บทที่ 128 - ทำให้ไหสุ่ยสะเทือนใจ
ระหว่างที่เดินกลับเข้าไป ผมนึกย้อนไปตอนที่มู่จือนอนทับอยู่ในอ้อมแขนของผม ใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันที การได้กอดเธอนั่นทำให้ผมรู้สึกดีทีเดียว
หลังจากเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้ว มันยังมีเวลาเหลืออยู่บ้างก่อนที่วิชาเรียนจะเริ่มขึ้น ผมมองไปที่มู่จือ เธอยังคอยจับรอยปูดนั้นเป็นระยะ ๆ แล้วก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา นี่ทำให้ผมไม่สบายใจขึ้นมาอีก
ต้องรีบไปหานักเวทย์น้ำมารักษาเธอ แต่จะไปหาใครดีล่ะ? ผมเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่ได้ไม่นานนนัก ผมไม่ได้รู้จักกับใครมากมาย หรือว่าผมจะไปขอให้ไห่เย่วช่วยดี? ไม่น่าจะได้ผล! ตอนนี้เธอน่าจะเกลียดผมจนเข้ากระดูกดำแล้ว หืมม! ไหสุ่ยล่ะ? แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเรามันแปลก ๆ ไปหน่อยแฮะ! ผมได้แต่เกาหัวตัวเอง ทำยังไงดี? หันไปมองทางมู่จือ ตอนนี้ผมของเธอยุ่งไปหมดแล้ว หน้าของเธอมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดออกมา สีหน้าซีดลงเล็กน้อย เอนตัวลงกับโต๊ะเรียน มือก็กำลังนวดรอยบวมบนหน้าผากไม่หยุด!
พอเห็นเธอเป็นแบบนี้ ผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาในใจทันที ผมไม่สนใจแล้ว ผมจะออกไปตามไหสุ่ยมา! ผมผุดยืนขึ้นก่อนจะก้าวออกไปจากห้องเรียน มู่จือหันมาถาม “นายจะไปไหน?”
ผมหันมาตอบเธอเสียงอ่อนโยน “เห็นเธอดูเจ็บมาก เลยจะออกไปหาคนมาช่วยดูให้น่ะ! เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว รออยู่ที่นี่แหละ!”
มู่จือยิ้มให้ผม ดูจะดีใจขึ้นมาเล็กน้อย “ก็ได้!”
ผมเดินไปหาไหสุ่ยที่ห้องเรียนของเธอ โชคดีที่เธอกำลังอยู่ในห้องพอดี ผมเรียกเธอตั้งแต่อยู่หน้าห้อง “ไหสุ่ย!”
เธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นผม ตาเธอดูมีความสุขเป็นประกาย แล้วเธอก็รีบลุกจากโต๊ะออกมาหาผมทันที “อา! จางกง! ทำไมนายมาที่นี่ได้? ฉันนึกว่านายหยุดเรียนอยู่เสียอีก ทำไม! นายกลับมาเรียนแล้วอย่างงั้นหรือ?”
ผมพยักหน้า “อือ! ใช่ฉันกลับมาเรียนแล้ว ฉันไม่ควรหยุดเรียนนานเกินไปนี่! แต่ที่ฉันมาหาเธอ ก็เพราะมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อยน่ะ!
ไหสุ่ยหัวเราคิก “ว้าว!! มีเรื่องอะไรที่นายต้องขอให้ฉันช่วยด้วยเหรอ?”
ผมยิ้มอย่างฝืด ๆ “ฉันอยากให้เธอช่วยไปรักษาคนหน่อยน่ะ!”
เธอขมวดคิ้วสงสัยที่ได้ยินแบบนั้น “จะให้ไปรักษาใคร? เวทย์แสงของนายได้ผลดีกว่าเวทย์ของฉันอีกนะ! ทำไมนายไม่รักษาเอง? ต้องมาหาฉันทำไม?”
ผมตอบเธอกลับ “มู่จือ! เธอได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย แล้วเธอก็ไม่ถูกกับธาตุแสงน่ะ! ฉันเลยคิด....”
ตอนที่ไหสุ่ยได้ยินชื่อมู่จือ สีหน้าของเธอก็เริ่มมีอาการไม่ดี และเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่จ้องมาที่ผมเขม็ง!
