ตอนที่ 22 ลาก่อนบ้านเกิด
กระท่อมไม้เล็กๆ แห่งหนึ่งที่ดูคุ้นเคย
มินโฮนั่งอยู่ในกระท่อมพร้อมกับกอดกล่องไม้
“ฝั่งเอาไว้แบบนี้แล้วจะไม่มีใครขุดขึ้นมาจริงๆ ใช่ไหม?”
มู่เหลียงมองไปรอบๆ กระท่อมแห่งนี้ที่สภาพเองก็ดูทรุดโทรมอย่างมาก
“ถ้าจะมีคนที่จะเข้ามาหาอะไร หรือขุดพื้นในกระท่อมหลังนี้จริงๆ ก็คงมีแต่พี่สาวของมินโฮเท่านั้นแหละ”
ความรู้วิชาทหารหน่วยรบพิเศษของเขาได้บอกว่า หากต้องการจะตามหาญาติหรือร่องรอยของใครสักคน ต้องเริ่มหาเงื่อนงำจากสถานที่ที่พวกเขาเคยอยู่
ในทางตรงกันข้ามมันก็กลายเป็นกับดักได้ด้วยเช่นเดียวกัน หากต้องการจะวางกับดักใส่ศัตรูที่ตามหาใครสักคน
“ใช่….คงมีแต่พี่สาวของฉันเท่านั้นแหละ”
มินโฮพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้จะรู้สึกลังเล
“งั้นเราฝั่งมันเถอะ”
มู่เหลียง กระทืบเท้าเบาๆ สองสามครั้ง ก่อนที่พื้นดินจะแยกออกจากกันเป็นหลุม
มินโฮนำกล่องลงไปวางอย่างระมัดระวัง
“เดี๋ยวฉันจะฝั่งมันเอง และทำให้แน่ใจว่าพี่สาวของเธอจะต้องสังเกตเห็น”
มู่เหลียงพูดขึ้น
เขาได้พ่นใยแมงมุมออกมาจากนิ้ว และพันมันไปรอบๆ กล่องไม้อย่างดี และมัดปลายอีกข้างหนึ่งไว้กับก้อนหิน
“เอาล่ะ จะกลบหลุมแล้วนะ”
มู่เหลียงให้สัญญาณ
“อื้อ”
มินโฮถอยหากออกมาจากหลุม
ครืน!!
มู่เหลียงดึงใยที่ผูกติดไว้กับกล่องให้พ้นดิน และใช้ดาบแกะสลักหินที่ผูกใยติดกับกล่องให้เป็นรูปผู้หญิงที่มีหูกระต่ายตัวเล็กๆ
มินโฮหลังจากฝั่งกล่องไม้ไปแล้ว ก็เห็นว่ามู่เหลียงทำอะไรแปลกๆ จึงถามขึ้น
“มู่เหลียงทำแบบนั้นเพื่ออะไร?”
“เพื่อจะให้พี่สาวของเธอสังเกตเห็น และนำไปหากล่องไม้ข้อความของมินโฮไง”
มู่เหลียงเอาหินสลักไปวางไว้ตรงกลางกระท่อม
รูปสลักนี้ทำเลี่ยนแบบตัวมินโฮ เพื่อให้พี่สาวของมินโฮรู้
“พี่สาวของฉันจะรู้ และหาภาพวาดนั้นเจอใช่ไหม?”
