ตอนที่แล้วตอนที่ 1104 ท่านประธาน เขาคิดที่จะจัดงานแถลงข่าว?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1106 กลับตาลปัตร!

ตอนที่ 1105 สงครามชิงคนงั้นเหรอ? คําพูดนี้ฟังดูแล้วก็น่าสนใจดีนะครับ


“ซีอีโอของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ได้ออกมาตอบโต้แล้ว! ทุกคนรีบไปดูกันเร็ว”

“คุณหลิน ออกมาตอบโต้ด้วยตัวเองเลย?”

“ฮ่าฮ่าๆ สิ่งต่างๆ ดูน่าสนใจขึ้นมาแล้ว หยงจิ่ว กรุ๊ป ที่เพิ่งถูกขโมยคนไป แล้วนี่ ..คุณหลิน จะออกมากล่าวสุนทรพจน์ที่ล้มเหลวงั้นเหรอ?”

หลินฟาน ซีอีโอของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องสถาปนิก วงการธุรกิจเองในตอนนี้ก็ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และโดยในแต่ละฝ่ายต่างก็พากันสงสัยว่า หลินฟาน ต้องการจะพูดอะไร

สักพัก.. สายตานับไม่ถ้วนก็ได้ตกลงไปที่การถ่ายทอดสดจากช่องทางสื่อต่างๆ

หวัง ไห่หลิน อดีตคนที่ร่ำรวยที่สุดอันดับหนึ่งของเมืองหยุนเฉิง ก็ได้สั่งเลขาของเขาว่า : “เลื่อนการประชุมในช่วงตอนเย็น ออกไปเป็นในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ฉันเองจะขอนั่งกินแตงโมก่อน.. คุณหลิน ผู้ไร้เทียมทานคนนี้ ทั้งนี้ นี่.. มันก็เป็นความพ่ายแพ้ที่หาได้ยาก ฉากที่ดีๆ เช่นนี้ ฉันเองก็คงจะพลาดไม่ได้..”

เหอ เฉา ซีอีโอของ จงถง เอ็กเพรส หนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหยุนเฉิง เขาได้มองไปที่ผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ : “เดี๋ยวก่อน.. คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ ฉันเองต้องการที่จะดูความคึกคัก ยิ่งในครั้งนี้ คุณหลิน จะพ่ายแพ้ให้กับสุนัขจิ้งจอกเฒ่า อย่าง ..เว่ย เทียนเฉิง จริงๆ หรือไม่นั้น? ..ฉันเองก็อยากที่จะรู้จริงๆ”

ซ่ง หรงเหมา ประธานหอการค้าเมืองหยุนเฉิง ได้หันไปพูดกับแม่บ้านของเขาว่า : “ช่วยฉันเพิ่มเสียงทีวีให้หน่อย ฉันเองอยากที่จะฟังสิ่งที่ คุณหลิน กำลังจะพูด.. ในครั้งนี้ คุณหลิน ได้เสีย เสี่ยวลี่ และเฉิน ซื่อหง ไปติดต่อกัน เรื่องนี้ดูไม่ค่อยปกติเลย!”

เมืองหางโจว, วั่นกู่ กรุ๊ป

ทีวีในห้องทํางานของ เว่ย เทียนเฉิง ได้เปิดขึ้นแล้ว เว่ย เทียนเฉิง, เว่ย เจี้ยนเซิง และเฉิน ซื่อหง ที่ยังไม่ได้จากไป พวกเขาก็ล้วนแต่นั่งเฝ้าดูอยู่ที่หน้าทีวี

ในไม่ช้าจะได้เห็นการแสดงออกถึงความล้มเหลวของ หลินฟาน แล้ว.. เว่ย เทียนเฉิง และลูกชายต่างก็มีความสุขมาก และได้ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ

“ฮ่าฮ่าๆ เดิมที ฉันได้ตั้งใจจะไปเมืองหยุนเฉิง มอง หลินฟาน ด้วยตาของตัวเองต่อหน้าเขา แต่เป็นเช่นนี้มันก็ดูประหยัดเวลาไปได้มาก” เว่ย เทียนเฉิง ได้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ผมเองก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นท่าทางที่หดหู่ของมันแล้ว เช่นกัน..”

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “หลินฟาน ตัวน้อย.. ครั้งนี้กล่าวได้ว่ามันได้สะดุดล้มครั้งใหญ่ ภายใต้เงื้อมมือของฉัน และฉากนี้ฉันเองก็ไม่ควรพลาด!”

นับตั้งแต่เขาได้ต่อสู้กับ หลินฟาน เขาเองก็ได้พ่ายแพ้มาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองได้โกรธมากจริงๆ พูดได้เลยว่าอายุขัยของเขาได้สั้นลงไปหลายปี.. แต่ในครั้งนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสําเร็จ เรื่องในครั้งนี้เกิดจากการที่เขาได้คํานวณ ทั้งชัยชนะที่หายากเช่นนี้ เขาจะพลาดมันไปได้ยังไง!

