บทที่ 23 ข้าไม่มีอะไรจะพูด
บทที่ 23 ข้าไม่มีอะไรจะพูด
"โอ้? ข้ามีความผิดอะไร?" หยางหมิงพูดเบา ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับจางฮ่าวหราน
“เจ้าก่ออาชญากรรมอะไร เจ้าไม่รู้หรอ” จางฮ่าวหรานหัวเราะเยาะเมื่อเห็นอย่างนั้น
"ความผิดที่หนึ่ง เจ้าทุบตีเถียนเซ่ารี่ ลูกชายคนที่สองของตระกูลเถียน ทำให้เขาพิการและดูถูกตระกูลเถียน! ตระกูลเถียนเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองไท่คังของข้า ผู้คนจะถูกดูถูกตามใจชอบได้อย่างไร"
"ความผิดที่สองคือ ที่หอการค้าสุริยัต์ เจ้าทุบตีเถียนเซ่าไป๋หลานชายของตระกูลเถียนและทำลายทรัพย์สินของหอการค้าสุริยันต์!"
“ความผิดประการที่สามคือการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของท่านเจ้าเมืองและสังหารผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสี่ที่ถนน!”
“ความผิดทั้งสามประการนี้ แต่ละอย่างล้วนเป็นอาชญากรรมระดับสูง เจ้าจะแก้ตัวอะไรได้อีก หยางหมิง จงคุกเข่าสารภาพความผิดกับข้าซ่ะ!”
จางฮ่าวหรานหยุดชั่วคราว และระบุอาชญากรรมทั้งสามประการของหยางหมิง!
"ตลกล่ะ!"
เมื่อเผชิญกับอาชญากรรมทั้งสามนี้ หยางหมิงก็กล่าวอย่างเย้ยหยันด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม!
“อย่างแรกคือเถียนเซ่ารี่ที่มาที่ประตูคฤหาสน์ของข้าด้วยตัวเองเพื่อโจมตีตระกูลหยางของข้า ข้าลงมือเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น มันคืออาชญากรรมตรงไหน?”
“ประการที่สอง ที่หอการค้าสุริยันต์ ใช่ข้าเอาชนะเถียนเซ่าไป๋ ซึ่งเรื่องจริงก็คือเถียนเซ่าไป๋ที่มาพูดจาหยาบคายและดูถูกพ่อแม่ของข้าก่อน ข้าแค่พยายามสอนเขา สำหรับทรัพย์สินของหอการค้าสุริยันต์ที่เสียหายนั้น ไร้สาระจริง ๆ ตอนนั้นมีหลายคนอยู่ที่นั่น เจ้าไปถามให้ดี ๆ ก่อนค่อยพูดกับข้า”
“ประการสาม พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันเพื่อต้องการที่จะฆ่าข้า เป็นไปได้ไหมว่าข้าต้องยืนอยู่เฉยๆให้พวกเขาฆ่าเช่นนั้นหรือ ไร้สาระ”
"จางฮ่าวหราน แม้เจ้าเป็นเจ้าเมืองหนุ่ม ที่จะเป็นผู้นำในอนาคตของเมือง ไท่คัง ไม่ตรวจสอบเรื่องราวให้ดีๆก็มาใส่ร้ายคนดี ข้าคิดว่าเจ้าควรออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เจ้าไม่สมควรเป็นเจ้าเมือง!”
"เจ้าเป็นคนดีงั้นหรือ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้จางฮ่าวหรานไม่ได้โกรธ เพียงแค่เยาะเย้ย และทันใดนั้นเขาก็ตะโกนเรียกหวังหลิงเฟิง
“ขอรับ เจ้าเมืองน้อย!” หวังหลิงเฟิงกำหมัดคารวะไปรอบ ๆ และพูดด้วยท่าทางเย้ยหยันว่า "หยางหมิง เจ้าแค่ผายลม!"
“มีคนมากมายที่นี่ที่สามารถเป็นพยานได้ สองคนแรกไม่ได้นั้นไม่ต้องกล่าวถือเพราะพวกเจ้ามีข้อพิพาทกัน แต่ประกาที่สามนั้น ในเวลานั้นผู้นำตระกูลทั้งสี่ได้คุกเข่าลงแล้วและร้องขอความเมตตาจากเจ้า แต่เจ้ากลับกำลังพยายามที่จะฆ่าพวกเราทั้งหมด!”
"ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าสามารถถามคนที่เจ้าเห็นในตอนนั้นว่าพวกเขาจะพูดเหมือนข้าหรือไม่ คนเหล่านี้สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้!"
หวังหลิงเฟิงตะโกน หลังจากพูดจบ ดวงตาของเขาก็กวาดไปรอบๆ!
“ใช่ มันเป็นเรื่องจริง ท่านเจ้าเมืองหนุ่ม ข้าเป็นพยานได้ว่าในเวลานั้น ผู้นำตระกูลทั้งสี่พ่ายแพ้ และพวกเขาคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา แต่หยางหมิงนั้นปฏิเสธที่จะให้อภัยพวกเขาและลงมือเข่นฆ่าพวกเขา สิ่งที่ผู้นำตระกูลหวังพูดนั้นถูกต้อง”
“มันไม่เป็นไรถ้าแค่เป็นการป้องกันตัว แต่วิธีการรุนแรงที่จงใจที่จะฆ่าคน นี่คือความผิด! ข้าสามารถเป็นพยานเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้!”
“ข้าเป็นพยานด้วย!”
"ข้าด้วยๆ!"
ทันใดนั้นผู้คนรอบตัวเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย และชั่วขณะหนึ่ง สายตาทั้งหมดก็พุ่งเป้าไปที่หยางหมิง!
"ล้อเล่นหรือป่าว เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อฆ่าคน นี่คือการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย เมื่อปรมาจารย์ทั้งสี่มารังแกตระกูลหยาง ไม่เห็นเงาผีสักตนของคฤหาสน์ของท่านเจ้าเมืองจะมาระงับเหตุ ตอนนี้ในทางกลับกัน จริง ๆ แล้วพวกเขาบอกว่าหยางหมิงโหดเหี้ยม แต่ข้าคิดว่าการกระทำโหดเหี้ยวกว่าหยางหมิงเป็นสิบเท่า!” ชายหนุ่มที่ไม่เข้าพวกคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ยเมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้
ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้คือปรักปรำหยางหมิง
"ไร้สาระ เจ้าไม่เห็นเหรอ? เห็นได้ชัดว่าผู้นำตระกูลหวังและเจ้าเมืองนอยได้ร่วมมือสำเร็จโทษหยางหมิง ในงานเลี้ยงฟื้นฟูตระกูลหยางของเขาเอง!" วัยรุ่นถอนหายใจ
“พวกเจ้าสองคนหุบปากเดี๋ยวนี้ อย่าได้พูดเช่นนั้นเป็นอันขาด ถ้าเจ้าเมืองน้อยได้ยิน เจ้าจะไม่มีทางรอดในเมืองไท่คังได้แน่!” ในขณะนี้ชายชราคนหนึ่งรีบตะโกนใส่ทั้งสอง
ทันใดนั้นวัยรุ่นทั้งสองคนก็มองหน้ากันแล้วหุบปากอย่างรวดเร็ว
“หยางหมิง เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม!”จางฮ่าวหรานหัวเราะเยาะและมองไปที่หยางหมิง
"ข้าไม่มีอะไรจะพูด." หยางหมิงมองไปรอบ ๆ และแสยะยิ้มทันที