บทที่ 125 - งานเลี้ยง
“ตาของฉันเป็นประกาย?” ผมถาม “ถ้านายอยากเห็นจริง ๆ ว่าตาเป็นประกายตอนพูดถึงเรื่องกินเป็นยังไง ให้ฉันเชิญแขกเพิ่มอีกคนได้มั้ย?”
หม่าเคอถามอย่างสงสัย “ยังมีคนชอบเรื่องกันมากกว่าพี่อีกเหรอ? พี่จะเชิญใครมาเพิ่ม? คนที่กินได้มากกว่าพี่เนี่ยนะ? หรือว่าเขาจะกินอาหารจนหมดบ้านข้าได้เลย? ฮ่าฮ่า”
ผมชักศอกใส่เขา ก่อนจะบอก “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก! ฉันจะเชิญมู่จือไป ตอนนี้ฉันตามจีบเธออยู่นายก็รู้!”
หม่าเคอนึกออกทันที “พี่หมายถึงมู่จือคนนั้น คนที่พี่วางแผนตามจีบเพื่อจะแก้แค้นใช่มั้ย?”
ผมพยักหน้าให้เขา แต่ในใจกลับคิดถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อมู่จือ โดยเฉพาะในตอนที่ผมตกอยู่ในอันตราย ในใจของผมรู้สึกแปลก ๆ
หม่าเคอกล่าวออกมา “รีบไปเชิญเธอมาเลย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะกินได้มากขนาดไหน? ฮ่าฮ่า! เธอเป็นผู้หญิง แต่กินได้มากกว่าพี่เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้!”
ผมมองดูท้องฟ้า แล้วก็รู้ว่าตอนนี้มันใกล้จะเที่ยงแล้ว ผมบอกกับหม่าเคอว่า “นายกลับไปที่วังของนายก่อน เดี๋ยวฉันไปตามหาเธอแล้วจะพากันตามไปที่นั่น”
หม่าเคอพยักหน้า แต่ยังเป็นห่วง “พี่ใหญ่ แล้วสภาพร่างกายของพี่ล่ะ มันไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย?”
“ฉันสบายดี นายไม่ต้องเป็นห่วง! ฉันไปก่อนล่ะ” ผมตอบเขา ก่อนที่จะใช้การเคลื่อนย้ายระยะใกล้ส่งตัวเองออกไป 500 เมตรทันที
ตอนนี้ผมแก้ปัญหาเกี่ยวกับชะตากรรมของอาณาจักรอ้ายเซี่ยได้สำเร็จแล้ว ผมรู้สึกสบายใจมาก มันโล่งไปหมด ไม่มีความหนักใจอะไรเหลืออยู่อีก ผมใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงสถาบันแล้ว เหมือนว่ามันก็ใกล้จะหมดเวลาเรียนคาบสุดท้ายตอนเช้าแล้วเหมือนกัน ผมไปถึงหน้าห้องเรียนของตัวเอง ก่อนจะตะโกนเข้าไป “ขออนุญาตเข้าไปในห้องครับ!”
เสียงอาจารย์หยูตอบออกมาจากในห้อง “เข้ามาได้!”
ผมก้าวเข้าไปในห้อง “อาจารย์ ผมกลับมาแล้วครับ”
อาจารย์หยูกล่าว “อา! จางกง ไม่ใช่ว่าเธอยังเหลือเวลาอีกวันหนึ่งเหรอ? ทำไมเธอถึงกลับมาวันนี้?”
แน่นอนว่าผมบอกเขาไม่ได้ว่า ผมแค่กลับมาพามู่จือไปกินข้าวกลางวัน ผมจึงเลือกตอบออกไปกลาง ๆ “ผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เลยกลับมาได้เร็ว”
“เอาเถอะ! มาแล้วก็ไปนั่งที่เถอะ!”
หลังจากที่ผมเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง มู่จือหันมาจ้องมองผมตาโต
“ฉันกลับมาตามเธอไปกินข้าวกลางวัน!” ผมกระซิบกับเธอ
ตากลมโตที่จ้องผมอยู่อย่างสงสัยส่องประกายขึ้นมาทันที “จริงหรือเปล่า? พวกเราจะไปร้านหยกปริ่มน้ำใช่มั้ย?”