“เจ้าสาม เดี๋ยวหลังจากนี้ แกช่วยหันไปเตรียมร่างฉบับย่อเอาไว้ ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆ และมันก็ควรค่าแก่การบันทึก.. ฉันจะทําให้ไอ้ หลินฟาน ตัวน้อยนี่มัน ได้รับความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุด และฉันจะทำให้มันถูกผู้คนหัวเราะเยาะไปตลอดสามวันสามคืน!” เว่ย เทียนเฉิง ได้กล่าวสั่ง

เว่ย เจี้ยนเซิง ได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “โอเคครับ ครั้งนี้พวกเรา…”

“เงียบ!”

เว่ย เทียนเฉิง ได้พูดขึ้นขัดจังหวะ เว่ย เจี้ยนเซิง ไปว่า : “หลินฟาน ตัวน้อยนั่น ..มันออกมาแล้ว!”

ในทีวี หลินฟาน ได้ปรากฏตัวออกมาจริงๆ สีหน้าของ หลินฟาน ดูสงบมาก ไม่มีความหดหู่ และไม่มีความไม่พอใจใดๆ แสดงให้เห็นแม้แต่น้อย

เว่ย เทียนเฉิง ก็ได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาในทันที และได้พูดว่า : “หลินฟาน ตัวน้อย แกนี่ก็ช่างเสแสร้งได้จริงๆ ฉันเองอยากจะดูสิว่าแก ..มันจะเสแสร้งแกล้งทําไปได้นานแค่ไหน และไม่ว่าแกจะเสแสร้งแค่ไหน.. ก็ตาม มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำที่ว่าแก ..เป็นผู้แพ้ให้แก่ฉัน ไปได้!”

“ฮ่าๆ หลินฟาน ตัวน้อยนี่ มันจะปั้นหน้าเสแสร้งไปได้นานแค่ไหนกัน เดี๋ยวในไม่ช้านี้ ผมเองก็กลับต้องการดูอยู่ว่า ..เมื่อมันต้องเผชิญหน้ากับคําถามของพวกสื่อ มันจะคิดกล้าพูดอะไรออกไปได้อีก!” เว่ย เจี้ยนเซิง ได้กล่าว

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “ไม่ว่ามันจะเก่งกาจ หรือฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ความจริง.. มันก็คือความจริง ครั้งนี้มันได้เสียหน้าครั้งใหญ่แน่!”

ในเวลานี้ หลินฟาน ได้ออกมาเผชิญหน้ากับสื่อแล้ว

ทันใดนั้น เหล่าสื่อต่างก็ได้รีบวิ่งเข้าไปทันที นักข่าวเองก็ต่างได้ถามคําถาม ช่างภาพก็คลิกกดถ่ายรูป และฉากตรงหน้านี้ก็ดูวุ่นวายไปอยู่ครู่หนึ่ง

“คุณหลิน ครั้งนี้ หยงจิ่ว กรุ๊ป ถูกคนอื่นชิงตัดหน้า บางคนบอกว่าในที่สุดคุณก็ได้ล้มเหลวลงไปครั้งหนึ่งแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว คุณคิดเห็นอย่างไรครับ?”

“คุณหลิน เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการแข่งขันกันระหว่าง หยงจิ่ว กรุ๊ป กับวั่นกู่ กรุ๊ป อีกครั้ง ใช่หรือไม่คะ?”

“คุณหลินคะ ตอนนี้วงการธุรกิจ มีความคิดเห็นเชิงลบมากมายต่อคุณ มีการบอกว่าตํานานของคุณได้ถูกทําลายลงไปแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว คุณคิดที่จะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไรค่ะ?”

“คุณหลิน คุณได้เสียสถาปนิกที่เก่งที่สุดไปแล้ว คุณกำลังมีแผนอะไรต่อไปในอนาคตอย่างไร?”

“คุณหลิน ได้ยินว่า คุณเฉิน ซื่อหง เป็นตัวเลือกในอุดมคติของคุณ แต่ในครั้งนี้คุณกลับโดนโจมตีอย่างหนัก ในเรื่องนี้..”

“คุณหลินคะ…”

หลินฟาน ได้ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลง และเขาก็ได้ยกยิ้ม แล้วพูดไปว่า : “ทุกคนไม่ต้องรีบ.. ผมจะตอบคําถามของทุกคนทีละคน”

จากนั้น หลินฟาน ก็ได้ชี้ไปที่นักข่าวคนหนึ่ง แล้วพูดว่า : “มาที่คุณก่อนเถอะ เมื่อกี้คุณถามคําถามผมว่าอะไรนะครับ?”

