บทที่ 209: อย่าคิดมากไปเลย พ่อของข้าก็เคยไร้ประโยชน์ในสายตาคนอื่นมาก่อน
เมื่อทุกคนเห็นว่าบรรยากาศแย่ลง เหล่าภูตหญิงก็ปิดปากเงียบโดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก
พวกนางต่างพากันทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะหันไปก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป
ส่วนหูเจียวเจียวพอเห็นหยินชางมีสีหน้าอึมครึม เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หญิงสาวรู้ว่ากลุ่มภูตหญิงพูดออกมาเช่นนั้นโดยไม่ได้คิดร้ายอะไร และภูตคนอื่นก็คงคิดแบบเดียวกัน แต่สำหรับเด็กหนุ่มที่เป็นใบ้ คำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนมีดคม ๆ ที่แทงเข้าไปในหัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ต่อมา หูเจียวเจียวก้าวไปข้างหน้า 1 ก้าว ก่อนจะกวาดตามองพวกผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ แล้วเปล่งเสียงดังก้องกังวาน
“ในสายตาของข้า หยินชางก็เหมือนกับลูกคนอื่น ๆ พวกเขาไม่มีอะไรแตกต่างกัน ส่วนในอนาคตเขากับหลิงเอ๋อจะหาใครมาเป็นคู่ครองนั่นคือทางเลือกของพวกเขาในอนาคต ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง และข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นอีก”
เรื่องตลกขบขันของผู้ใหญ่อาจกลายเป็นหนามทิ่มแทงใจเด็กไปตลอดชีวิต
คำว่าล้อเล่นไม่ควรเป็นข้อแก้ตัวในการทำร้ายใคร
เหล่าภูตหญิงไม่คิดว่าจิ้งจอกสาวจะรักษาความสงบได้ขนาดนี้ นั่นทำให้พวกนางรู้สึกละอายใจอยู่พักหนึ่ง
“ข้าขอโทษ หูเจียวเจียว เราจะไม่พูดแบบนี้อีก”
“เมื่อกี้เราปากเสียเอง ในอนาคตเราจะไม่ล้อเล่นกับเรื่องนี้อีกแน่นอน”
พวกผู้หญิงกล่าวขอโทษหูเจียวเจียวอย่างจริงใจ
ในขณะนั้นเอง ร่องรอยของความประหลาดใจฉายผ่านดวงตาที่เศร้าหมองของหยินชาง
“ท่านพี่อย่ากังวลไปเลย ท่านแม่จะไม่ดูถูกท่านเพราะเหตุนี้!” ปัจจุบันหลงเหยากำลังหมอบลงกับพื้นเพื่อแอบกินผลไม้ดิน 2-3 คำ จากนั้นเขาก็ซ่อนส่วนที่เหลือไว้ในอกเสื้อ ในตอนที่ปากน้อย ๆ กำลังเคี้ยว เขาก็พูดปลอบประโลมพี่ชายคนใหม่ไปด้วย
เด็กหนุ่มก้มลงมองเจ้าตัวเล็กอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงพูดแบบนั้นออกมา
หลงเหยากล่าวต่อว่า “พี่รองตาบอด พี่สามก็หน้าเสียโฉม ท่านแม่ยังไม่รังเกียจพวกเขาเลย! ดังนั้นท่านแม่จะดูแลท่านพี่เป็นอย่างดีแน่นอน~”
เด็กน้อยทำสีหน้าจริงจังขณะที่พูด
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รู้สึกเจ็บตรงท้ายทอยเพราะถูกใครบางคนตบหัว
“เจ้ามังกรโง่! เจ้ากำลังนินทาข้ากับพี่รองทั้ง ๆ ที่พวกข้ายืนอยู่ข้างหลังเนี่ยนะ นี่เจ้าคันตูดอีกแล้วใช่ไหม?” หลงจงกัดฟันพูด
“น้องสาม อย่ารังแกเสี่ยวเหยาสิ เขายังเด็กอยู่” เสียงที่อ่อนโยนของหลงเซียวดังขึ้น
หลงเหยายกมือกุมหลังศีรษะแล้ววิ่งไปหลบด้านหลังพี่ชายคนรองด้วยความรู้สึกเสียใจ “ฮือๆๆ พี่รองดีกับเสี่ยวเหยาที่สุด พี่สามรังแกเสี่ยวเหยา...”
