ตอนที่ 21 จดหมายถึงพี่สาว
มินโฮออกมาทำอาหารเช้าอย่างพิถีพิถัน และเดินไปมาในห้องโถงใหญ่เพื่อจัดเตรียมอาหาร ก่อนจะตะโกนเรียกมู่เหลียง
ส่วนมู่เหลียงกำลังตัดไม้ทำฟืนด้วยมีดสนามของเขา และยังเหลาไม้เป็นแผ่นกระดานอีกสองอัน
“มู่เหลียง!! อาหารเช้าเสร็จแล้ว!”
มินโฮส่งเสียงเรียกมู่เหลียงด้วยน้ำเสียงที่สดใส
ก่อนจะเดินออกมาตามมู่เหลียง และเห็นว่ามู่เหลียงกำลังทำอะไรบางอย่างจึงถามขึ้น
“คิดจะทำอะไรอีกแล้วหล่ะ”
“กระดานวาดรูป”
มู่เหลียงตอบพร้อมกับหยุดมือ
ก่อนที่จะปัดเศษไม้บนตัวออก และลุกขึ้น
“หลังกินอาหารเช้าแล้ว ฉันจะไปที่ค่ายอีกรอบ”
ก่อนหน้านี้มู่เหลียงได้ส่งกระแสจิตไปบอกเต่าทมิฬแล้วว่าให้มันเดินทางไปยังค่าย
“ไปที่ค่ายทำไมอีกหล่ะ? ก็ไหนบอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
มินโฮกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“เราไม่ควรตามสายโจรพวกนั้นไปงั้นหรอ?”
“มินโฮไม่อยากจะทำเครื่องหมายหรือทิ้งข้อความอะไรทิ้งไว้ให้พี่สาวเลยงั้นหรอ?”
มู่เหลียงพูดขึ้นระหว่างที่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับมินโฮ
และไปนั่งลงข้างๆ กองไฟและถามต่อไปว่า
“ถ้าเกิดว่า พี่สาวของมินโฮกลับมาที่ค่าย เพื่อมาหามินโฮหล่ะจะทำยังไง?”
มินโฮนั้นยังอ่อนต่อโลกเกินไป มู่เหลียงเองต้องสอนอะไรให้มินโฮอีกหลายอย่าง
“ก็จริงนะ”
มินโฮพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ
มินโฮเองก็ต้องการที่จะตามหาพี่สาวเหมือนกัน แต่เธอไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ หากวันหนึ่งพี่สาวของเธอกลับมาแล้วจะทำเช่นไร?
“ลองคิดดูแล้วกันว่าจะทิ้งอะไรเป็นข้อความเอาไว้บอกพี่สาวของเธอ”
มู่เหลียงชำเลืองมองหม้อเหล็ก ที่ครั้งหนึ่งคิดว่าเด็กสาวคงเอามันไปแลกเปลี่ยนแล้ว
“ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”
มินโฮตอบกลับ มู่เหลียงนั้นเข้าใจมินโฮได้ทันทีจากการอ่านสีหน้าของเธอ
มินโฮเดินมาเติมน้ำซุปใส่ชามก่อนจะยื่นให้มู่เหลียง และพูดอย่างอ่อนใจ
“ตอนนี้น้ำเหลือไม่มากแล้ว เราคงอยู่ได้อีกสองสามวัน หากไม่หาน้ำเพิ่ม”
เด็กสาวรู้ว่ามู่เหลียงนั้นทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน วันนี้เธอจึงตั้งใจปรุงซุปมากเป็นพิเศษ
แต่อาหารเช้าของวันนี้คือเนื้อกิ้งก่าแห้งย่างผสมน้ำซุป
มู่เหลียงรับมาพร้อมกับพูดอย่างไม่ทุกร้อนอะไร
“ทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ”
“ก็หวังว่ามู่เหลียงจะหาเจอแล้วกัน!”
มินโฮพูดพร้อมกับกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้
มินโฮเองก็ตักน้ำซุปก่อนจะมานั่งลงข้างๆ กองไฟและกินอย่างใจลอย
เธอกินจนจะหมดแล้วแต่ยังไม่รู้เลยว่าจะทิ้งจดหมายหรือข้อความอะไรไว้ให้พี่สาวของเธอดี
มินโฮกระพริบตาสีฟ้าของเธอสองสามครั้ง และหันหน้าไปขอความช่วยเหลือ
“มู่เหลียง…มู่เหลียงคิดว่าฉันจะฝากข้อความแบบไหนให้พี่สาวดีหละ”
แล้วเช่นเดียวกันมู่เหลียงนั้นก็คิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
“มินโฮกับพี่สาวเคยสัญญาอะไรกันไว้ไหม หรือความฝันในอนาคตที่รู้กันแค่สองคน”
“หรือสัญญาอะไรก่อนที่พี่สาวของเธอจะไป และบอกมินโฮเอาไว้”
แล้วตอนนั้นเองร่องรอยความเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าและแววตาของมินโฮ
ตั้งแต่รู้ว่าค่ายจะถูกโจมตีมินโฮก็รู้ดีว่าสัญญาที่ให้ไว้กับพี่สาวคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
“หรือมีรหัสลับอะไรที่รู้กันแค่สองคน”
มู่เหลียงพยายามแนะนำเพิ่มเติมอีกครั้ง
“รหัสลับ?? มันเหมือนกับประโยค ลับเอาไว้ยืนยันตัวไหม?”