นักข่าวหญิงคนนั้น ก็ได้พูดว่า : “มีคนบอกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นสงครามต่อสู้แย่งชิงคนของ หยงจิ่ว กรุ๊ป กับวั่นกู่ กรุ๊ป แล้ว คุณหลิน ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ในเรื่องนี้จริงหรือไม่คะ?”

หลินฟาน ได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “สงครามชิงคนงั้นเหรอ? คําพูดนี้ฟังดูแล้วก็น่าสนใจดีนะครับ แต่นี่ ..ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เห็นด้วยกับคําพูดนี้ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจะแย่งชิง หรือปล้นคนกับ วั่นกู่ กรุ๊ป แต่.. มันก็กลับเป็น วั่นกู่ กรุ๊ป ที่มาแย่งชิง หรือปล้นคนจากผมไปก่อน ผมเองก็แค่โต้กลับ.. ก็เท่านั้นครับ”

นักข่าวหญิงคนดังกล่าว ได้ถามไปว่า : “โต้กลับ? คุณหลิน ถูกปล้นแย่งชิงคนไปไม่ใช่หรือค่ะ? แล้วการที่ คุณหลิน พูดว่าเพิ่งโต้กลับไปนี่.. หมายความว่าอย่างไรกันค่ะ?”

วั่นกู่ กรุ๊ป, ที่หน้าทีวี

เว่ย เทียนเฉิง อดที่จะหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาไม่ได้ : “มันเริ่มแล้ว.. หลินฟาน ตัวน้อยนี่มัน.. เริ่มเจ้าเล่ห์แล้ว การต่อสู้ครั้งนี้.. มันกลับต้องการหาข้ออ้างสําหรับความล้มเหลวของตัวเอง มันช่างน่ารังเกียจจริงๆ!”

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ถูกต้องครับ ความจริงมันก็คือ ความจริง และไม่ว่าเขามันจะใช้เล่ห์มากแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์!”

พอได้ฟังคำถามที่ว่าแล้ว หลินฟาน ก็ได้พูดว่า : “การโต้กลับที่ผมพูดถึงนั้น ..ง่ายมาก วั่นกู่ กรุ๊ป ที่ต้องการมาฉกชิงแย่งคนของผมไป และการที่ผมจะฉกเอาคนของผมกลับมา มันก็ง่ายมาก และนี่ ..เรียกว่าการโต้กลับ”

หลินฟาน ที่ได้พูดแบบนี้ออกไป ก็ได้ทำให้ทุกคนต่างพากันมองหน้ากัน..

“คุณหลิน คุณได้บอกว่าคุณได้แย่งคนกลับมา? คือ.. นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เข้าใจ หรือว่า คุณหลิน ได้ตัว คุณเฉิน ซื่อหง กลับมาแล้ว หรือว่าตอนนี้ คุณเฉิน ซื่อหง ได้กลายมาเป็นสถาปนิกของ หยงจิ่ว กรุ๊ป อีกครั้ง?” นักข่าวคนหนึ่ง ได้ถาม

นักข่าวทุกคนก็ได้พยักหน้าตาม และก็ต่างสงสัยเหมือนกัน

วั่นกู่ กรุ๊ป..

เฉิน ซื่อหง กล่าวว่า : “ให้ตาย ฉันยังนั่งอยู่นี่ไม่ใช่เหรอไง? แล้วนี้.. ทําไม ฉันถึงยังไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ถูกเขากระชากกลับไปแล้ว?”

เว่ย เทียนเฉิง และลูกชาย ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่าๆ... ดูท่าวิธีการพูดของ หลินฟาน ตัวน้อยนี่ มันจะทำให้ผู้คนหัวเราะจนตายได้จริงๆ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า... ฟังๆ ไปแล้ว นี่ก็ดูเป็นประโยคคลาสสิกได้อยู่นะ โอ้.. ดูเหมือนมันจะคุ้มค่ามากที่จะร่างลงในต้นฉบับ แถม หลินฟาน ตัวน้อยนี่มัน ..คงไม่คิดจะยอมเสียหน้าแน่ๆ แต่การพยายามใช้ความคิดเจ้าเล่ห์ แต่คำพูดที่ใช้กับความเป็นจริง มันกลับไม่ปะติดปะต่อกันเสียเลย!”