ตอนนี้ผมเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี? พวกเรามองหน้ากันอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะพูดอู้อี้ออกมา “อืม! เธอไม่ต้องสนใจมันก็ได้ ลืมที่ฉันพูดไปเลยนะ! เดี๋ยวฉันไปขอให้คนอื่นช่วยเอง”
ไหสุ่ยถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะกล่าว “ก็ได้! ฉันจะช่วยนาย ไปกันเถอะ! รีบไปรักษาเธอกัน ตอนนี้ใกล้จะเริ่มเรียนแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน!” แล้วเธอก็เดินนำผมออกไปทางห้องเรียนของผม
การตัดสินใจที่จะช่วยของไหสุ่ย สร้างความประหลาดใจให้กับผมพอสมควรเลย
ตอนที่เดินอยู่ที่ระเบียงเธอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เฮ้อ! ดูเหมือนว่าหม่าเคอจะพูดถูก ไหสุ่ยน่าจะชอบผมจริง ๆ เสียแล้ว แต่ว่านะ! ผมคิดกับเธอแค่เป็นน้องสาวนี่ มันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพิเศษเหมือนกับที่ผมมีให้มู่จือเลย ผมเริ่มเสียใจแล้วที่มาหาไหสุ่ยให้ช่วย มันน่าจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บใจมากทีเดียว
ผมเดินตามเธอมาจนถึงห้องเรียนของตัวเอง เธอหันมาบอกผมเสียงต่ำ “นายเข้าไปตามมู่จือออกมา!”
“ได้เลย! เธอรออยู่ที่นี่นะ!” ผมได้แต่ตอบออกไปอย่างนั้นแหละ
แล้วผมก็รีบเข้าไปในห้อง แล้วดึงตัวมู่จือออกมาข้างนอก นักศึกษาคนอื่นในห้องมองมาทางพวกผม มู่จือหน้าแดง พยายามจะแกะมือของผมออก แต่มันไม่ได้ผลหรอก!
ผมพามู่จือมายืนอยู่ตรงหน้าของไหสุ่ย ตอนที่พวกเธอทั้งสองเผชิญหน้ากัน ทั้งคู่ต่างชะงัก มู่จือมองมาที่ผมและไหสุ่ยสลับกันไปมา จนไหสุ่ยเป็นฝ่ายที่กล่าวขึ้นก่อน “มู่จือ เป็นยังไงบ้าง? ได้ยินว่าเธอได้รับบาดเจ็บ จางกงไปขอให้ฉันมาช่วยรักษาให้” ดูเธอเหมือนจะฝืนยิ้มอยู่
มู่จือหันมามองที่ผมอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ไหสุ่ย “ไหสุ่ย! ต้องรบกวนเธอแล้ว!”
ไหสุ่ยยกมือซ้ายของเธอขี้น “ธาตุน้ำที่อ่อนโยน! ได้โปรดใช้ความกรุณาของท่านรักษาบาดแผลที่อยู่ตรงหน้านี้” เธอร่ายเวทย์เยียวยาธาตุน้ำออกมา มือซ้ายของเธอเริ่มปรากฏแสงสีฟ้าขึ้น หลังจากนั้นก็รวมตัวกันเป็นลูกบอลแสง เธอค่อย ๆ สะบัดมือมาทางมู่จือ ส่งบอลแสงนั้นออกมา มันกระทบกับรอยบวมบนหน้าผากของ มู่จืออย่างแม่นยำ บอลแสงเริ่มกระจายตัวออก ใช้เวลาเพียงไม่นาน รอยบวมนั้นก็หายไปแล้ว!
มู่จือยิ้มขอบคุณ “ไหสุ่ย! เวทย์มนต์น้ำของเธอเยี่ยมมากเลย! ฉันไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ขอบคุณเธอมากเลยนะ!”
ไหสุ่ยส่ายหน้า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก! เดี๋ยวจะเริ่มเรียนแล้ว ฉันกลับไปที่ห้องก่อนนะ! มู่จือ! แล้วค่อยเจอกันใหม่” หลังจากกล่าวจบ เธอก็หันมามองที่ผมอย่างจริงจัง แล้วก็กระซิบบอก “ฉันจะรอนายอยู่ที่สนามฝึกซ้อมที่สาม หลังเลิกเรียนวันนี้!”
ผมได้แต่ยืนอึ้ง! ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรออกไป เธอก็รีบวิ่งกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว วิ่งหายไปยังกับกระต่ายที่ได้รับบาดเจ็บหนีนายพราน!