แล้วเขาก็แทบจะร้องไห้ออกมาหลังจากได้ยินหลงเซียวพูดว่า
“พี่รองกับพี่สามเป็นภูตพิการ งั้นเสี่ยวเหยาควรจะแบ่งขนมของตัวเองให้พวกพี่ครึ่งหนึ่งดีไหม?”
คนตัวเล็กที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยืนแข็งทื่อเหมือนหินทันที
“...”
ทางด้านหยินชางเฝ้าดูพี่น้องตระกูลหลงหยอกล้อกันเงียบ ๆ และทันใดนั้นความหดหู่ในใจของเขาก็ลดน้อยลง
อีกฝ่ายไม่คิดว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น
ถึงแม้ว่าเด็กพวกนี้มักจะตั้งแง่ไม่ชอบเขาอยู่ตลอด แต่พวกเขาก็ไม่เคยหัวเราะเยาะปมในใจของเขาเลยสักครั้ง
ปัจจุบันหยินชางเพิ่งเข้าใจในสิ่งที่ลูกของหูเจียวเจียวทำ... พวกเขาปฏิบัติต่อเขาเหมือนภูตทั่วไป!
“หยินชาง เจ้าอย่าคิดมากไปเลย คนพวกนั้นเคยพูดว่าพ่อของข้าเป็นคนไร้ประโยชน์มาตลอด แต่ตอนนี้ท่านพ่อก็เป็นอย่างที่เห็น เจ้าเองก็จะดีขึ้นในอนาคตแน่นอน!” หลงหลิงเอ๋อกล่าวปลอบโยนเด็กที่โตกว่า
ในอดีต นางเองก็เคยเก็บคำพูดของภูตคนอื่นมาคิดมากเหมือนกับหยินชาง
แต่ตอนนี้เด็กสาวมีแม่ที่อ่อนโยนและคอยเอาใจใส่ตน นางจึงไม่สนใจสิ่งที่ชาวบ้านพูดอีก
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นท่าทางไร้กังวลของหลงหลิงเอ๋อ เขาก็พยักหน้าพร้อมแอบหมายมาดในใจตัวเอง
เขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น!
…
อีกด้านหนึ่ง
หวงเยว่มาที่ทุ่งเพื่อขุดผลไม้ดินเช่นเดียวกับผู้อื่น
นางเป็นภูตหญิงที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเผ่า แถมยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ภูตชาย แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะคบหาเป็นเพื่อนกับนางเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงเป้าเฟิงเท่านั้นที่ขุดดินเก็บผลไม้ดินอยู่กับนาง
หงส์สาวเป็นคนที่มีรูปร่างเล็ก นางทั้งบอบบางและอ่อนแอ หลังจากขุดดินไม่นาน นางจะมีหยาดเหงื่อไหลลงมาเต็มหน้า ดังนั้นนางจึงต้องหยุดพักผ่อนชั่วขณะ
สงฮวาซึ่งกำลังขุดผลไม้ดินอยู่ในทุ่งเดียวกันกับหวงเยว่เห็นภาพดังกล่าวจึงบ่นออกมาเสียงดัง
“แม่นั่นช่างอ่อนแอเสียจริง แล้วนางจะมาทำงานที่นี่ทำไมเนี่ย? ปล่อยให้คู่ของนางทำไปก็พอแล้ว เสแสร้ง…”
ส่วนภูตหญิงที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะตอบว่า
“ใช่แล้ว นางไปพักทั้ง ๆ ที่ยังขุดผลไม้ดินออกมาไม่ได้สักลูก ข้าว่านางมาที่นี่เพื่อยั่วยวนผู้ชายมากกว่า”
“ดูไม่เหมือนว่านางจะมาทำงานเลยสักนิด…”
