บทที่ 126 – สุราผลไม้ที่ยอดเยี่ยม
อาจารย์เจิ้นหัวเราะร่า ก่อนจะกล่าว “มู่จือ ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ยุคของพวกเธอเด็กรุ่นใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเวลาไม่นานแล้ว แค่อย่าให้ความหยิ่งผยองมากระทบต่อการฝึกฝนก็พอแล้ว อีกอย่างเธอต้องช่วยแนะนำจางกงด้วยล่ะ อาจารย์ได้ยินจากเหล่าหลุนว่าเขาเป็นเด็กขี้เกียจมาก ฮ่าฮ่า” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
อาจารย์หลงที่นั่งอยู่ด้านข้างของเขากล่าวขึ้นบ้าง “เจ้าเฒ่านี่! วางตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่หน่อย ไปล้อเด็กเล่นอยู่ได้!”
เจ้าชายเคอจายิ้มกว้าง ก่อนจะพูด “เอาล่ะ! เลิกหยอกพวกเขาได้แล้ว!” หลังจากกล่าวจบ เขาก็ตะโกนให้ทุกคนที่อยู่ในห้องรับรองเงียบเสียงลง
ภายในห้องโถงรับรองที่วุ่นวายกลายเป็นเงียบสงบในทันที เจ้าชายกล่าวออกมาเสียงดังกังวาน “เหตุผลหลักของงานเลี้ยงในวันนี้ ก็เป็นเพราะข้าต้องการแสดงความขอบคุณอย่างสุดหัวใจ ต่อเหล่าเมธีเวทย์ผู้ทรงเกียรตินี้” เขาไม่ได้กล่าวออกมาอย่างตรง ๆ ว่า เขาเอาชนะศึกแห่งการชิงอำนาจได้แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้นั้น รู้ดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!
เจ้าชายยังกล่าวต่อ “ขอให้ทุกท่านนั่งประจำที่ได้เลย งานเลี้ยงจะเริ่มต้นขี้นแล้ว! เด็ก ๆ ส่งอาหารขึ้นโต๊ะได้เลย!”
ผมกระซิบมู่จือ “พวกเรากำลังจะได้กินข้าวแล้ว ควบคุมกิริยาหน่อยนะ อย่ากินเร็วเกินไป!”
มู่จืออายจนหน้าแดง ก่อนจะหยิกผมอยู่ที่ใต้โต๊ะ
เจ้าชายเคอจารู้วิธีเอาใจแขกจริง ๆ เพียงในระยะเวลาไม่นานนัก บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารที่ดูน่าทาน เจ้าชายยืนขึ้นอีกครั้ง ยกแก้วในมือของเขาขึ้น ก่อนจะกล่าว “ข้าขอดื่มให้กับทุกท่าน ถ้าไม่มีพวกท่าน! อาณาจักรอ้าวเซี่ยก็ไม่มีอนาคตแล้ว” หลังจากกล่าวนำจบ เขาก็ดื่มจนหมดแก้ว ทุกคนที่อยู่ในห้องก็ลุกขึ้นดื่มแก้วของพวกเขาจนหมดเช่นกัน
ตอนนี้ผมอารมณ์ดีมาก กล่าวกันเจ้าชายว่า “ท่านลุง! ผมมีสุราดีอยู่ขวดหนึ่ง ในเมื่อวันนี้เป็นวันที่น่ายินดี! ลองชิมรสชาติของสุราของผมหน่อยดีหรือไม่?”
เขาสนใจทันที กล่าวว่า “โอ้! นั่นเยี่ยมมาก! เป็นสุราดีเยี่ยงไรหรือที่เจ้าอยากให้พวกเราลอง?”