ส่วนมู่จือที่เห็นไหสุ่ยรีบกลับไปนั้นหันมาจ้องหน้าผม ก่อนจะถอนหายใจแล้วบ่นใส่หน้าผมทันที “จางกง! ทำไมนายมันโง่ได้ขนาดนี้? คิดยังไงไปตามเธอมารักษาฉัน? นายนี่มันไม่ได้เข้าใจหัวอกคนอื่นเลย!”
“ก็ตอนที่เห็นเธอดูเจ็บมาก ฉันก็ใจไม่ค่อยดีแล้ว! ฉันไม่ได้รู้จักใครเยอะแยะนี่ ก็ต้องไปขอให้ไหสุ่ยช่วยสิ!” ผมได้แต่ตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียง ก่อนจะถามต่อ “ที่เธอบอกให้ฉันไปเจอเธอที่สนามฝึกซ้อมหลังเลิกเรียน! เธอคิดว่ายังไง? ฉันควรไปหรือไม่ไปดี?”
เหมือนมู่จือจะมีความคิดที่ขัดแย้งกันอยู่ในใจ สายตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความคิดที่ซับซ้อน เธอใช้เวลานานเหมือนกันก่อนที่จะตอบออกมา “นายควรจะไป!”
พอเห็นเธอมีท่าทีคิดมากแบบนั้น ผมก็รีบจับมือเธอไว้ ก่อนจะบอกออกไป “มู่จือ! ในใจของฉันมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น ฉันจะไม่สนใจคนอื่นอีก! ฉันคิดว่าฉันไม่ไปจะดีกว่า!”
เธอหน้าแดงอีกแล้ว แต่ไม่ได้พยายามแกะมือของผมออกอีก เธอแค่ก้มหน้าลงก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว! แต่นายควรจะไปนะ! ไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้มันเรียบร้อย!”
ตอนนั้นเอง! เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นมา “เด็กสมัยนี้นี่จริง ๆ เลย กลางวันแสก ๆ ยังกล้ามาพรอดรักกันอยู่ตรงระเบียงห้องเรียน ไม่เกรงใจคนอื่นบ้างเลยหรือไง? ไป! รีบกลับเข้าไปนั่งที่ได้แล้ว จะเริ่มเรียนแล้ว!”
มู่จือกับผมหันไปมองพร้อมกัน มันเป็นเสียงของอาจารย์หยูนั่นเอง หน้าของพวกเราทั้งคู่แดงกล่ำขึ้นมาทันที มู่จือหันมาโทษผม “มันเป็นความผิดนายคนเดียวเลย!” ก่อนจะรีบหนีเข้าห้องไป
ผมได้แต่ยืนอึกอักอยู่ “อาจารย์ครับ ผม...”
อาจารย์หยูกล่าวขัดขึ้นมาก่อน ดูเหมือนว่าเธออยากจะตำหนิผมเล็กน้อย “ไม่ต้องพูดอะไร! ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก อาจารย์รู้ว่าเด็กหนุ่มสาวควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ค่อยดีนัก อาจารย์ก็เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่พวกเธอควรจะรู้จักสถานที่บ้าง ไม่ใช่มาพรอดพร่ำกันในที่แจ้งแบบนี้ ที่นี่เป็นสถานศึกษา ก็ควรจะตั้งใจเรียนให้เต็มที่ เธอนี่เป็นนักศึกษาที่น่าเป็นห่วงอยู่แล้ว อย่าทำให้คะแนนของเธอมันแย่มากไปกว่านี้อีกเข้าใจมั้ย? แล้วอีกอย่าง เธอกับมู่จือก็เป็นนักศึกษาที่มีระดับพลังสูงที่สุดในห้องแล้ว อาจารย์หวังกับพวกเธอเอาไว้มากนะ!”
ผมมองไปที่อาจารย์หยู คนที่ไม่ได้มีพลังเวทย์พอที่จะเปรียบเทียบกับผมได้เลย แต่เธอทำให้ผมประทับใจ เธอไม่ได้พยายามตะคอกใส่ผม แต่ยังให้กำลังใจผมอีกด้วย แล้วผมจะพูดอะไรได้อีก ผมพยักหน้ารับรู้คำสอนของเธอ แล้วก็รีบขอตัวเข้าห้องไป หน้าของผมยังไม่หายแดงเลยตอนนี้!