“ฮ่าฮ่าๆ…”

สีหน้าของ หลินฟาน ในเวลานี้กลับนิ่งสงบมาก ทั้งเขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ และเขาเพียงพูดออกไปว่า : “ผมไม่ได้พูดถึง เฉิน ซื่อหง วั่นกู่ กรุ๊ป แย่งชิง เฉิน ซื่อหง ไปแล้ว โดยส่วนตัว.. ผมเองก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร และไม่เพียงแต่ไม่มีความคิดเห็น แต่ผมเอง ..ก็ยังต้องขอแสดงความยินดีกับ วั่นกู่ กรุ๊ป ด้วย”

คําพูดของ หลินฟาน ยิ่งทําให้ผู้คนสับสนเข้าไปใหญ่ และดูเหมือนว่า พระซ่างเอ้อ ไม่สามารถเข้าใจ(1)

และนี่.. มันก็ไม่ง่ายเลย!

หยงจิ่ว กรุ๊ป และวั่นกู่ กรุ๊ป แข่งขันกันเพื่อสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง เฉิน ซื่อหง เป็นผลให้ วั่นกู่ กรุ๊ป แย่งชิงคนจาก หยงจิ่ว กรุ๊ป ไปได้..

หรือว่า.. เรื่องนี้ ยังมีสถานการณ์อื่นที่ไม่มีใครรู้?

“คุณหลิน คุณหมายความว่ายังไง ขอรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมครับ?”

“คุณหลิน สถาปนิกที่คุณต้องการไม่ใช่ เฉิน ซื่อหง งั้นเหรอค่ะ?”

“คุณหลิน เมื่อวานนี้ เป็นคุณที่ได้ประกาศให้ คุณเฉิน ซื่อหง เป็นสถาปนิกไม่ใช่เหรอครับ ในเรื่องนี้ หรือว่ามีความจริงเป็นอย่างอื่น?”

“คุณหลิน หรือว่านี่คุณกำลังจะใช้เล่ห์ เพื่อกลบความล้มเหลวของตัวเอง หรือเปล่าครับ?”

“คุณหลิน…”

นักข่าว เองก็ได้เริ่มวุ่นวายอีกครั้งหนึ่งแล้ว และก็ต่างแย่งชิงกันตั้งคำถาม

หวัง ไห่หลิน : “ให้ตาย เรื่องนี้.. มันดูน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ โชคดีจริงๆ ที่ฉันได้เลื่อนการประชุมออกไป มิฉะนั้นคงไม่สามารถมานั่งกินแตงโมลูกนี้ได้ทัน ..เช่นนี้”

เหอ เฉา : “นี่มันดูไม่น่าตื่นเต้นไปกว่าผู้หญิงหรอกหรือ? คุณหลิน ดูเหมือนจะมีเล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง เฮ้ๆ รีบๆ ชักมันออกมาเร็วๆ เข้า!”

ซ่ง หรงเหมา : “ฉันเองบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้ ดูไม่ค่อยปกติ คุณหลิน.. ในครั้งนี้ คุณจะทําให้ทุกคนรู้สึกเซอร์ไพรส์อะไรอีก?”

วั่นกู่ กรุ๊ป

ทั้งสามคนที่อยู่ข้างหน้าทีวี ก็ต่างพากันหยุดหัวเราะ

เว่ย เทียนเฉิง ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย : “ไอ้ หลินฟาน ตัวน้อยนี่มัน ฝีปากก็ช่างเฉียบแหลม เล่นลิ้นได้เก่งเสียจริง! ล้มเหลว มันก็คือ ล้มเหลว ยังจะไปคิดพยายามแก้ตัวให้กับตัวเอง ไร้ยางอายจริงๆ!”

เว่ย เจี้ยนเซิง ก็ได้พูดพร้อมกับหัวเราะออกไปว่า : “ผมเองก็กำลังต้องการดูว่า หลินฟาน ตัวน้อยนี่ ..มันจะคิดพูดอะไรต่อไป!”

(1)[พระซ่างเอ้อ ไม่สามารถเข้าใจ (丈二和尚摸不着头脑)] - ซึ่งหมายความว่า เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ และรายละเอียดได้

    คนโบราณสูงประมาณ 8 ฉื่อ (184.8-194.4 ซม.) พอยกมือขึ้นก็สูงประมาณราวๆ 10 ฉื่อ แต่พระพุทธรูปกับสูง 1 จั้ง 2 ฉื่อ (ราวๆ 3.90+ เมตร) เพราะฉะนั้นการบอกว่ามันเข้าถึงจิตใจของเขา .. มันคงเป็นไปไม่ได้

    หมายความว่า ‘พระซ่างเอ้อ’ เป็นมากกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อย.. และมันก็ดูไม่เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ที่จะกล่าวว่า ‘พระซ่างเอ้อ’ จะมีขนาดสูงใหญ่กว่าคนธรรมดาถึงสองเท่า และไม่ว่า ‘มู่ เถี่ยจู้ (穆铁柱) นักบาสเกตบอล เขาสูง 228 ซม.’ จะสูงแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางสูงเท่ากับคนธรรมดาสองคน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด