ตอนที่ 55 จัดการร้านใหม่
ตอนที่ 55 จัดการร้านใหม่
โชคดีที่สูตรไก่ทอดที่ขายให้กับร้านอาหารใหญ่นั้นเริ่มต้นได้อย่างราบรื่น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาซือต๋า ส่งไก่ไปที่นั่นในตอนเช้าตรู่ทุกวัน และพวกเขาก็ไม่ได้ทอดไก่ขายเองเพียงแค่เตรียมเนื้อไก่และหมักให้พร้อมสำหรับการทอดเท่านั้น
แต่แม้ว่าพวกเขาจะขายเฉพาะไก่หมักพร้อมทอดก็ได้ราคาชิ้นละ 80 อีแปะ และดูเหมือนกิจการของไก่ทอดนี้ดีมาก พวกเขายังต้องทำถึง30 ชิ้นต่อวันและบางวันก็ไม่พอขาย อย่างไรก็ตามเฒ่าแก่ไป๋เจ้าของร้านอาหารใหญ่ ไม่ได้คิดจะขยายการขายเพิ่มในเวลานี้และไม่แนะนำให้ลูกค้าซื้อกลับบ้าน โดยบอกว่าไก่ทอดจะอร่อยที่สุดเมื่อทานตอนร้อน ๆ ดังนั้นจึงจึงควรมาที่ร้านเท่านั้น ลูกค้าจะมาที่ร้านเพื่อสั่งไก่ทอดเพียงอย่างเดียวนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ทุกโต๊ะมักจะสั่งของว่างอื่น ๆ เพิ่มด้วย
ด้วยการตลาดเช่นนี้ซือต๋า ยังยอมรับว่าเฒ่าแก่ไป๋นั้นมีแนวคิดทางธุรกิจอาหารที่ดี นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะได้เป็นเจ้าของร้านอาหารใหญ่เช่นนี้
หลังจากกินข้าวเสร็จ ชุนหยาเรียกหาหาเถี่ยโถวเพื่อขอให้เขาฝึกอ่านคำศัพท์ใหม่ที่สอนก่อนหน้านี้ ช่วงนี้ทุกวันนี้ชุนหยา ออกไปแต่เช้าและกลับมืด ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงให้เขาทบทวนเนื้อหาที่สอนก่อนหน้านี้เป็นประจำทุกวัน เพราะหากเธอให้เถี่ยโถวไปกับเธอด้วยและสอนเขาคนเดียว ชุนหยาก็กลัวว่า หยานซีแลีและซานหนิว จะจะเรียนตามไม่ทัน เนื่องชุนหยาตกลงกับเพื่อบ้านแล้วว่าจะรับผิดชอบสอนให้ให้กับเด็ก ๆ
เถี่ยโถวที่วิ่งเล่นกับต้าจินไปทั่วสนาม กระโดดไปหาชุนหยา นำหนังสือมาอ่าน เขาส่ายหัวและถามชุนหยาหลังจากอ่าน: “ท่านพี่ ข้าฉลาดขึ้นไหม”
“ฉลาดเจ้าฉลาดที่สุด น้องชายของข้าฉลาดมาด ข้าจะสอนเจ้าเขียนดีไหม?” ชุนหยา ยิ้มและชื่นชมน้องชายตัวเล็ก
“ดี ข้าอยากเขียนได้เหมือนพี่” เถี่ยโถวถามพลางเอียงศีรษะไปมาอย่างน่ารัก
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะกำลังแขนของเจ้ายังอ่อนเกินไปเจ้าจะยังเขียนได้ไม่ดีนัก แต่ไม่เป็นไร เราจะฝึกเขียนทุกวัน และเมื่อเจ้ามีกำลังในการถือพู่กันที่มั่นคง เจ้าก็เขียนได้ดี” ชุนหยากล่าวอธิบาย
เถี่ยโถวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด : “ข้าเข้าใจแล้ว... ถ้าอย่างนั้นข้าควรกินอาหารให้มากขึ้นทุกวัน เพื่อที่ข้าจะได้ตัวสูงและมีพละกำลังมากขึ้น!”
เมื่อนั่งฟังอยู่ฉื้อโถว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “เจ้ากินมากเกินไปไม่ได้ และต้องทำทุกอย่างพอประมาณ ดูหน้าเจ้าสิมันดูบวม ๆ อย่าอะไรกินตามใจ”
“ใช่ ท่านแม่ก็รู้ว่าเด็ก ๆ ควรกินยังไงให้พอเหมาะ” ชุนหยา หันไปถามนางจาง
“อะไรนะ อ่อ..” นางจางทำหน้างงและไม่ทันได้ฟังที่ลูก ๆ พูดคุยกัน
ซือต๋าและฉื้อโถว มองหน้ากันแล้วยิ้มขณะที่พวกเขามองดูทุกคน
ช่วงนี้พวกเขายุ่งและเหนื่อยมากแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แต่อย่างน้อยครอบครัวทั้งหมดก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะงานจะหนักแค่ไหนพวกเขาก็อยู่ได้
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางจาง ไปทักทายพี่น้องที่บ้านเก่าของตระกูลซือและวางแผนที่จะไปที่ร้านใหม่พร้อมกับซือต๋าและลูก ๆ ที่บ้านมีของมากมายและเธอไม่สะดวกที่จะออกไปข้างนอกมากนัก แต่เนื่องจากครอบครัวย้ายร้านเธอต้องไปดูให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่รู้จักร้านของตัวเอง
เมื่อพวกเขามาถึงประตูเข้าเมือง ซือต๋าต้องแยกไปที่ เหอเซี่ยจู ก่อนเพื่อส่งไก่หมัก ส่วนชุนหยาและคนอื่น ๆ ตรงไปที่ร้านค้าใหม่ก่อน
ทันทีที่เขาไปถึงทางเข้าซอย พวกเขาก็เห็นเซียวซี เสี่ยวหวู่ และย่าของเด็กทั้งสอง รออยู่ตรงนั้นแล้ว เมื่อเซียวซี เห็นชุนหยาเขาก็รีบเข้าไปทักทายเธอทันที “พี่สาวชุนนหยาวันนี้ท่านจะอยู่ที่นี่ด้วยใช่
ไหม?”
และเมื่อเห็นว่านางจาง ก็มาด้วยเขาจึงทักทายอย่างสุภาพด้วยเช่นกัน
ชุนหยายิ้ม ทักทาย : “อย่ายืนคุยกันตรงนี้นี้เลย เราเข้าไปในร้านก่อนดีกว่า”
เมื่อเปิดประตูและเข้าไปในร้าน ชุนหยาแนะนำทุกคนให้รู้จักกันอีกครั้ง ย่าของเซียวซีก็ชื่นชมชุนหยา ต่อหน้านางจาง ว่าเธอเป็นเด็กดีมีจิตใจที่งดงามและดูฉลาดมาก นางจางได้แต่ยิ้มตลอดเวลาที่มีคนชมลูกสาว แม้ว่าเธอมักจะบ่นเกี่ยวกับความดื้อรั้นของลูกสาวคนนี้
เดิมทีเมื่อนางจางเข้ามาในร้านนี้เธอรู้สึกพอใจ นอกจากทำเลที่ตั้งแล้ว ห้องขนาดใหญ่สามห้องที่หันหน้าไปทางทิศใต้ยังสว่างและกว้างขวาง ซึ่งเทียบไม่ได้กับร้านครึ่งหนึ่งที่เคยเช่าก่อนหน้านี้ มาถึงสวนหลังบ้านเธอก็ยิ่งพอใจ แม้ว่าในสวนหลังบ้านจะแยกกันแต่พื้นที่ทั้งหมดก็เท่ากับห้องด้านหน้า แต่ละห้องมีขนาดประมาณ 20 ถึง 30 ตร.ม. มีห้องครัวและบ่อน้ำอยู่ทางทิศตะวันตกและประตูหลังบ้านอยู่ทางทิศตะวันออก ลานทั้งหมดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีราคาเป็นเงิน 10 ตำลึง หนึ่งปีก็ถือว่าคุ้มมาก!
เมื่อเห็นว่านางจางพอใจ ชุนหยาก็ยิ่งดีใจ และตอนนี้ซือต๋าก็กลับมาที่ร้านในเวลาอันสั้น และหลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันแล้ว ก็เริ่มจัดร้านให้เหมือนโรงอาหารของโรงเรียนก่อน เพื่อให้มองเห็นได้ง่าย
ตู้เตี้ย ๆ แถวหนึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกใกล้กับห้องครัวและอาหารที่ปรุงสดใหม่ทุกวันจะเสิร์ฟในชามใบใหญ่ที่สุด วางเรียงกัน คนหนึ่งทุ่มเทให้กับการทำอาหารและอีกคนทุ่มเทให้กับการคิดเงิน
เพราะหากลูกค้าเข้าต้องสั่งอาหารพร้อม ๆ กันทั้งหมดและบริกรก็สำคัญ นอกจากนี้ คุณย่าของเซียวซียังจะทำหน้าที่ล้างจานและเซียวซีก็คอยชักชวนลูกค้าให้เข้ามาในร้าน กำลังคนที่ร้านเวลานี้ก็เหมาะสมแล้ว
สำหรับการแบ่งงานไปบางส่วนแล้วซือต๋ายังรับหน้าที่ ทำอาหาร ทำบัญชี และดูแลห้องโถงด้วยตัวเอง ส่วนพี่ฉื้อโถวและโถ่วจินก็ผลัดกันทำงานส่วนอื่น ๆ 2 คนนี้จะต้องเหนื่อยกว่าทุกคนและพวกเขาจะต้องทำได้ใรทุกหน้าที่ หากฉื้อโถว จะกลับไปทำฟาร์มกับ กับชุนหยาและนางจาง โถ่วจินก็จะดูแลที่ร้านแทนฉื้อโถวได้ ด้วยความเคยชินในการดูแลทุกอย่างในร้านมานานพวกเขาย่อมสามสารถเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ และเป็นเจ้าของมันได้ ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องฝึกอะไรอีกแล้วแล้วเหรอ?
เมื่อตอนนี้ต้องทำหน้าที่คิดเงินในครั้งแรก โถ่วจิน ตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าลูกค้าต้องการจ่ายเงิน เขาถามซือต๋าเสมอว่า : “ท่านลุง ข้าจะทำได้ไหม?”
ซือต๋าได้ตะคอกเสียงดังตอบเขา : “เจ้าจะทำได้หรือไม่ได้มันอยู่ที่ตัวเจ้า ทุกวันนี้เราค้าขายการคำนวณเป็นเรื่องสำคัญและถึงเวลาที่เจ้าจะต้องถูกทดสอบ นอกจากนี้ มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นเจ้าคำนานในใจยังทำได้”
“ข้ารู้ แต่ถ้าข้าทำผิดพลาดล่ะ?” โถ่วจิ่น เริ่มรู้สึกว่าประหม่ามากขึ้น
“หักเงินดีไหม ข้าจะทำยังไงดี แต่เจ้ายังไม่ได้เริ่มทำเลย ทำไมเจ้าถึงคิดว่าจะผิดล่ะ เจ้าต้องมั่นใจในตัวเอง” ซือต๋า ตบไหล่โถ่วจิน
ซือต๋ารู้ว่าหลานของเขานั้นยังประหม่าและยังกลัวสิ่งนี้ เขาเริ่มไตร่ตรองว่าเขาปกป้องเด็กคนนี้ดีเกินไปหรือไม่
ฉื้อโถว ซึ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากเช่นกันแสร้งทำเป็นสงบและพูดกับ โถ่วจิน : “ไม่เป็นไร เจ้ารู้ราคาอาหารอยู่แล้ว แค่คำนวณตามที่เจ้ารู้ไม่มีอะไรมากหรอก”
จากนั้น โถ่วจินก็ทำหน้าที่คิดเงินไปตามที่ฉื้อโถวบอกและเขายังไม่มันใจ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากหารือเกี่ยวกับแผนการจ้างงานแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการคำนวณว่าจะซื้อโต๊ะ เก้าอี้ และม้านั่งกี่ตัว ตอนนี้ครอบครัวของพวกเขายังยากจน และการเปิดร้านในช่วงแรกยังไม่มีลูกค้ามากนัก ที่ร้านมีโต๊ะเพียงสี่โต๊ะที่นำมาจากร้านเก่าก็เพียงพอ แต่พวกเขาเห็นตรงกันว่าจะต้องเพิ่มอีกแปดโต๊ะพร้อมเก้าอี้ที่เข้าชุดกัน
จากนั้นมีชามและตะเกียบที่ต้องหาเพิ่ม เช่นเดียวกับชั้นวางเครื่องปรุงรสและของแห้ง รวมถึงของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องใช้ในร้าน
โชคดีที่ชุนหยารู้ว่าวันนี้เธอจะต้องซื้อของบางอย่างเพิ่ม ดังนั้นเธอจึงเขียนและจดรายการที่ต้องซื้อไว้แล้ว และการจัดซื้อถูกส่งมอบหน้าที่ให้กับซือต๋า
ในขณะที่นางจาง พาชุนหยาและเซียวซี และคนอื่น ๆ ไปกวาดลานทั้งภายในและภายนอก ชุนหยายืนอยู่กลางลานบ้านและมองไปรอบ ๆ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอรู้สึกว่าควรมีการใช้ห้องสามห้องด้านหลังให้เป็นประโยชน์ แล้วควรต้องมีการปรับปรุงใหม่
ห้องทั้งสามห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ชุนหยาวางแผนที่จะจองสองห้องเป็นห้องอาหารส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และวางชั้นเก็บของไว้อีกห้องหนึ่ง ควรมีโต๊ะเล็ก ๆ และเก้าอี้ปรับเอนได้ 2 ตัว เพื่อให้พ่อและพี่ ๆ ของเธอได้พักผ่อน หลักจากเก็บกวาดร้านในแต่ละวัน