มินโฮถามขึ้นด้วยความรู้สึกกังวลใจอีกครั้ง
“แน่นอน….หากว่านั้นคือพี่สาวของมินโฮจริงๆ เธอจะเจอกล่องไม้และภาพวาดของมินโฮ”
มู่เหลียงมองมินโฮพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย เพื่อให้เด็กสาวสบายใจ
หากว่าพี่สาวของมินโฮย้อนกลับมา และพบหินสลักนี้ เธอจะเข้าใจทันทีว่านี้คือสิ่งที่น้องสาวทิ้งเอาไว้ให้ และตามใยแมงมุมไปถึงกล่องไม้ที่ฝั่งอยู่ในดิน
และใยที่ติดอยู่กับรูปสลักนั้นแน่นมากยากที่จะขาดง่ายๆ หรือยังน้อยมันก็นำทางไปหากล่องไม้ที่ฝั่งอยู่ใต้ดินได้
อาจจะดูว่ามู่เหลียงนั้นเรื่องเยอะ แต่มันคือนิสัยจากอาชีพเก่าของเขา
ถ้าเป็นสมัยก่อนเขาเคยเข้าไปฝั่งระเบิดไว้ในบ้านของข้าศึก เพื่อให้ข้าศึกมาติดกับ
“ไม่เป็นไรจริงๆ แน่นะ”
มินโฮมองรูปสลักที่มู่เหลียงทำขึ้น
หินสลักอันนี้สวยกว่าภาพที่เธอวาดเสียอีก แม้แต่เธอเองก็ยังอยากเก็บมันไว้เอง
“เชื่อใจฉันเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”
มู่เหลียงตบไหล่ของมินโฮเบาๆ
ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากกระท่อม มู่เหลียงมองเห็นแมงมุมผีแดงปรากฏตัวออกมาอยู่บนหลังคาของกระท่อมไม้ และมันได้บอกบางสิ่งกับมู่เหลียง
สิ่งที่แมงมุมผีแดงบอกคือโจรที่แยกเดี่ยวได้ถูกมันจับด้วยใย และถูกมันพ่นพิษใส่ไปแล้ว
“ไปกันเถอะ ถึงเวลาที่เราจะต้องตามพวกโจรกลุ่มนั้นไปได้แล้ว”
มู่เหลียงนำทางกลับไปยังเต่าทมิฬ
“อื้ม…”
มินโฮวิ่งเหยาะๆ ตามหลังไปทันที
ในตอนนี้ไม่มีอะไรในค่ายแห่งนี้ให้ทำอีกแล้ว ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาจะนำพาทั้งคู่ไปในทิศทางใด
แมงมุมผีแดงได้มาเกาะอยู่บนหลังของเต่าทมิฬ และ ทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังฐานของพวกโจรเคราโลหิต
ด้วยการนำทางจากเสี่ยวไก ที่ทำให้มู่เหลียงรู้ทิศทางที่จะต้องเดินไป
ที่ห้องโถงของบ้าน ทั้งสองกำลังแต่งเติมบ้านอยู่
เด็กสาวดูเหม่อลอยอย่างมาก และดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร
มู่เหลียงกำลังจะทำโต๊ะสำหรับใช้งาน และก็เห็นว่าเด็กสาวกำลังเหม่อลอย
ทำให้มู่เหลียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เป็นอะไรก็พูดออกมา หรืออยากได้อะไรก็พูดออกมาเถอะ”
“มู่เหลียง…ฉันว่าเราอาจจะตามไปไม่ทัน”
มินโฮพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง เพราะเธอคิดว่าที่ทุกอย่างช้านั้นเพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของเธออยู่
“ไม่…ฉันตั้งใจออกเดินทางช้าไปครึ่งวันอยู่แล้ว”
มู่เหลียงตอบพร้อมกับใช้มีดเดินป่าของเขาตัดไม้
ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“เราไม่ต้องรีบไปถึงเร็ว พวกมันยังไม่ออกมาจากค่ายตอนนี้หรอก หากไปถึงเร็วไปเราก็ต้องไปรออีกอยู่ดี”
“ยังงั้นเองหรอ…”
มินโฮรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที และเดินกลับเข้าไปในห้องของเธอ
แต่ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปนั้นมินโฮได้หันกลับมาถามกับมู่เหลียงว่า
“มู่เหลียง ห้องของนายจัดของเสร็จรึยังหล่ะ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพราะไม่ต้องจัดอะไร”
มู่เหลียงส่ายหัวและตอบกลับไป
ตอนนี้ทั้งมู่เหลียงและมินโฮไม่มีเครื่องเรือนเลยสักชิ้น แม้แต่โต๊ะเก้าอี้สักตัวก็ไม่มี
เตียงของมินโฮนั้นทำมาจากกระดานไม้เก่าๆ เท่านั้น
ทุกอย่างที่นี่ตอนนี้เริ่มต้นขึ้นจากศูนย์ทั้งหมด
“แล้วฉันช่วยอะไรได้ไหม?”
มินโฮถามต่อด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่
“เธองั้นหรอ?”
มู่เหลียงเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กสาวที่หน้าตามอมแมม ผมยาวรุงรังและเต็มไปด้วยฝุ่น เสื้อที่ใส่ก็ทำมาจากขนสัตว์หยาบๆ และดูสกปรกจนไม่รู้ว่าขนที่แท้จริงมันสีอะไร
และเขาก็ก้มดูสภาพตัวเองตอนนี้ด้วย ซึ่งสภาพก็ไม่ต่างกันมากนัก
“ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะขาดน้ำ”
มู่เหลียงถอนหายใจ
“ตอนนี้ก็เข้าใจสักทีนะ..ว่าเรานั้นขาดแคลนน้ำ!!”
