บทที่ 214: หมอผี (มีคำเตือน)
**คำเตือน มีเนื้อหาในส่วนของการถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิต หากผู้อ่านรับไม่ไหว สามารถข้ามเนื้อหาส่วนที่ดอกจันไว้ได้เลยนะคะ**
เมื่อภูตหมาป่าได้รับคำสั่งจากหัวหน้า เขาก็ลุกขึ้นเดินถอยหลัง ก่อนจะวิ่งตะบึงออกจากบริเวณบ้านพักของหัวหน้าไป
ที่พักของหัวหน้าเผ่าหมาป่าตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเผ่า ซึ่งตลอดทางจากยอดเขาจะสามารถมองเห็นภูตที่มือกับเท้าถูกพันธนาการไว้และร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า พวกเขาสวมเพียงกระโปรงหนังสัตว์ขาดรุ่งริ่งเท่านั้น
หากจะพูดให้ถูกก็คือ คนพวกนี้เป็นทาส
****************************************************
เหล่าทาสทั้งหลายจะทำงานแบกหินทั้งที่มือถูกมัด แล้วเนื้อตัวของทาสก็มีแต่บาดแผลอยู่ทั่วร่าง โดยมีฝูงภูตหมาป่าคอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
ถ้าสังเกตให้ดี ๆ ทาสไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่ยังคงมีท่าทางต่อต้าน ในขณะที่ทาสส่วนใหญ่มีดวงตาเลื่อนลอยไร้ชีวิตชีวา ราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาถูกดูดออกไปจากร่าง แต่ทุกคนก็ทำงานต่อไปเหมือนหุ่นเชิด
เมื่อภูตหมาป่าที่เพิ่งรับคำสั่งจากหัวหน้าวิ่งผ่านไป ทาสสูงวัยผอมโซคนหนึ่งก็ล้มลงเนื่องจากความเหนื่อยล้า ส่งผลให้หินก้อนใหญ่บนไหล่ของเขากลิ้งไปกับพื้น
ทันใดนั้นภูตหมาป่าไว้หนวดเคราที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตวาดดังลั่น
“ไอ้สวะ! ลุกขึ้นมาเร็วเข้า อย่าอืดอาดยืดยาด ถ้าเจ้าอยากทำตัวขี้เกียจ ก็ไปตายซะ คนตายมันไม่ต้องทำงาน!”
ชายมีหนวดเคราก่นด่าพร้อมกับเดินเข้าไปต่อยเตะทาสคนนั้นไม่ยั้งมือ
เสียงเอะอะโวยวายทำให้กลุ่มทาสที่อยู่รอบ ๆ หยุดยืนมองทาสที่ล้มลงนอนกับพื้นด้วยดวงตาที่โกรธปนหวาดกลัว
“มองอะไร? ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็ทำงานให้หนักขึ้นสิ!”
ภูตหมาป่าด่ากราดไปทุกทิศทุกทาง จากนั้นเขาก็เตะทาสชราบนพื้นอย่างแรงเพื่อพยายามบังคับอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
ทาสคนนั้นพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างอ่อนแรง แต่หลังจากพยายาม 2-3 ครั้ง เขาก็ทรุดลงกับพื้นนอนแน่นิ่งไม่ขยับอีกต่อไป
“บัดซบเอ๊ย! แย่ชะมัด ลากไอ้หมอนี่ออกไปให้ข้าที”
เมื่อชายไว้หนวดเคราเห็นว่าทาสคนที่ล้มลงสิ้นลมหายใจแล้ว เขาก็ถ่มน้ำลายใส่ร่างไร้วิญญาณแบบไม่ปรานี ก่อนที่เขาจะกวักมือเรียกลูกน้องให้มานำศพออกไป
“มองหาพระแสงอะไร? เร่งมือกันเร็ว!”
“ถ้าไม่อยากทำงาน ข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรกเดี๋ยวนี้แหละ! อย่าลืมว่าคู่ของพวกเจ้ายังอยู่ในเผ่าของเรา ถ้าไม่อยากให้พวกนางต้องทนทุกข์ทรมาน ก็ทำงานให้เร็วกว่านี้! เร็วเข้า!”