ผมได้แต่เบ้หน้า ก่อนกล่าว “เธอนี่รู้จักอยู่ร้านเดียวหรือยังไง? วันนี้พวกเราไม่ได้ไปที่นั่น แต่ฉันรับประกันได้เลยว่าอร่อยไม่แพ้ที่ร้านหยกปริ่มน้ำนั่นแน่ ๆ มันเป็นงานเลี้ยง ฉันตั้งใจกลับมารับเธอไปโดยเฉพาะเลยนะ”
มู่จือนิ่วหน้าก่อนจะปฏิเสธ “ฉันไม่ไปได้มั้ย? มันต้องมีคนเยอะแน่ ๆ ฉันไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะ ฉันเกลียดเสียงดัง!”
ผมต้องอ้อนวอนเธอจนได้ “ไปด้วยกันเถอะ! เธอรู้มั้ยว่ามันมีอาหารอร่อย ๆ เตรียมเอาไว้เยอะมากเลยนะ แล้วคนก็ไม่ได้เยอะมากด้วย เธอไม่ต้องคุยกับใครมากนักหรอก แค่นั่งกินไปก็พอแล้ว นี่ไม่ดีเหรอ? จะไม่ไปจริง ๆ ใช่มั้ย?”
มู่จือมองมาที่ผมอย่างสงสัย ก่อนถาม “แน่นะ! อาหารอร่อยแน่นะ! ถ้ามันไม่อร่อยอย่างที่บอก ฉันจะไม่ยกโทษให้นายเลย!”
ผมกล่าวอย่างดีใจ “แน่นอน ไม่มีปัญหาเลย! เอาอย่างนี้ ถ้าอาหารไม่อร่อยถูกใจเธอ ฉันจะพาเธอไปที่ร้านหยกปริ่มน้ำ แบบนี้ตกลงมั้ย?”
มู่จือพยักหน้า “ตกลง! แต่ฉันบอกก่อนนะ ฉันแค่จะไปกินข้าว ฉันไปคุยเล่นเป็นเพื่อนกับคนอื่นนะ!
เธอนี่มันเหมือนลูกหมูจริง ๆ รู้จักแต่กินหรือยังไงเนี่ย ผมบ่นพึมพำอยู่ในใจ แต่ตั้งแต่ที่ผมเข้ามาในห้องเรียนนี้ ผมรู้สึกว่าใจของผมมันอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะได้เจอหน้ามู่จือนั่นแหละ แม้ว่าผมจะแค่ไม่ได้เจอเธอเพียง 2 วัน ผมก็ยังรู้สีกว่าคิดถึงเธอมากอยู่ดี ตอนนี้ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรมาแทนที่เธอได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้หน้าตาดีมากก็ตาม
หลังจากจบคาบเรียนตอนเช้าแล้ว พวกเราก็มุ่งตรงไปที่วังของเจ้าชายเคอจาทันที ตอนที่เรามาถึงทางเข้าของวัง มู่จือมองดูอาคารที่ใหญ่โตแล้วก็สูดหายใจลึกทีเดียว ก่อนจะหันมาถามผม “นายพาฉันมาผิดที่หรือเปล่า? คงไม่ใช่ที่นี่หรอกใช่มั้ย?”
ผมยิ้มให้เธอ ก่อนจะตอบ “ที่นี่แหละ! ถูกที่แล้ว!” ผมดึงมือที่ทั้งนุ่มและเรียบเนียนของเธอไว้ แล้วพาเธอตรงไปที่ประตู ผู้ที่เฝ้าประตูอยู่ยิ้มให้ผมอย่างนับถือ ก่อนจะกล่าว “นายน้อยจางกง! ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว ท่านควรจะรีบเข้าไปด้านใน ทุกคนกำลังรอท่านอยู่เลย”
“ได้เลย! ขอบใจพี่ชายมาก แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน?”
“เจ้าชายกับเหล่าผู้อำนวยการอยู่ในห้องรับรอง ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานมากนักครับ”
“โอ้! เอาล่ะ ผมรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน! มู่จือ รีบไปเถอะ เดี๋ยวพวกเขาจะกินอาหารหมดไปก่อน”
ผมเดินตรงไปทางห้องทำงาน มือก็จูงมู่จือที่ยังทำหน้าสงสัยอยู่ให้ตามไปด้วย ผมรู้จักทางไปห้องทำงานของเจ้าชาย ดังนั้นผมจึงหาห้องรับรองเจอได้ไม่ยากนัก
หวา!! ตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป มันช่างครึกครื้นเป็นอย่างมาก ขนาดของห้องนี่น่าจะบรรจุคนได้อย่างน้อย 500 คน ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ เจ้าชายนี่ช่างรวดเร็วจริง ๆ ในเวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถรวมผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามารวมกันได้มากขนาดนี้ นี่แสดงให้เห็นเลยว่า ตอนนี้เขาอยู่ในอาการดีใจมากขนาดไหน
“พี่ใหญ่! ในที่สุดพี่ก็มาถึงจนได้ ผมกำลังรออยู่เลย” หม่าเคอส่งเสียงเรียกผม
มู่จืออุทานอย่างประหลาดใจ “หม่าเคอ! นายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
ผมเป็นคนตอบแทนเขา “แน่นอนว่าเขาต้องอยู่ที่นี่ด้วย ก็ที่นี่เป็นบ้านของเขา!”
มู่จือประหลาดใจมากกว่าเดิมอีก “หม่าเคอเป็นลูกของเจ้าชายเหรอ? ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย?”
ผมรีบบอก “เรื่องนี้เป็นความลับ! อยู่ในสถาบันห้ามพูดเรื่องนี้เด็ดขาดนะ!”
แต่มู่จือยังไม่วางใจ เธอกระซิบถามผมต่อ “ทำไมนายถึงเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้ล่ะ? มันดูเหมือนเป็นงานเลี้ยงของพวกขุนนางระดับสูงเลย”
ผมกระซิบตอบ “เธอไม่ต้องกังวลไป ฉันแค่ช่วยงานเจ้าชายไปนิดหน่อย เขาเลยขอบคุณฉันอย่างดี”
เสียงของเจ้าชายเรียกผมดังมาแล้ว “จางกงมาหรือยัง?”
ผมรีบตอบทันที่ “ครับ! องค์ชาย! ผมเพิ่งมาถึง!”
เจ้าชายเคอจาเดินตรงเข้ามา เขามองมู่จืออย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยกับผม “จางกง! ทำไมเจ้ายังเรียกข้าว่าองค์ชายอีก? เจ้าควรเรียกว่าข้าว่าท่านลุงได้แล้ว!”
“ได้ครับ ท่านลุง!” ผมตอบเขา แล้วชี้มือไปที่มู่จือ “คนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม ผมเชิญเธอมาร่วมงานด้วย!”
เจ้าชายยิ้มกว้าง ก่อนจะพูด “เพื่อนของเจ้าอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นคนกันเอง! รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ! ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่ จะได้เริ่มงานเลี้ยงกันเสียที!”
ผมถามอย่างประหลาดใจ “กำลังรอผม? ทำไมต้องให้ผู้อาวุโสรอผมด้วย? พวกท่านควรจะเริ่มกันก่อนได้เลยนะครับ”
เจ้าชายตอบกลับ “เจ้าเป็นพระเอกของงานนี้! จะไม่รอเจ้าได้อย่างไร? แล้วถ้าไม่มีเจ้า การแข่งขันวันนี้คงจะไม่ง่ายอย่างนี้แน่! เข้าไปเถอะ”
ผมดึงมู่จือที่ตอนนี้ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเข้าไปด้านในของห้องรับรอง และนั่งลงที่โต๊ะหลักด้วยกัน ผมแนะนำมู่จือให้เหล่าอาจารย์รู้จัก “ท่านนี้คือผู้อำนวยการของสถาบันเรา อาจารย์เจิ้น! ส่วนท่านนี้คืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์ อาจารย์ตี้ เป็นอาจารย์ของฉันเอง ส่วนท่านนี้...”
มู่จือโค้งคำนับอาจารย์แต่ละท่านที่ผมแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้ผมสังเกตได้ว่าเธอรู้จักมารยาทระดับสูงเป็นอย่างดี อาจารย์ตี้มองมาที่ผมอย่างลอบสังเกต แต่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
อาจารย์เจิ้นเริ่มการสนทนา “จางกง! เธอนี่มันยอดเยี่ยมทุกเรื่องจริง ๆ เพิ่งเข้าสถาบันได้ไม่กี่วัน ก็พามู่จือออกมาเที่ยวได้แล้ว ถ้าอาจารย์จำไม่ผิด มู่จือเป็นถึงอันดับสามในสิบยอดนักเวทย์ของสถาบันใช่มั้ย? ความสามารถของเธอนี่ยอดเยี่ยม!”
มู่จือหน้าแดงมาก “ผู้อำนวยการ! ท่านอย่าล้อเล่นเลยค่ะ ต่อหน้าพวกท่านอาจารย์! พวกเราจะเป็นยอดนักเวทย์อะไรกัน?” อะไรกันเนี่ย? มู่จือที่แสนจะเย็นชา! รู้จักแต่การกิน มู่จือที่ผมรู้จักหายไปไหน? ทำไมคนตรงหน้าถึงได้สุภาพอ่อนโยน รู้จักพูดจาอย่างนี้? ตอนนี้ผมเริ่มตะลึงแล้ว!