อยู่ๆ แววตาของมินโฮก็เป็นประกายขึ้นมา
“พวกเธอใช้คำพูดอะไรกัน?”
มู่เหลียงเกิดสงสัยว่ารหัสลับของทั้งสองคืออะไร
แล้วความทรงจำหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของมินโฮ ก่อนที่จะพูดขึ้น
“เวลาที่จะเข้ากระท่อมเราต้องเอ่ยถามกันก่อน ของฉันคือหูกระต่ายยาว ของพี่สาวฉันเป็นหูแมวสั้น”
เด็กผู้หญิงสองคนเคยใช้รหัสนี้เพื่อยืนยันตัวตนเวลาออกไปนอกบ้าน
ตั้งแต่พี่สาวของเธอออกไปล่ากิ้งก่า ด้วยความเป็นห่วงว่าน้องสาวอยู่บ้านคนเดียวแล้วจะตกอยู่ในอันตราย หรือไปเปิดประตูให้คนร้ายเข้ามาในบ้านได้ พวกเธอทั้งสองจึงตั้งประโยคลับไว้ยืนยันตัวตนกัน
“งั้นมินโฮก็เขียนข้อความหรือวาดรูปที่สื่อถึงประโยคนี้ ทิ้งไว้ให้พี่สาว แน่นอนว่าพี่สาวของเธอจะต้องรู้”
มู่เหลียงวางชามซุปลงก่อนที่จะเอาผ้ามาตัดออกเป็นแผ่น
ไม่มีทางที่เด็กสาวคนนี้จะรู้เรื่องตัวหนังสืออยู่แล้ว
มู่เหลียงเองมาโลกนี้ได้แปดเก้าวันได้แล้ว เขายังไม่รู้เลยว่าที่โลกนี้ใช้ภาษาตัวอักษรอะไรกัน
เขาไม่เคยเห็นตัวอักษรหรือตัวหนังสือจากที่ไหนเขียนไว้เลย แต่ที่แน่ๆ คือคนเหล่านี้ใช้ภาษาจีนสื่อสารกัน
“แบบนั้นมันเปลืองไปไหมอะ”
มินโฮมองผ้าสีขาวที่ถูกตัดขาดอย่างเสียดาย
“ข้อความที่จะส่งให้พี่สาวของมินโฮสำคัญกว่า”
มู่เหลียงโบกมือราวกับว่าของแค่นี้เล็กน้อยมาก
เขาเอาผ้ากางออกและขึงกับกระดานที่เขาพึ่งทำเสร็ต และใช้ถ่านเป็นตัวดินสอ
มินโฮมองดูอย่างตั้งใจ
“จะวาดหรือเขียนอะไรก็ได้ ที่ต้องการจะสื่อกับพี่สาวเลย”
มู่เหลียงส่งถ่านหินให้ และไปดูว่าขึงผ้าแน่นรึยัง
“แล้วต้องเขียนยังไง”
มินโฮเอาถ่านหินขึ้นมาแล้วทำท่ามึนงง
“ก็วาดอะไรก็ได้ลงบนผ้าผืนนี้ เป็นโครงร่างหรือลักษณะที่จะสื่อ”
มู่เหลียงพยายามสอนมินโฮ
เขาเอาเศษผ้าที่เหลือมาขึงและเอาถ่านเริ่มขีดเขียนวาดลงไป
“อ่อ!!”
มินโฮนั้นเข้าใจทันที แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มวาดยังไง
มู่เหลียงระหว่างนั้นเลือบไปเห็นค่ายอยู่ไม่ไกล เขาจึงสั่งให้เต่าทมิฬหยุดเดิน
เขาหันไปมองเด็กสาวอีกครั้งที่ตอนนี้หูกระต่ายของเธอนั้นพับขึ้นพับลงดูสับสนไปหมด ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“มินโฮ ก็วาดหูกระต่ายของตัวเองสิ และก็แทนตัวพี่สาวด้วยหูแมวก็ได้”
“จริงสิ!”