ชายมีหนวดเคราหันหน้าไปสบถด่าคนอื่นต่อไม่หยุด
เหล่าทาสหันหน้ากลับมาทีละคน พวกเขาพยายามระงับความโกรธในใจ ประกอบกับกล้ำกลืนความอัปยศอดสูลงคอ และก้มหน้าก้มตาขนหินต่อไป
****************************************************
ทางด้านภูตหมาป่าที่รับคำสั่งจากหัวหน้า เมื่อเขาได้เห็นฉากนี้ก็หยุดมองชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วพลางวิ่งออกไปด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น
เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะตนเป็นภูตหมาป่าและบังเอิญเป็นคนในกลุ่มเดียวกับหัวหน้า เขาอาจกลายเป็นหนึ่งในทาสกลุ่มนี้ไปแล้ว
ในโลกที่วัดคุณค่าของคนด้วยความแข็งแกร่งและความอ่อนแอนี้ มีภูตเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้สึกเห็นใจผู้อื่น เพราะหากพวกเขายื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของใครก็ตาม มันอาจเป็นพวกเขาเองที่ต้องเดือดร้อน
ภาพสลดหดหู่ที่อยู่ข้างหลังภูตหมาป่าค่อย ๆ จางหายไป และในไม่ช้าเขาก็หยุดอยู่หน้าบ้านที่มีหน้าตาประหลาดหลังหนึ่ง
มันคือบ้านสีเงินสลับสีดำดูเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ โดยที่บนกำแพงบ้านมีรูเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวคน ซึ่งเป็นช่องระบายอากาศเพียงช่องเดียวในบ้าน
“ท่านหมอผี ในอีก 2-3 วันหัวหน้าสั่งให้ท่านเดินทางไปกับเขา”
ภูตหมาป่าถ่ายทอดคำพูดอย่างนอบน้อมอยู่นอกประตู
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงที่สงบราบเรียบดังมาจากในบ้าน
“ไม่”
คำพูดปฏิเสธหนักแน่นและเด็ดขาดดังขึ้น
ภูตหมาป่าที่มีหน้าที่ส่งสารทำหน้าลำบากใจทันที ก่อนจะเกาหัวพลางพูดว่า “แต่นี่เป็นคำสั่งของหัวหน้า…”
หลังจากที่เขารออยู่ครู่หนึ่งก็ไม่มีเสียงใด ๆ ดังออกมาจากข้างในอีก
นั่นทำให้ภูตหมาป่าคนนั้นทำอะไรไม่ถูก เป็นที่รู้กันในเทือกเขาชางเฟิงว่าหมอผีคนนี้มีนิสัยแปลกประหลาด นอกจากนี้นางมีตำแหน่งใกล้เคียงกับหัวหน้าเผ่าและยังกล้าโต้แย้งอีกฝ่ายด้วย
หมอผีอาจจะไม่กลัวหัวหน้า แต่เขากลัว!
เขาควรจะบอกหัวหน้าว่าอย่างไรดี ถ้าเขาบอกหัวหน้าตรง ๆ ว่าหมอผีไม่ยอมร่วมเดินทางไปด้วย หัวหน้าจะต้องสับเขาเป็นชิ้น ๆ ใช่ไหม?
สุดท้ายภูตหมาป่าก็จำใจต้องกลับไปรายงานหัวหน้าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
...
ปัจจุบันในเผ่าที่หูเจียวเจียวอาศัยอยู่มีใบไม้สีทองร่วงหล่นกระจายอยู่ทั่วพื้น
ในยามที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามา ทุกคนต่างก็มีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น และพวกเขาใช้เวลา 3 วันกว่าที่ผลไม้ดินในทุ่งจะถูกเก็บเกี่ยวจนหมด
จากนั้นหัวหน้าเผ่าได้แจกจ่ายผลไม้ดินส่วนใหญ่ให้กับชาวบ้าน โดยส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยถูกเก็บไว้ในโกดังสำหรับยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
ในการเก็บเกี่ยวผลไม้ดินครั้งนี้ จิ้งจอกสาวได้ผลไม้ดินมากที่สุดซึ่งมีมากกว่า 300 กิโลกรัม แต่เดิมโกดังที่บ้านของเธอมีเสบียงอาหารอยู่มากมาย พอใส่มันฝรั่งเหล่านี้เข้าไป พื้นที่ในโกดังก็เกือบเต็มแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะมันฝรั่งไม่สามารถวางกองซ้อนกันเยอะ ๆ ได้ เธอสงสัยว่าผู้นำสูงสุดจะย้ายมันฝรั่งที่เหลือทั้งหมดมาเก็บไว้ที่โกดังของเธอหรือเปล่า
“การกักตุนเสบียงของภูตมันสุดยอดจริง ๆ ดูเหมือนว่าในอนาคตฉันจะต้องสร้างโกดังเพิ่มอีก 2 หลัง…”
หูเจียวเจียวถอนหายใจขณะนับเสบียงในโกดัง
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป โกดัง 2 ห้องคงจะไม่เพียงพอ
