ตอนที่แล้วตอนที่ 223 6,500 เมตรต่อวินาที!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 225 ประตูสู่สำนัก

ตอนที่ 224 นักฆ่าเดนตาย


ตอนที่ 224 นักฆ่าเดนตาย

เซี่ยเฟยวางร่างของเงารัตติกาลเอาไว้ตรงบริเวณทางเข้าถ้ำ ซึ่งชายชราก็ได้ส่งเสียงร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด

หลังจากมองไปรอบ ๆ ชายหนุ่มก็ได้พบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่หุบเขาที่เขาได้เข้ามาในตอนแรก ซึ่งเส้นทางภายในถ้ำก็น่าจะนำให้เขามาโผล่ยังอีกฝั่งหนึ่ง

เซี่ยเฟยกำลังลังเลว่าจะทิ้งเงารัตติกาลเอาไว้ที่นี่ดีหรือจะนำตัวชายชราไปส่งไว้ใกล้ ๆ ค่ายพักของสำนัก แต่การเข้าไปใกล้ค่ายของสำนักมันก็เสี่ยงต่อการที่ตัวตนของเขาจะถูกค้นพบ และถึงแม้ว่าในตอนนี้ความรู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม แต่สำนักเงาสังหารก็ได้ส่งลูกศิษย์มาทดสอบบนดาวดวงนี้เป็นจำนวนมาก และเขาก็ไม่แน่ใจว่าในบรรดานักฆ่าเหล่านั้นมีใครที่มีพลังพิเศษที่สามารถยับยั้งความเร็วของเขาได้หรือเปล่า

ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังลังเลมันก็มีร่างหลายร่างเคลื่อนที่มาจากป่าในระยะไกล โดยคนเหล่านี้ต่างก็สวมชุดต่อสู้เหมือนกับเงารัตติกาล ชายหนุ่มจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน แต่ด้วยออร่าที่ผู้มาใหม่ได้ปลดปล่อยออกมา ชายหนุ่มก็สามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าพวกเขาคือสมาชิกของสำนักเงาสังหาร

“ท่านอาจารย์เงารัตติกาลเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ชายผู้สวมหน้ากากก้าวเท้าเข้ามาถามด้วยเสียงเข้ม

“ฉันไม่เป็นไร น้องชายคนนี้มีความสัมพันธ์กับสำนักของพวกเรา ช่วยให้เกียรติเขาในฐานะแขกของพวกเราด้วย” เงารัตติกาลกล่าวอย่างอ่อนแรง

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้ว เพราะการที่เขาไม่สามารถตรวจพบตัวตนของคนเหล่านี้ได้มันก็ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจมากพอแล้ว ตอนนี้เงารัตติกาลกลับพูดออกมาง่าย ๆ เหมือนกับว่าเขาไม่มีทางหนีรอดออกไปได้ นั่นก็แสดงว่าเขาได้เตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันชายหนุ่มจึงเหลือทางเลือกอยู่เพียงแค่สองทางเท่านั้น หนึ่งคือใช้กำลังหลบหนีออกไปจากวงล้อมและตราบใดก็ตามที่อีกฝ่ายไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถในการควบคุมความเร็ว มันก็ยากที่คนพวกนี้จะสามารถหยุดยั้งเขาเอาไว้ได้

ทางเลือกที่สองคือใช้ร่างของเงารัตติกาลเป็นตัวประกันเพื่อบังคับให้คนพวกนี้ล่าถอยออกไป และถึงแม้ว่าการใช้วิธีนี้จะทำให้เขาล่าถอยออกไปได้ แต่มันย่อมสร้างความบาดหมางให้กับสำนักเงาสังหารอย่างไม่ต้องสงสัย

จากข้อมูลที่เขาได้รวบรวมมาจากคำพูดของอันธ สำนักเงาสังหารย่อมเป็นองค์กรนักฆ่าที่ยิ่งใหญ่ในเงามืด ดังนั้นการบาดหมางกับพวกเขาย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่ ชายหนุ่มจึงตัดทางเลือกที่ 2 ออกไปโดยไม่ลังเล