อาจารย์ตี้ขมวดคิ้ว “เจ้าเด็กนี่! เจ้ามันจะมีสุราดีอะไรนักหนา? จะเปรียบเทียบกับสุราขององค์ชายได้อย่างไร?” ตอนแรกอาจารย์ตี้ไม่ได้ต้องการให้ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะหลักนี้ เหมือนที่หม่าเคอก็เพียงแต่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้างร่วมกับพี่ชายที่หน้าตาคล้ายกันกับเขา แต่เป็นเพราะความต้องการของเจ้าชายที่ต้องการให้ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ด้วย ผมบอกได้เลยว่าอาจารย์ตี้ไม่ได้ยินดีเท่าไรที่ผมพามู่จือมาร่วมงานเลี้ยงด้วย
ผมได้แต่แลบลิ้นออกมาใส่เขาแบบล้อเล่น “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ! ผมไม่เอาบางอย่างที่อาจจะทำให้ขายหน้าออกมาดีกว่า”
อาจารย์เจิ้นเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย “นำสุราออกมาให้ชิม จะทำให้ขายหน้าได้ยังไง? อย่าไปสนใจเหล่าหลุนเลย ถ้าเขาไม่อยากดื่ม ก็ส่งมาให้อาจารย์ลองชิม มา!”
ผมมองไปที่อาจารย์ตี้ ที่ตอนนี้ไม่รู้จะทำหน้ายังไง “เจ้าโง่ชวนซง! นี่มันก็ยากพอแล้วที่ข้าจะสั่งสอนลูกศิษย์ของตัวเอง แล้วเจ้ายังเข้ามายุ่ง มาให้ท้ายเขาอีกเหรอ? แล้วถ้าต่อไปเกิดเขาเกเรมากขึ้นกว่านี้ เจ้าจะรับผิดชอบมั้ย?”
อาจารย์เจิ้นแน่นอนว่าไม่ยอม “ลูกศิษย์ดีขนาดนี้ ไม่ต้องสอนอะไรมากแล้วมั้ง? เอาเป็นว่าเจ้ามอบเขาให้ข้าเป็นยังไง? ข้ายินดีนะ! ว่ายังไงจางกง? อาจารย์รู้ว่าเธอก็เรียนเวทย์มิติด้วย ทำไมไม่มาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ล่ะ? สัญญาไว้ก่อนได้เลยว่าจะไม่บ่นเธอมากเหมือนเจ้านั่นแน่”
สรุปว่ากลายเป็นผมที่มาติดอยู่ตรงกลางระหว่างที่คนแก่ตีกัน แล้วผมจะพูดอะไรได้ล่ะเนี่ย ยัง! ผมยังไม่ทันได้เอ่ยปาก อาจารย์ตี้ก็ลั่นออกมาแล้ว “เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะขโมยลูกศิษย์ของข้าอย่างนั้นหรือ รู้มั้ยว่าข้าต้องพยายามแค่ไหนกว่าจะสอนมาได้ขนาดนี้? ถ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถ ทำไมไม่ไปหาลูกศิษย์ดี ๆ มาสอนเองสักคนล่ะ?”
อาจารย์เจิ้นถอนหายใจอย่างจริงจัง “ก็ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์อย่างเจ้าหนูนี่มันหาได้ง่าย ๆ เสียที่ไหน? ตอนนี้ข้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว จะไปหาใครมาสอนได้อีก? เอาเถอะ! ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้าแล้ว เรื่องการสั่งสอนศิษย์ข้ายอมรับว่าสู้เจ้าไม่ได้ เป็นไง? อย่างนี้พอใจหรือยัง?”
พอเห็นอาจารย์เจิ้นคอตกเหมือนไก่ที่เพิ่งสู้แพ้มา อาจารย์ตี้ก็รู้สึกแย่ไปด้วย พวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันมานานแล้ว อาจารย์ตี้เลยเอ่ยปาก “ก็ได้! ข้าผิดเอง! แต่ไม่ใช่ว่าลูกศิษย์ของข้ามันก็เหมือนกับลูกศิษย์ของเจ้ารึ? ทำไมเจ้าจะต้องคิดเล็กคิดน้อยให้มากความ?”