มินโฮถึงกับรู้แจ้ง และเริ่มวาดภาพลงไปบนผ้าทันที
มู่เหลียงขึงกระดานเข้ากับผ้าอีกผืน และขึ้นไปนั่งบนหัวของเต่าทมิฬและมองออกไปยังค่าย
ขูด ขูด…ขูด
ถ่านสีดำค่อยๆ ขีดลากเป็นเส้น และกลายเป็นเค้าโครงของค่ายแห่งนี้ สภาพแวดล้อมของค่าย
มู่เหลียงใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเพื่อวาดภาพค่ายแห่งนี้ และตั้งชื่อว่า บ้านเกิด
“เสร็จล่ะ”
มู่เหลียงเขียนคำว่า บ้านเกิด ลงไปในมุมล่างขวาของภาพ
เขาวางถ่านลง และเดินกลับไปหาเด็กสาวที่กำลังวาดภาพอย่างขะมักเขม้น และมองผ่านหัวของมินโฮไปมองยังภาพที่เธอวาด
“......”
มุมปากของมู่เหลียงกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เขาพยายามจะกลั้นขำเอาไว้
เด็กสาวคนนี้มีจิตวิญญาณของจิตรกรอย่างแท้จริง ราวกับเรียนมาจากโรงเรียนสอนเขียนภาพแอ๊บสแตร็กต์
ภาพที่เห็นคือคนที่มีหูกระต่ายยาว ปาดเบี้ยวและยิ้มโชวฟันทุกซี่
และมีภาพของคนที่มีหูแมว ขายาว แต่ตากลมโต
พร้อมกับภาพเต่ายักษ์ และภาพวาดของผู้ชายที่มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนหลังเต่า
และมีบ้านที่รูปร่างเหมือนบ้านลังเก่าของเธอ
ทั้งหมดนี้คือภาพวาดของเด็กน้อยคนนี้
ฝีมือการวาดภาพของมินโฮนั้นเทียบได้กับเด็กอนุบาลที่โลกเดิมของเขา
“ในที่สุดก็เสร็จสักที!”
มินโฮปาดเหงื่อที่แก้มอย่างมีความสุข และมีรอยดำของถ่านติดไปด้วย แต่ก็ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาพร้อมกัน
“มินโฮ…ช่วยอธิบายทีได้ไหมว่าภาพพวกนี้สื่ออะไร”
มู่เหลียงพูดด้วยรอยยิ้มฝืนๆ
“ได้เลยไม่มีปัญหา”
มินโฮพูดด้วยความมั่นใจ
และชี้ไปยังตัวละครในภาพวาด พร้อมอธิบายอย่างจริงจัง
“ฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านเดิมแล้ว และได้ออกเดินทางไปกับมู่เหลียงเพื่อตามหาพี่สาวแทน ถ้าพี่สาวกลับมาเจอ ให้ไปหาฉันได้ที่กลุ่มทะเลสาบพระจันทร์”
“ดูเหมือนจะสื่อสารครบถ้วนดีนะ”
หลังจากที่ฟังมินโฮอธิบาย และมองไปยังภาพวาดอีกครั้งเขาแทบจะหาจุดเชื่อมโยงไม่ได้เลย
แต่ช่างมันเถอะ มู่เหลียงคิดว่ายังไงพี่สาวของเธอคงไม่กลับมาอีกแล้ว
เหตุผลที่มู่เหลียงต้องการทำแบบนี้ก็เพื่อให้เธอได้ระลึกถึงพี่สาวของเธอ
อันที่จริงมันโหดร้ายมากสี่ปีที่พี่สาวของมินโฮจากไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย
“ใช่ ฉันมั่นใจเลยว่าพี่สาวจะเข้าใจสิ่งนี้!”
มินโฮชูภาพวาดขึ้นด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ที่นี้เราจะเอาภาพวาดนี้ไปเก็บไว้ในกล่องไม้ และฝังมันไว้ในกระท่อมหลังเก่าของเธอกัน”
มู่เหลียงระหว่างที่พูดมุมปากของเขาก็กระตุกเล็กน้อย
และบ่นภายในใจ
ถ้าพี่สาวของเธอกลับมาจริงๆ ต่อให้เธอเป็นพระเจ้าก็คงไม่มีทางเข้าใจหรอก
มู่เหลียงมีความคิดที่จะเก็บภาพวาดนี้เอาไว้ ซึ่งมันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของมินโฮ
“ได้เลย!”
มินโฮรีบวิ่งไปหากล่องไม้มาด้วยสีหน้ามีความสุข