พื้นที่ในโกดังของหญิงสาวโดยส่วนมากเป็นที่เก็บเนื้อรมควัน แล้วพื้นที่ที่เหลือนอกจากเอาไว้เก็บเนื้อรมควันกับมันฝรั่งก็มีไหเนื้อสับคั่วพริกที่เธอทำไว้ก่อนหน้านี้
อีกทั้งผลไม้อื่น ๆ ที่เก็บมาก็ถูกแจกจ่ายแล้วเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส้มโอกับลูกพลับ รวมถึงผลไม้หน้าตาไม่คุ้นเคยบางอย่างในโลกภูตที่หูเจียวเจียวไม่รู้จัก
หลังจากการแจกจ่ายลูกพลับ แม่จิ้งจอกได้ลงมือทำลูกพลับตากแห้ง เนื่องจากภูตในเผ่าล้วนมีประสบการณ์ในการทำลูกพลับตากแห้ง ภูตทุกคนจึงสามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอเลยไม่จำเป็นต้องสอนอะไรพวกเขาอีก
ไม่เพียงแค่นั้น หูเจียวเจียวยังเก็บเกี่ยวหัวไชเท้าอีก 200 หัวจากในสวน
เวลาต่อมา เธอนำมันออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อหมักและเก็บไว้ในไหหินเพื่อที่ในฤดูหนาวเธอจะสามารถนำมันออกมากินได้ทันที ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเธอจะเก็บไว้ให้ลูกกินสด ๆ
ในโลกภูตมีอาหารเพียงไม่กี่ประเภท ส่วนใหญ่แล้วในเผ่ามีอาหารที่เรียบง่ายเช่นนี้อยู่มากมาย ซึ่งขั้นตอนการประกอบอาหารก็ไม่ยุ่งยากและซับซ้อน
หลังจากที่หูเจียวเจียวนับเสบียงในโกดังเสร็จ เธอก็เดินออกมาข้างนอก ก่อนที่เธอจะพบว่าหลงโม่กลับมาแล้ว
ปัจจุบันเป็นเวลาเที่ยงวันเท่านั้น
ตอนนี้ร่างกายท่อนบนของมังกรหนุ่มเปลือยเปล่า เขากำลังแบกหมูป่า 3 ตัวมาวางลงบนพื้นโดยที่เนื้อตัวเขาโชกเหงื่อ ซึ่งมันขับให้เขาดูเถื่อนดิบมากเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดด อีกทั้งกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและมีลายเส้นสวยงามทำให้ผู้คนที่ได้มองฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
“ทำไมวันนี้เจ้ากลับมาเร็วจัง?” จิ้งจอกสาวเดินไปหาชายหนุ่ม พร้อมกับเอาหนังสัตว์มาเช็ดเหงื่อให้อีกฝ่าย
“วันนี้โชคดี ข้าบังเอิญเจอครอบครัวหมูป่า 3 ตัว”
หลงโม่กล่าวพลางชำเลืองมองไปที่หมูป่าทั้ง 3 ตัวบนพื้น ราวกับว่าเขาเพิ่งกลับมาจากการรับจ้างทำงานและส่งมอบเหยื่อทั้งหมดให้แก่ภรรยาสาว
ในสายตาของภูตชาย เสบียงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และหลังจากมีคู่แล้ว พวกเขาจะต้องนำเหยื่อมาส่งให้กับฝ่ายหญิง
ดังนั้นหูเจียวเจียวจึงมีหน้าที่ดูแลเสบียงของครอบครัวมาโดยตลอด ในขณะที่หลงโม่มีหน้าที่ทำงานหนัก ๆ เท่านั้น สำหรับสถานที่ เวลา รวมถึงปริมาณการใช้เสบียง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับหญิงสาว ซึ่งเขาไม่เคยแทรกแซงเธอเลยสักครั้ง
สัตว์ป่าพวกนั้นช่างโชคร้ายที่พวกมันต้องเผชิญหน้ากับภูตมังกรที่แข็งแกร่ง
จิ้งจอกสาวยิ้มแล้วตอบว่า “อืม เจ้าไปจัดการเหยื่อพวกนี้นะ แล้วข้าจะทำของว่างให้ลูก ๆ เก็บไว้กินในฤดูหนาว”
หมูป่าเหมาะสำหรับการนำมาทำซาลาเปาไส้หมู
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูก ๆ เธอเองก็ชอบกินของว่างในช่วงฤดูหนาวที่ยาวนานเช่นกัน เธอไม่สามารถปล่อยให้ปากของตัวเองอยู่ว่างได้เลย
“ได้”
หลงโม่ตอบตกลงโดยไม่โต้แย้งอะไรสักคำ
“เจียวเจียว ข้า...” ต่อมา ชายร่างสูงล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกง และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น เสียงของภูตคนอื่นก็ดังมาจากนอกลานบ้านเสียก่อน
“หูเจียวเจียว รั้วกรงกระต่ายสร้างเสร็จแล้ว ท่านผู้เฒ่าเรียกให้เจ้าไปดู!”
เสียงของภูตคนนั้นดังราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางลานบ้าน ทำให้คำพูดของหลงโม่ถูกกลบจนมิด
พอจิ้งจอกสาวได้ยินเสียงเรียก เธอก็มุ่งความสนใจไปที่อีกฝ่ายทันทีก่อนจะหันหลังเดินออกจากบริเวณบ้านไป
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ใครช่างบังอาจมาขัดจังหวะพ่อมังกรของฉัน!!