ในขณะเดียวกัน เป้าเฟิงเองก็เป็นชายหนุ่มที่เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ ในเผ่า ผู้หญิงหลายคนวางแผนที่จะหาคู่ใหม่คนที่ 2 ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง ดังนั้นเป้าเฟิงที่ท่านผู้เฒ่าชื่นชมจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกนาง
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าตอนนี้เขาถูกหวงเยว่ฉกตัดหน้าไปแล้ว ทุกคนจึงพาลเกลียดขี้หน้านางไปเสีย
ด้วยเหตุนี้เอง หัวหน้าเผ่าจึงไม่ได้บอกภูตหญิงเกี่ยวกับธาตุแท้ของหงส์สาว แต่บอกเฉพาะกลุ่มภูตชายที่ไว้ใจได้เท่านั้น เนื่องจากเขารู้ว่าไม่มีภูตหญิงคนไหนอยากคบหากับนาง
ในตอนที่ผู้หญิงกลุ่มนั้นพูดนินทา พวกนางจงใจไม่ลดเสียงลง ทำให้บทสนทนาทั้งหมดลอยไปถึงหูของคนที่ถูกพาดพิง
หวงเยว่กำเครื่องมือขุดในมือแน่นโดยภายนอกนางยังคงทำตัวปกติ แต่ดวงตาที่มืดมนของนางเผยให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังพยายามอดทนและยับยั้งชั่งใจไว้มากแค่ไหน
นางรู้ตัวว่าตนเองสู้ภูตหญิงคนอื่นไม่ได้
“หวงเยว่ ตะกร้า 2 ใบของข้าเต็มแล้ว ปล่อยให้ข้าจัดการส่วนของเจ้าเองเถอะ” เป้าเฟิงวิ่งเข้าไปหาภรรยาสาวพลางหยิบหนังสัตว์ที่สะอาดออกมาจากอกเสื้อเพื่อช่วยเช็ดเหงื่อของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
การกระทำของเสือดาวหนุ่มทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นหยุดการเคลื่อนไหวของเขา แล้วหยิบผ้าหนังสัตว์มาถือเอง
“ขอบคุณที่เจ้าทำงานหนักนะเป้าเฟิง ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าข้าจะทำยังไงหากไม่มีเจ้า” ไม่นานใบหน้าที่แสดงความรังเกียจก็เปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนี้ก็เผยยิ้มกว้างพลางเกาหูดแบบเขินอาย “ไม่เป็นไร หวงเยว่ เจ้าไปพักผ่อนตรงนั้นก่อนเถอะ ข้าจะรีบไปขุดผลไม้ดินให้เสร็จ แล้วข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”
เขาพูดจบแล้วก็ชี้ไปยังใต้ต้นไม้ที่มีหนังสัตว์ปูอยู่ไม่ไกล
หลังจากที่เป้าเฟิงรู้ว่าภรรยาสาวเป็นคนรักสะอาด เขาจึงทำความสะอาดพื้นที่นั้นเป็นพิเศษเพื่อให้อีกคนได้ไปพักผ่อน
“อืม ขอบคุณเจ้ามาก เป้าเฟิง” หวงเยว่ยิ้มอ่อนโยนขณะใช้นิ้วเคาะหน้าอกของสามีหนุ่มเบา ๆ แล้วใส่หนังสัตว์กลับเข้าไปในมือของเขา จากนั้นนางก็หันหลังเดินไปใต้ต้นไม้
“แค่นี้สบายมาก”
เป้าเฟิงรู้สึกต้องมนตร์สะกดด้วยรอยยิ้มที่หญิงสาวส่งมา เมื่อมองไปที่แผ่นหลังอันบอบบางของอีกฝ่าย เขาก็ห้ามปากตัวเองไม่ให้ยิ้มตามไม่ได้
“ถุย! นังแพศยา!” สงฮวาถ่มน้ำลายออกมาเพราะความอิจฉาก่อนจะใช้เท้าบดขยี้พื้น
หลังจากจบฉากพลอดรักแสนหวาน ทุกคนก็ถอนหายใจและตั้งสมาธิกับการขุดผลไม้ดินต่อไป
ในเวลาเดียวกัน หวงเยว่เดินไปใต้ต้นไม้แล้วมองเป้าเฟิงที่กำลังทำงานหนัก ไม่นานรอยยิ้มเยาะก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
ถัดมา หงส์สาวมองไปรอบ ๆ ก่อนจะแอบเข้าไปในป่าที่ห่างไกลในขณะที่ไม่มีใครสนใจตน
เมื่อเร็ว ๆ นี้นางไม่สามารถออกจากเผ่าไปไหนได้ อีกทั้งนางไม่สามารถหาโอกาสอยู่คนเดียวได้เลย ในที่สุดวันนี้นางก็มีโอกาสสักที
แม้ว่าการทำแบบนี้มันจะยากกว่าการส่งข่าวออกไปนอกเผ่า แต่ตราบใดที่มีเวลาเพียงพอ นางจะสามารถส่งข่าวของเผ่าออกไปได้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน
ทางด้านพวกหูเจียวเจียว หูหมินกับหู่จิงมักจะแอบใส่ผลไม้ดินที่ตัวเองเก็บลงในตะกร้าของจิ้งจอกสาวเป็นครั้งคราว
นอกจากนี้ ลูก ๆ ยังช่วยกันเก็บผลไม้ดินมาได้มากมาย
พอถึงเวลาที่หูเจียวเจียวหันกลับมาเพื่อดูว่ายังเหลือพื้นที่ในตะกร้าเท่าไหร่ เธอก็เห็นมันฝรั่งกองจนเต็ม 2 ตะกร้าแล้ว เธอจึงอดสงสัยไม่ได้
“ท่านแม่ หู่จิง พวกท่านวางผลไม้ดินผิดที่หรือเปล่า?”
หญิงสาวชำเลืองมองตะกร้าเปล่าที่อยู่ข้างหลังพวกนางแล้วถามอย่างงุนงง
“โอ๊ะ!” หูหมินหันหน้าไปมองแล้วแสดงความประหลาดใจแบบเกินจริง แถมยังพูดในสิ่งที่ฟังดูไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย “เจียวเจียว เจ้าขุดเสร็จเร็วมาก ในเมื่อขุดเสร็จแล้ว เจ้าก็ควรกลับไปพักผ่อน!”
หู่จิงเองก็ให้ความร่วมมือในการแสดงครั้งนี้ด้วย “โอ้... วันนี้ข้าไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่ ข้าเลยขุดผลไม้ดินได้ไม่มาก”
หูเจียวเจียวถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“...”
คราวหน้าพวกท่านต้องแสดงให้มันเนียนกว่านี้หน่อย โอเคไหม?
“ไม่เป็นไร วันนี้ข้ามีแรงเหลือเฟือ รู้ไหมว่าข้าขุดผลไม้ดินได้เร็วมาก เพราะงั้นมาช่วยกันขุดให้เสร็จเถอะ!”
หูเจียวเจียวพูดพร้อมยิ้มจาง ๆ โดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นการละครของทั้งคู่
ต่อมา เธอเหลือบมองลูก ๆ ที่ชุ่มเหงื่อไปทั้งตัวเพราะออกแรงขุดมันฝรั่งมานาน เธอจึงพูดกับพวกเขาว่า
“หยินชาง อวี้เอ๋อ ถ้าพวกเจ้าเหนื่อยก็ไปนั่งพักตรงโน้นเถอะ”
“เยี่ยมไปเลย!”
เนื่องจากหลงเหยาอยากจะหนีไปจากที่นี่นานแล้ว พอได้ยินแม่จิ้งจอกพูดดังนั้น เขาก็เดินโซเซเข้าไปในป่าพร้อมกับอกเสื้อที่เต็มไปด้วยผลไม้ดิน