“คนพวกนี้คือนักฆ่าเดนตายจากสำนัก นายห้ามทำอะไรผลีผลามอย่างเด็ดขาด!” อันธส่งเสียงเตือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“นักฆ่าเดนตาย? มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ในเวลาเดียวกันชายหนุ่มก็ถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกับยืนอยู่ด้านหน้าเงารัตติกาลอย่างเงียบ ๆ ตราบใดก็ตามที่อีกฝ่ายเริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติแม้แต่เพียงเล็กน้อย เขาจะใช้ร่างของชายชราเป็นตัวประกันในทันทีโดยใช้ข้อได้เปรียบจากความเร็วของตัวเอง

“มันมีบางภารกิจที่จำเป็นจะต้องสละชีวิตเพื่อสังหารเป้าหมาย พวกเขาถูกฝึกพิเศษมาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ ถึงแม้ว่านายจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแต่พวกเขาก็มีวิธีของตัวเองที่สามารถแลกพลังชีวิตกับการเสริมพลังเป็นการชั่วคราวได้ หรือมันก็หมายความว่าพวกเขาพร้อมจะสละชีวิตเพื่อจัดการกับนายได้ตลอดเวลา” อันธกล่าวอย่างจริงจัง

คำอธิบายจากอันธทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึง เพราะเขาไม่เคยคิดว่าสำนักเงาสังหารจะถึงขนาดฝึกฝนนักฆ่าที่พร้อมจะแลกชีวิตกับเป้าหมายเอาไว้ด้วย

“บนดาวดวงนี้มันไม่มีสัญญาณสื่อสารไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพวกเขาถึงสามารถระบุตำแหน่งของฉันได้” เซี่ยเฟยถาม

“อาจารย์ลุงสองคงจะเปิดใช้กระดิ่งนรกอย่างลับ ๆ ทำให้พวกนักฆ่าเดนตายสามารถระบุตำแหน่งของพวกเราได้ตลอดเวลา ดูเหมือนทุกครั้งที่พวกเราออกมาทำการทดสอบอาจารย์ลุงสองกับลูกน้องของเขาจะคอยตามดูพวกเราอยู่ตลอดเลยสินะ” อันธกล่าวพร้อมกับชำเลืองมองไปที่ข้อมือของเงารัตติกาล

เซี่ยเฟยมองไปทางเดียวกันกับอันธ ก่อนที่เขาจะได้พบกับอุปกรณ์ที่ดูเหมือนกระดิ่งขนาดเล็กผูกติดอยู่กับข้อมือของเงารัตติกาล

“กระดิ่งนรกมันมีเอาไว้ทำอะไร? มันสามารถป้องกันสัญญาณรบกวนได้อย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม

“ไม่ใช่ กระดิ่งนรกสามารถส่งสัญญาณผ่านคลื่นรบกวนทุกอย่างในบริเวณนี้ได้ต่างหาก มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสำนักของพวกเราถึงกล้าเข้ามาทดสอบบนดาวเคราะห์ที่มีสัญญาณรบกวนแบบนี้” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“อาจารย์ลุงสองสวมกระดิ่งส่งเอาไว้ ส่วนพวกนักฆ่าเดนตายบางคนจะต้องถือกระดิ่งรับพวกเขาจึงสามารถระบุตำแหน่งของอาจารย์ลุงสองได้ตลอดเวลา แล้วพวกเขาก็ใช้ทางลัดเพื่อมาดักรอพวกเราอยู่ตรงนี้ล่วงหน้า”

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่ากระดิ่งนรกที่อันธกำลังพูดถึงคือระบบเรดาร์ขั้นสูงที่สามารถส่งสัญญาณทะลุคลื่นรบกวนของดาวดวงนี้ได้ เพียงแต่ว่าพิมพ์เขียวของระบบซุปเปอร์เรดาร์ที่เขาได้รับมามีความล้ำหน้ามากยิ่งกว่า เพราะมันสามารถส่งสัญญาณทะลุคลื่นรบกวนไปได้ไกลหลายล้านปีแสง

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มตั้งคำถามภายในใจว่าเขาสามารถลอกเลียนแบบเทคโนโลยีของการดิ่งนรกได้หรือไม่ และเขาสามารถนำมันไปประยุกต์ใช้กับระบบเรดาร์ได้หรือเปล่า?

