ไห่เย่วเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
ไหรื่อตอบออกมาอย่างซังกะตาย “ก็เจ้าขยะตระกูลรื่อนั่นแหละ! ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงได้หายตัวกันไปหมดแบบนี้ เจ้าฟงเหลียงนั่นก็พลอยหายตัวไปด้วย ไห่เย่วเป็นห่วงจะเป็นจะตายอยู่นั่น เอาแต่ออกตามหามันไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้มีเบาะแสอะไรเลย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไป อย่างน้อยก็น่าจะบอกพวกเราไว้ก่อน”
อ้อ! เรื่องนี้นี่เอง! แล้วผมก็รีบบอกเขา “พี่รับกลับไปบอกไห่เย่วให้หยุดตามหาเขาได้แล้ว ผมจะบอกความลับเรื่องนี้ให้พี่ฟัง! ตระกูลรื่อทรยศอาณาจักร! ตอนนี้ทั้งตระกูลกำลังหนีอยู่ ฟงเหลียงนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน พวกเขาบูชาขุมกำลังที่ชั่วร้ายมากอยู่ พี่ต้องรีบกลับไปบอกไห่เย่วให้ลืมเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลย” ดูเหมือนว่าในที่สุดหม่าเคอก็มีโอกาสอีกครั้ง! ผมต้องไปบอกให้เขารีบไปปลอบใจไห่เย่วพรุ่งนี้เลย!
ไห่รื่อถามอย่างประหลาดใจมาก “มันมีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ? ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?”
ผมรีบเตือนเขา “เรื่องนี้เป็นความลับมาก พี่ต้องไม่บอกให้ใครรู้เด็ดขาดเลยนะ แล้วถ้าพี่ยังไม่เชื่อผม! พอกลับไปถึงบ้านก็ลองถามท่านปู่ของพี่ดู เขาก็เป็นคนที่รู้ความจริงเรื่องนี้ด้วย แล้วก็อีกอย่าง! อันที่จริงหม่าเคอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร พี่น่าจะช่วยสนับสนุนเขาเรื่องไห่เย่วหน่อยนะ”
คิ้วของไห่รื่อขมวดจนแทบจะชนกันอยู่แล้ว “ทำไมมันมีเรื่องอะไรมากมายนักนะ หัวฉันจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย! พอเถอะ ฉันจะไปแล้ว ฉันไม่อยากคิดเรื่องอะไรแล้ว” หลังจากที่เขาพูดแล้ว เขาก็หันหลังเดินออกไปทันที
ผมรีบบอกไล่หลังเขาไป “พี่ใหญ่ไห่รื่อ กลับถึงบ้านแล้วพี่ควรจะบอกไหสุ่ยด้วยว่า ความรักความชอบมันบังคับกันไม่ได้ ผมหวังว่าเวลาจะช่วยทำให้เธอหายเจ็บปวดได้”
แต่ไห่รื่อสวนกลับมา “พอแล้ว! นายไม่ควรที่จะพูดอะไรทั้งนั้น คำปลอบจากนายมันใช้อะไรไม่ได้หรอก ไม่ใช่นายหรอกหรือที่ทำให้เธอเจ็บน่ะ? ไม่ต้องฝากอะไรฉันทั้งนั้น!” หลังจากจบคำบ่นนั่น เขาก็ออกไปจากสนามฝึกซ้อมแล้ว
ผมได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่คนเดียวตอนที่มองดูเขาเดินออกไป
มู่จือเดินเข้ามาคล้องแขนผมเอาไว้ “นี่มันทำให้นายต้องลำบากใจแล้ว”
ผมหันไปหาเธอแล้วก็กอดเธอเอาไว้แน่น ซุกหน้าลงกับศีรษะที่มีผมยาวสลวยของเธอไว้ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วก็จมอยู่ในภวังค์ของกลิ่นหอมหวนของเธอไป ผมไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น แค่อยากจะกอดเธออยู่เงียบ ๆ เท่านั้น
มู่จือก็กอดผมกลับ เธอเอาหัวของเธอพิงไว้ที่อกของผม
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ผมเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันอยากหยุดเวลาได้จริง ๆ จะได้ไห้มันหยุดอยู่ตรงนี้ แค่ได้กอดเธออยู่อย่างนี้ก็มหัศจรรย์มากแล้วสำหรับฉัน เหมือนมันได้เติมเต็มอะไรให้กับชีวิตฉันจริง ๆ”
มู่จือรีบผลักผมออก ก่อนจะกล่าวอย่างหงุดหงิด “นายนี่มันแย่จริง ๆ ทุกอย่างที่นายรู้จัก ก็มีแต่พวกคำพูดเรื่อยเปื่อยพวกนี้นี่แหละ!”
สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขเป็นอย่างมาก คือการได้เห็นเธอทำท่าทางโมโหนิด ๆ หน่อย ๆ นี่แหละ ปัญหากวนใจก่อนหน้านี้เหมือนจะหายไปหมดแล้ว ผมกางแขนออกกว้างเต็มที่แล้วโถมเข้าใส่เธอ
มู่จือร้องออกมาอย่างตกใจแล้วก็หลบออกไป การเคลื่อนไหวของเธอด้วยเวทย์ลมทำให้เธอคล่องแคล่วมาก มันไม่ง่ายเลยสำหรับผมที่จะพยายามตามจับเธอ แม้ว่าผมจะใช้การเคลื่อนที่ระยะสั้นเข้าช่วยแล้ว
แต่ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ผมย้ายตัวเองไปขวางหน้าเธอไว้ได้ คว้าตัวของเธอเข้ามากอดไว้แน่น ก่อนที่จะระดมจูบลงไปที่ใบหน้าเรียบเนียนเล็ก ๆ นั่น
มู่จือก็ระดมใช้มือของเธอทุบผมอยู่เหมือนกัน “เจ้าคนน่าเกลียด! เจ้าคนลามก!” เธอพยายามจะหนีออกจากการกอดของผมเต็มที่
ผมกอดเธอให้แน่นขึ้นอีกเพื่อไม่ให้เธอหลุดออกไปได้ “ทำไม! กอดของฉันมันไม่อุ่นหรือยังไง? จะหยุดหนีได้หรือยัง?” แล้วผมก็จ้องไปที่ตาของเธออย่างเต็มไปด้วยความรัก
มู่จือก็หยุดต่อต้านแล้ว เธอปล่อยตัวเองไว้ในอ้อมกอดของผมอย่างเงียบ ๆ ผมลูบหัวเธออย่างเบามือก่อนจะกระซิบบอกเธอ “มู่จือ ฉันรักเธอ!”
มู่จือเพียงแต่ตอบกลับด้วยคำว่า “อือมมมม!” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตอบสนองอะไรมากมายกับสิ่งที่ผมพูด แต่แค่เสียงนั้นผมก็พอใจมากแล้ว ผมก้มหน้าลงไปเพื่อที่จะจูบเธอจริง ๆ คราวนี้มู่จือดึงตัวหลบออกอย่างตกใจ ทำให้ผมจูบได้แต่มือเธอเท่านั้น
เสียงบ่นดังขึ้นมาทันที “เพิ่งจะทำตัวดีได้เดี๋ยวเดียว กลับมาทำตัวน่าเกลียดอีกแล้วนะ! แค่กอดไม่พอหรือยังไง? ถ้ายังทำตัวอย่างนี้อีก ฉันจะไม่สนใจนายแล้ว”
ผมกลัวว่าเธอจะโกรธผมขึ้นมาจริง ๆ ผมเลยรีบทำตัวเรียบร้อยทันที แค่ยืนกอดเธออยู่ตรงนั้น ภายใต้แสงสลัวของยามค่ำคืน พวกเรายืนกันอยู่อย่างเงียบ ๆ จนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้น
หลังกลับมาถึงห้องพักแล้ว ผมคิดถึงเรื่องที่ได้เพิ่มความสัมพันธ์กับมู่จือ แต่กลับไปทำร้ายหัวใจของผู้หญิงอีกคน ผมเข้าใจในชีวิตได้มากขี้นเลยทีเดียว มันมีทั้งเรื่องที่แสนสุข และมันยังมีเรื่องที่แสนเศร้าปนอยู่ในเวลาเดียวกันด้วย สำหรับไหสุ่ย ผมได้แต่เสียใจกับเธอ หวังว่าเธอคงจะลืมผมได้
คืนนั้นผมนอนคิดอยู่หลายอย่าง ทั้งเรื่องการประลอง เรื่องมู่จือ เรื่องราชามาร เรื่องไหสุ่ย และแม้กระทั่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลรื่อ เรื่องพวกนี้วนเวียนอยู่ในหัวของผม ทำให้ผมใช้เวลานานมาก กว่าจะหลับได้ลง
ใครมาผลักผมทำไม? ผมลืมตาขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงของหม่าเคอ “พี่ใหญ่! พี่ใหญ่! ตื่นได้แล้ว! พี่สายแล้วนะ รีบตื่นได้แล้ว!”
ผมหลับตาลงอีกครั้ง แต่หม่าเคอยังไม่ยอมหยุดเขย่าตัวผม
ผมต้องลืมตาขึ้นมาเพื่อที่จะปัดมือของเขาออก “หยุดส่งเสียงดังเสียที! มันน่ารำคาญมากเลยรู้มั้ย! ปล่อยให้ฉันนอนต่อเถอะ สายแล้วจะเป็นอะไรไป? ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย”
“พี่พูดอย่างนี้ใช่มั้ย! ผมจะฟ้องอาจารย์ตี้คืนนี้!” หม่าเคอขู่ผม “หลังจากที่พี่กลับมาก่อนเมื่อวาน ตาเฒ่านั่นให้ผมจับตาดูพี่เอาไว้ อย่าให้พี่ทำตัวให้พลังเวทย์ลดลง แล้วพยายามให้พี่ทำตัวตั้งใจเรียนด้วย”
พอได้ยินคำขู่ที่มีชื่อของอาจารย์ตี้อยู่ด้วย ผมต้องตื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ให้ตายสิ! ก็แค่ไปสายครั้งสองครั้งเอง! ไม่ใช่ว่าเนื้อหาที่สอนในห้องจะมีประโยชน์อะไรสักหน่อย”
ได้ยินแบบนั้น หม่าเคอถึงกับสะอึก “พอได้แล้ว! พี่ใหญ่เลิกบ่นได้แล้ว! รีบลุกแล้วไปเข้าห้องเรียน อาจารย์ตี้บอกว่าถึงพลังเวทย์ของพี่จะเยอะมาก แต่พื้นฐานยังไม่ค่อยแข็งแกร่ง ต้องเรียนรู้ทฤษฎีเอาไว้ให้มาก ๆ”
ตอนที่ผมเดินไปที่ห้องเรียนกับเขา หม่าเคอถามว่า “ผมได้ยินว่าพี่สู้กับพี่ใหญ่ไห่รื่อเพราะเรื่องไหสุ่ยเมื่อคืนนี้เหรอ?”
“นายรู้ข่าวเร็วดีนี่!” ผมตอบ
หม่าเคอประหลาดใจ “นั่นแสดงว่าเป็นเรื่องจริงเหรอครับ! ผมนึกว่าเป็นข่าวลือ ทำไมครับ? มันเกิดอะไรขึ้น? ผมไม่เชื่อว่าพี่จะชอบมู่จือขึ้นมาจริง ๆ”
ผมได้แต่ฝืนยิ้มให้เขา “ตอนนี้ฉันตกหลุมรักมู่จือขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ฉันห้ามตัวเองไม่ให้รักเธอไม่ได้แล้วด้วย!”
ปากของหม่าเคอหุบไม่ลงอยู่นานมาก “โอ้!! นี่พี่เป็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? อืมม! นี่มันเรียกว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ แต่พี่ใหญ่! มู่จือดีกว่าไหสุ่ยจริง ๆ เหรอ? แล้วเธอตอบรับพี่แล้วหรือยัง?”
ผมพยักหน้า “ใครจะดีกว่าใคร? ฉันไม่รู้! รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันรักมู่จืออย่างจริงจังมาก แล้วเธอก็รับรักฉันแล้วด้วย ฉันอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ไหสุ่ยฟังเมื่อวานนี้ เธอเสียใจมาก แล้วไห่รื่อก็โผล่มาพอดี พอเขาเห็นเธอเสียใจอยู่ ก็นั่นแหละ นายก็รู้นิสัยเขา! มันเลยจบที่เราต้องสู้กัน”