มินโฮพูดขึ้นอย่างไม่พอใจและทำท่าเท้าสะเอว
“ฉันบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้ประหยัด ประหยัด!”
“ที่ฉันพูดหมายถึงน้ำสำหรับไว้อาบต่างหาก”
มู่เหลียงพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งๆ ราวกับไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
“หา!! เมื่อกี้ว่าไงนะ!! น้ำสำหรับอาบเนี้ยนะ พูดจาไร้สาระน่า!”
มินโฮจ้องเขม็งด้วยนัยน์ตาสีฟ้าของเธอ
ก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว
“แค่น้ำดื่มเรายังมีไม่พอเลย แล้วจะเอาน้ำที่ไหนมาไว้อาบ?”
“นี้มินโฮเธออาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อไร?”
มู่เหลียงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็น่าจะสักสิบเจ็ดวันที่แล้ว มีฝนกรดตกลงมาฉันเลยวิ่งไปอาบน้ำฝน”
มินโฮพูดขึ้นพร้อมกับแก้มที่แดงขึ้นเล็กน้อยจากความเขินอาย
มู่เหลียงถึงกับเลิกคิ้วขึ้นและพูดขึ้นมาอย่างไม่เชื่อ
“เธออยู่มาได้ไงเนี่ย!”
มินโฮถึงกับตะคอกกลับมาด้วยความโกรธ
“ก็…ก็ มันมีน้ำที่พอจะอาบได้แค่ตอนนั้นนี่นา!”
มู่เหลียงเห็นเด็กสาวแก้มป่องพร้อมกับพ่นลมหายใจที่ไม่พอใจออกมา ทำให้เขาหยุดที่จะแซวเธอ
“ดูเหมือนว่าเราต้องสร้างอะไรไว้กักเก็บน้ำฝนแล้วหล่ะ”
มู่เหลียงไม่รู้ว่าครั้งต่อไปฝนจะตกเมื่อไร เพราะงั้นก็ไม่เสียหายอะไรที่จะเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า
“มู่เหลียงคิดจะกินน้ำฝนกรดด้วยงั้นหรอ? นายบ้ารึป่าว!! มันทำให้กลายเป็นบ้าได้เลยนะ”
มินโฮฉุดแขนของมู่เหลียงเพื่อเตือนสติ และสีหน้าดูกระวนกระวายอย่างมาก
และพยายามที่จะอธิบายมู่เหลียง
“มีทีมนักล่าของค่ายคนหนึ่งดื่มน้ำฝนกรดเข้าไป ก่อนที่เขาจะเริ่มสติแตก และเอามีดไล่ฟันคนในค่ายอย่างกับคนบ้า”
“ไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้คิดจะดื่มมัน”
มู่เหลียงตอบอย่างสบายๆ
เขาคิดว่าหากกรองน้ำฝนนี้ได้ เขาจะลองให้สัตว์อสูรฝึกของเขาดื่มมันก่อนเพื่อทดลอง ก่อนที่จะตัดสินใจว่ามันดื่มได้หรือไม่ได้
“แล้วจะเก็บฝนกรดไว้ทำไม?”
มินโฮถามด้วยความสงสัย
“แน่นอนเอาไว้ใช้อาบน้ำยังไงหล่ะ!”
มู่เหลียงตอบอย่างไม่คิดอะไรเลยทั้งสิ้น
เขามองดูมินโฮเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น
“เธอไม่ได้กลิ่นเปรี้ยวตามร่างกายตัวเองบ้างหรอ?”
“อ–อ–อะไร!! จมูกฉันไม่เคยได้กลิ่นแบบนั้นจากตัว”
มินโฮทำหน้ามุ่ยพร้อมกับถอยห่างจากมู่เหลียง และวิ่งหนีเข้าไปในห้องทันที
“คนบ้า!! พูดได้ไงว่าตัวฉันเหม็น!!”
“นี้ไม่เห็นมีกลิ่นอะไรเลย”
ฟุตฟิตๆ
ก่อนที่จะมีเสียงร้องดังลั่นออกมาจากห้องของเด็กสาว
“อะไรกัน!!! ทำไมตัวฉันเหม็นฉึงแบบนี้!!”