คอของอาจารย์เจิ้นตั้งขึ้นมาทันที “เจ้าเป็นคนพูดเองนะ! อย่ามาเสียใจทีหลังไม่ได้แล้วนะ! ได้เลย! จางกง! ต่อไปนี้เธอนับว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แล้ว”
อาจารย์ตี้เพิ่งรู้ตัวว่าหลงกลเข้าให้แล้ว “เจ..เจ้า! นี่เจ้ากล้าหลอกข้า! เจ้าแก่ตัวเหม็น!” นี่ทำให้ทั้งโต๊ะระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
ตอนนี้อาจารย์เจิ้นไม่สนใจเพื่อนของเขาแล้ว หันมาทางผมแทน “จางกง! ไหนเอาสุราดีที่เธอว่าออกมาให้อาจารย์ลองหน่อยสิ ว่ามันจะดีอย่างที่พูดหรือเปล่า?” เขาเป็นคนที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นนักดื่มตัวยง
ถ้าให้พูดกันอย่างตรง ๆ ตอนที่ผมบอกเจ้าชายว่าจะนำเอาสุราออกมาให้ชิมกันนั้น ผมเริ่มรู้สึกใจเสียแล้ว เพราะผมเองก็เหลืออยู่เพียง 2 ขวดเท่านั้น การที่อาจารย์ตี้พูดห้ามไม่ให้ผมนำออกมานั้นตรงใจของผมพอดี แต่ตอนนี้! อาจารย์คนใหม่ของผมเกิดอยากจะลองลิ้มรสมันขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมจะกลับคำพูดก็ไม่ได้
ผมบอกเขา “ผมแค่ให้อาจารย์ลองดื่มนิดหน่อยเท่านั้นพอนะครับ ผมให้อาจารย์ดื่มได้แค่ครึ่งขวด”
เขาเริ่มสงสัย “เหล้าอะไร? มันแพงนัก หรือว่าหายากหรือยังไง ทำไมให้อาจารย์ได้แค่ครึ่งขวด?”
“ตอนนี้ผมเหลือแค่ขวดเดียวแล้วครับ” ผมตอบเขา ก่อนจะนำสุราผลไม้ของเผ่าเอลฟ์ออกมาจากกระเป๋ามิติ แล้วส่งมันให้อาจารย์เจิ้น
ในขวดที่ใสจนเป็นประกายนั้นบรรจุอยู่ด้วยของเหลวสีเขียว มันดึงความสนใจของทุกคนได้ทันที เจ้าชายเป็นคนแรกที่ถามอย่างสงสัย “จางกง! นี่มันสุราประเภทไหน?”
ผมตอบเขาไป “นี่เป็นสุราที่เผ่าเอลฟ์ธรรมชาติมอบให้ผม ตอนที่ผมออกเดินทางหาประสบการณ์ รสชาติไม่เลวเลย!”
อาจารย์หลงอยากมีส่วนร่วมขึ้นมาบ้างแล้ว “เหล่าเจิ้น! ท่านจะลองคนเดียวไม่ได้นะ ต้องให้พวกเราได้ลองชิมด้วย!”
ก็ขนาดมู่จือที่นั่งข้าง ๆ ผมไม่ได้รู้เรื่องเหล้าอะไรเลย ยังดูออกว่ามันพิเศษกว่าปกติ แล้วทำไมจิ้งจอกเฒ่าอย่างเขาจะไม่รู้สึกแบบเดียวกัน?”
อาจารย์เจิ้นหยิบขวดเหล้านั่นไปแอบทันที “ไม่ให้! เหล่าหลุนเป็นคนพูดเองว่าพวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มมัน”
อาจารย์ตี้สวนกลับมาในทันที “ข้าเป็นคนพูดอย่างนั้นหรือ? ข้าพูดเมื่อไรว่าไม่อนุญาตให้ดื่ม? ใครได้ยินบ้างหรือเปล่า?”