ท้ายที่สุดกระดิ่งนรกก็มีหน้าที่ในการรับและส่งสัญญาณเหมือนกับระบบเรดาร์ทุกประการ เพียงแต่มันมีความแตกต่างทางด้านรายละเอียดอยู่เพียงเล็กน้อย

ถึงแม้ระบบซุปเปอร์เรดาร์ของไททันจะเป็นระบบที่มีความก้าวหน้ามากยิ่งกว่า แต่การพยายามศึกษาระบบซุปเปอร์เรดาร์ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากอยู่ดี และด้วยเทคโนโลยีของพันธมิตรในปัจจุบันมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผลิตระบบเรดาร์สุดล้ำนี้ขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่าเขาต้องการจะผลิตระบบซุปเปอร์เรดาร์ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เขาก็จะต้องทำการวิจัยเพื่อลดต้นทุนในการผลิตอีกขั้นด้วย

เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ความคิดที่เกิดขึ้นภายในใจเท่านั้น เพราะในปัจจุบันกระดิ่งนรกทั้งตัวรับและตัวส่งไม่ได้อยู่ภายในมือของเขา

ขณะที่เซี่ยเฟยกำลังคิดถึงเรื่องกระดิ่งนรกอยู่นั้น นักฆ่าผู้สวมหน้ากากที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ขยับเข้ามาด้วยความเร็วมากนัก เพราะพวกเขาไม่ต้องการบีบบังคับให้ชายหนุ่มเลือกจะใช้เงารัตติกาลเป็นตัวประกัน

“ถ้าพวกคุณเข้าใกล้มาอีกนิดผมจะลากให้ทุกคนลงนรกไปพร้อมกับผม ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็ลองถามเขาดูเองก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับชี้ไปที่เงารัตติกาลที่อยู่ด้านหลัง

พริบตาต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้หยิบมีดออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับจ่อเข้าไปที่ลำคอของเงารัตติกาล

แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นอย่างแน่นอน เหล่านักฆ่าเดนตายจึงหยุดชะงักอยู่กับที่แต่ก็ยังคงล้อมรอบชายหนุ่มจากระยะไกล

“ไม่ต้องห่วง คำสั่งจากฉันคือนำตัวนายกลับไปเท่านั้น ถึงแม้ว่านายจะฆ่าฉันหรือไม่ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็จะออกมาเป็นเหมือนเดิม” เงารัตติกาลกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ

คำพูดนี้ทำให้ชายหนุ่มชะงักค้างอย่างฉับพลัน เพราะน้ำเสียงของเงารัตติกาลนิ่งสงบมาก หมายความว่าเรื่องที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องโกหกและแม้แต่อันธที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลก็กำลังพยักหน้าเพื่อยืนยันกับสิ่งที่เงารัตติกาลเพิ่งบอกออกมา

“มันไม่มีโอกาสหนีแล้วจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเฟยถามอันธอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ฉันว่ายากมาก นักฆ่าแดนตายพวกนี้พร้อมจะแลกชีวิตกับพลังที่เหนือจินตนาการ มันไม่มีทางที่นายจะหนีรอดไปจากพวกเขาได้” อันธกล่าวอย่างจริงจัง

เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะใช้ใบมีดตัดลวดโลหะที่มัดร่างของเงารัตติกาลออก

“โอเค เกมนี้คุณชนะ” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างไม่พอใจ

หากนักฆ่าเดนตายมีจำนวนอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเซี่ยเฟยก็พร้อมจะลองเสี่ยงหนีออกจากวงล้อมของคนพวกนี้ไป แต่เมื่อมันได้มีร่างของนักฆ่าเดนตายอีกหลายร่างเคลื่อนที่ออกมาจากถ้ำ ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้รู้ว่าเขาได้ถูกล้อมเอาไว้ทุกทิศทางแล้ว

น่าแปลกที่พวกนักฆ่าเดนตายไม่ได้ทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าของเซี่ยเฟยเลย พวกเขาแค่ทำการยึดสิ่งของจากชายหนุ่มเอาไปเก็บไว้ในกล่องเหล็ก และปิดผนึกกล่องใบนั้นต่อหน้าของเซี่ยเฟยเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะแตะต้องสิ่งของใด ๆ

หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จเซี่ยเฟยก็ถูกพาตัวไปยังยานเดสทรอยเยอร์ของสำนัก โดยเขาได้ถูกจัดให้อยู่ในห้องพักและได้รับบริการในระหว่างการเดินทางเป็นอย่างดี

น่าเสียดายที่ภายในห้องไม่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับสกายเน็ตเวิร์ก เซี่ยเฟยจึงไม่สามารถติดต่อไปหาแอวริลได้และเขาก็ไม่สามารถสอบถามความคืบหน้าของบริษัทควอนตัมในระหว่างนี้ได้เลย