เจ้าชายเคอจารับลูกทันที ส่ายหัวแล้วตอบออกมา “ไม่นะ! ข้าไม่เห็นได้ยินอะไรอย่างนั้นเลย” เสียงหัวเราะเริ่มดังขึ้นรอบโต๊ะ
ตอนนี้อาจารย์เจิ้นไม่มีทางออกแล้ว! เขานำขวดสุรากลับออกมา เจ้าชายเรียกคนรับใช้ไปนำแก้วใหม่มาให้กับทุกคน ตอนที่ขวดถูกเปิดออก กลิ่นหอมอันเข้มข้นของผลไม้กระจายออกไปทั่วห้อง บรรดาเหล่าขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรอ้าวเซี่ยต่างอุทาน “สุราที่ดี!”
มู่จือกระซิบถามผม “นายยังมีเหลืออีกมั้ย? กลิ่นมันหอมมากเหลือเกิน”
ผมต้องโกหกเธอไป “ไม่มีเหลือแล้ว! เธอลองชิมแล้วเปรียบเทียบกันหยกปริ่มน้ำดูเป็นยังไง? แต่อย่าดื่มมากนะ เหล้านี้ออกฤทธิช้า แล้วมันก็แรงมากด้วย”
มู่จือพยักหน้ารับรู้
หลังจากที่ผู้รับใช้รินเหล้าให้กับทุกคนแล้ว ขวดเหล้าที่ไม่ใหญ่มากนักใบนั้นก็ว่างเปล่าแล้ว
เจ้าชายพูดนำขึ้นมา “เอาล่ะ! ทุกคนมาลองชิมสุราที่จางกงได้มาจากเอลฟ์เผ่าธรรมชาติกัน” แล้วเขาก็ยกแก้วขึ้นจิบ
อาจารย์เจิ้นก็ไม่รอช้า เขายกแก้วขึ้นดื่มทันที คนที่เหลือก็เริ่มชิมกันทุกคน แล้วอาจารย์ตี้ก็ตำหนิขึ้น “จางกง! เจ้าเด็กเลว! ทำไมไม่แอบเอาเหล้านี้ให้อาจารย์ดื่มคนเดียว?”
ผมพึมพำกับตัวเอง “ก็ผมไม่รู้ว่าอาจารย์ชอบดื่มเหมือนกันนี่”
อาจารย์ตี้พูดไม่ออก เพราะเขาดื่มเหล้านาน ๆ ครั้งจริง ๆ เขาหาข้อแก้ตัวจนได้ “ถึงอาจารย์จะไม่ได้ชอบดื่มมากนัก..แต่สุราดีขนาดนี้ มันก็ต้องมีเก็บเอาไว้บ้าง”
ส่วนอาจารย์เจิ้นไม่ได้รักษาท่าทีของผู้อาวุโสแล้ว เขาหันมาจับไหล่ผมแล้วถามเอาอย่างซึ่ง ๆ หน้า “เธอยังมีมันเหลืออยู่ใช่มั้ย? เอาออกมาเดี๋ยวนี้ เอามาให้ฉันอีก!”
ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน “ผมบอกออกไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่านี่เป็นขวดสุดท้ายแล้วครับ” อาจารย์เจิ้นคอตกอีกครั้ง แล้วยอมปล่อยผมไป “แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้? หลังจากดื่มขวดนี้แล้ว มันยากที่จะหาสุราที่ถูกใจได้อีก”
เจ้าชายก็กล่าวเหมือนกันออกมา “สุราขวดนี้เป็นสุราที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ข้าไม่เคยได้ลิ้มรสสุรารสเลิศอย่างนี้มาก่อนในชีวิต จางกง! เจ้ายังมีวิธีหามันได้อีกสัก 2-3 ขวดหรือไม่?
ผมตอบเขากลับไป “ผมได้ยินมาว่าเผ่าเอลฟ์ธรรมชาติก็ทำได้ปีละไม่กี่ขวดเท่านั้น มันคงจะยากที่จะหามาเพิ่มได้อีก”