ห้องแห่งนี้ไม่ต่างไปจากห้องขังเพียงแต่สภาพแวดล้อมภายในห้องค่อนข้างที่จะดี เมื่อเทียบกับห้องขังที่เขาเคยถูกขังในอดีต

นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เซี่ยเฟยได้ติดอยู่ภายในคุก โดยครั้งแรกเริ่มต้นจากการถูกขังภายในห้องเล็ก ๆ ก่อนที่เขาจะได้รับน้ำยาปรับสภาพยีนมาเป็นของชดเชย ครั้งที่ 2 คือการถูกขังอยู่ในคุกชั้นใต้ดินของสถาบันวิจัยมนุษย์ภายในซากปรักหักพังก่อนที่เขาจะถูกส่งไปที่ดาวมรดกอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับจ้องมองเพดานและคิดถึงเรื่องราวในอดีต บางทีชีวิตของเขาอาจจะผูกพันกับคุกพวกนี้ก็ได้ และไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็มักจะมีปัญหาวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาตัวเขาตลอดเวลา

ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับอาหารเย็นที่ถูกยกนำมาเสิร์ฟ

สิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจคือปริมาณอาหารได้เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่เขาได้กินอาหารในมื้อก่อนหน้านี้ไปจนหมด คล้ายกับคนพวกนี้กำลังหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับกระเพาะของเขาอยู่

หลังจากอยู่ในห้องประมาณ 2 วัน ในที่สุดชายชราก็เดินเข้ามาภายในห้องอย่างกระฉับกระเฉง

“มีธุระอะไร?” เซี่ยเฟยถาม

เงารัตติกาลปิดประตูพร้อมกับหาเก้าอี้มานั่งลง เขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับการอยู่กับเซี่ยเฟยตามลำพังเลย เพราะหลังจากที่ร่างกายของเขาได้รับการฟื้นฟูกลับมาเขาก็มีพลังมากเกินพอที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีของชายหนุ่มได้

“มีหนึ่งเรื่องที่ฉันอยากรู้ ทำไมวันนั้นนายถึงไม่หนีทั้ง ๆ ที่คนของฉันได้เผยช่องว่างให้เห็นอย่างชัดเจน” เงารัตติกาลถามอย่างสงสัย เพราะคำถามนี้ติดค้างอยู่ภายในใจของเขาตลอด 2 วันที่ผ่านมา

“ผมถูกล้อมด้วยคนของคุณทันทีที่ผมออกมาจากถ้ำ หมายความว่าคุณได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี ช่องว่างที่คนของคุณเปิดเผยออกมาก็แค่กับดักที่พร้อมจะใช้จับตัวผมตลอดเวลาเท่านั้นเอง”

“ต่อมาลูกน้องของคุณบางส่วนก็ปรากฏตัวออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยืนยันในสิ่งที่ผมสันนิษฐานเอาไว้ในก่อนหน้านี้ โดยสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการคือให้ผมเอาตัวคุณไปเป็นตัวประกัน เพราะมันจะทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของผมเชื่องช้าลง”

“สุดท้ายไม่ว่ายังไงผมก็ต้องถูกพวกคุณจับตัวไปอยู่ดี ผมเลยยอมอยู่เฉย ๆ แล้วมาพร้อมกับพวกคุณเลยดีกว่า ว่าแต่ปลายทางของพวกเราคือที่ไหนงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอธิบายสถานการณ์ช้า ๆ พร้อมกับกินอาหารเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ

คำอธิบายของชายหนุ่มถึงกับทำให้เงารัตติกาลพูดไม่ออก เพราะเซี่ยเฟยสามารถประมวลสถานการณ์ทั้งหมดได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่สั้น ๆ ซึ่งทักษะในการสังเกตและการตัดสินใจในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้มันก็ทำให้ชายชราอดที่จะรู้สึกชื่นชมเซี่ยเฟยขึ้นมาไม่ได้

“พวกเราจะไปพิสูจน์กันว่าใครเป็นคนขโมยวิชาของใครไปกันแน่ ไม่ต้องห่วงฉันรับประกันว่าเรื่องนี้จะถูกตัดสินอย่างยุติธรรม” เงารัตติกาลกล่าวด้วยแววตาที่เป็นประกาย

***************

อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการเป็นเจ้าของวิชาลับที่แท้จริงสินะ 5555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด