ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 57 แผนการนิกายนวาระทมิฬ
“…”
เซวียนห่าวหันกลับไปหายอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดจากนิกายนวาระทมิฬ เซวียนห่าวตัดสินใจที่จะไม่ตอบคำถามของเขา เซวียนห่าวดึงกระบี่ออกมา
ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดจากนิกายนวาระทมิฬอยู่เพียงขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดขั้นเริ่มต้นเท่านั้น เซวียนห่าวสามารถจัดการกับผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย
“!” ชายในชุดคลุมดำหรี่ตามากขึ้นเมื่อเห็นเซวียนห่าวดึงกระบี่ของเขาออกมา
“ข้าคือผู้อาวุโสนิกายนวาระทมิฬ เจ้าแน่ใจรึว่าจะต่อกรกับข้า!” เมื่อเห็นสิ่งที่เซวียนห่าวกำลังจำทำ เขาจึงใช้ภูมิหลังของตนเข้าข่มขู่
นิกายนวาระทมิฬเทียบได้ว่าเป็นนิกายที่แข็งแกร่งเป็นอันดับห้าในอาณาจักรนภาสวรรค์ ไม่มีใครกล้ารุกรานพวกเขาหากไม่มีสาเหตุ
“เจ้าทำร้ายศิษย์ของข้า มิหนำซ้ำยังจะพยายามสังหารนาง แล้วข้าควรทำเช่นไร ปล่อยเจ้าไปหรือไม่?” เซวียนห่าวเลิกคิ้วขณะที่เขามองชายชุดคลุมดำอย่างสงสัย
“…” ชายชุดคลุมดำพูดไม่ออกเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เซวียนห่าวกล่าว
หากมีผู้ที่พยายามฆ่าศิษย์ของเขา เขาคงจะแก้แค้นพวกเขาและฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ที่ชิงอี้ทำร้ายไป๋เฟย เขาพยายามฆ่านางโดยใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อช่วยตระกูลของศิษย์ของเขาเข้าควบคุมเมืองอาทิตย์สาดส่อง...
“ข้าเข้าใจแล้ว... ข้าไม่มีทางเลือก!” นัยน์ตาของชายในชุดคลุมดำส่องประกายร้ายกาจ ทันใดนั้นเส้นเลือดก็เจาะทะลุขึ้นมาจากพื้นและทิ่มแทงเหล่าคนตระกูลไป๋ที่เหลืออยู่ รวมถึงไป๋เฟย
“…” เซวียนห่าวอ้าปากด้วยความประหลาดใจ เขาเฝ้าดูชายชุดคลุมดำสังหารพันธมิตรฝั่งตนจนหมดสิ้น
“...”
“ตระกูลไป๋...”
ตระกูลชิงและฝูงชนโดยรอบมีท่าทีไม่ต่างกัน พวกเขาจ้องมองชายชุดคลุมดำด้วยความสยดสยอง
ร่างกายของตระกูลไป๋ทั้งหมดค่อย ๆ แห้งเหือดไปเนื่องจากเส้นเลือดได้ดูดกลืนเลือดและพลังปราณทั้งหมดภายในร่างกายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ช่ารู้สึกดีเสียนี่กระไร” เส้นเลือดกลับมาเชื่อมต่อกับชายชุดคลุมดำ เลือดและพลังปราณที่พวกมันดูดกลืนก่อนหน้าถูกย้ายกลับเข้าไปในร่างกายของเขา
เซวียนห่าวตัดสินใจว่าการเฝ้าดูรัศมีพลังของชายชุดคลุมดำที่ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเขาดูดซับเลือดและพลังปราณของตระกูลไป๋ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าสิ่งนี้ไม่เป็นเรื่องดี เขาจึงฟันกระบี่เข้าหาชายชุดคลุมดำอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่ากระบี่ของเจ้าจะสามารถต่อกรกับข้าได้หรือ” ชายชุดคลุมดำยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม เขาสะบัดมือและเส้นเลือดก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นและสร้างกำแพงกั้นระหว่างเขากับกระบี่ของเซวียนห่าว
กระบี่ฟันลงบนกำแพงเลือดและฟันผ่านพวกมันในทันทีราวกับมีดร้อน ๆ ที่กรีดน้ำแข็ง
“นวาระปัดป้อง!”
ชายชุดคลุมดำตระหนักว่าเซวียนห่าวนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้และเส้นเลือดที่หนากว่าเดิมก็ปะทุขึ้นจากพื้นในขณะที่ดอกกุหลาบสีดำทมิฬบานอยู่ด้านบน
ไม่นานกระบี่ฟันก็พบกับกุหลาบดำทมิฬนี้ กระบี่พุ่งเข้าใส่การป้องกันของผู้อาวุโสชุดคลุมดำโดยตรงจนเกิดการระเบิดที่รุนแรง
เมื่อเห็นกุหลาบสีดำทมิฬของตนค่อย ๆ ถูกฟันด้วยกระบี่ ชายชุดคลุมดำก็รู้ได้ทันทีว่าตนนั้นไม่สามารถต่อกรกับเซวียนห่าวได้ เขาจึงใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวของเขาอย่างรวดเร็วและพยายามถอยหนี
จะมีผู้ใดเล่าที่จะยอมสู้ทั้งที่รู้ว่าตนต้องแพ้?
ชายในชุดคลุมดำใช้พละกำลังของเขา เขารีบดูดกลืนพลังปราณจากผู้คนโดยรอบราว ๆ สองร้อยคนเพื่อฟืนพลังของตนที่เข้าปะทะกับเซวียนห่าวครั้งก่อนหน้า!
“นิกายนวาระทมิฬของข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ในสักวัน เมื่อถึงวันนั้นข้าจะทำให้เจ้าต้องอัปยศอดสู!” ชายชุดคลุมดำหายตัวไปอย่างช้า ๆ
“เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือ?” เซวียนห่าวใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวของเขาไล่ตามชายชุดคลุมดำอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะสามารถบินได้ แต่เคล็ดวิชาย่างก้าวนั้นค่อนข้างเร็วกว่าเมื่อจะพยายามไล่ตามชายผู้นั้น
“...” ชิงอี้และคนอื่น ๆ ในตระกูลชิงไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น พวกเขาสังเกตเห็นผลลัพธ์ของการปะทะกันก่อนหน้านี้ระหว่างเซวียนห่าวและชายชุดคลุมดำจากนิกายนวาระทมิฬ
ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ตระกูลไป๋ส่วนใหญ่ก็ถูกกวาดล้างไปจนสิ้นแม้แต่ไป๋เฟย ศิษย์ของชายผู้นั้นก็ถูกอาจารย์ของตนสังหาร
ชิงอี้ไม่มีรู้ว่าเพราะเหตุใด นางเคยได้ยินจากอาจารย์ว่าครั้นอดีตนิกายนวาระทมิฬได้บ่มเพาะเคล็ดวิชามารจนกระทั่งตอนนี้ที่นางได้เห็นเคล็ดวิชานั่นด้วยตาของตน
การดูดกลืนพลังปราณจากผู้อื่นจะมิกล่าวว่านี่คือผู้ฝึกตนมารได้เช่นไร? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเคล็ดวิชามาร!
ชิงอี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อยขณะที่นางมองไปยังทิศที่อาจารย์และชายชุดคลุมดำหายตัวไปโดยหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน เซวียนห่าวกำลังจะไล่ตามชายชุดคลุมดำจากนิกายนวาระทมิฬ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีรัศมีอันตรายพุ่งเข้าหาเขา
“!”
เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงถอยออกไปในทันที เซวียนห่าวแทบจะไม่สามารถหลบกระบี่สีดำทมิฬที่พุ่งมาจากท้องฟ้าและขวางเส้นทางของเขาได้
“นี่คือสิ่งใดกัน...” เซวียนห่าวชะงักฝีเท้า เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกผู้ที่สวมชุดคลุมดำเช่นเดียวกันกับคนก่อนหน้า
“เจ้าหนีสิ่งใดกัน สถานการณ์ของเมืองอาทิตย์สาดส่องเรียบร้อยดีหรือไม่” การมาถึงของผู้นี้ทำให้เซวียนห่าวสงสัย
“ไม่... ชายผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นและเขามีศิษย์อยู่ในเมืองนั้นเช่นกัน...” ชายชุดคลุมดำที่วิ่งหนีเซวียนห่าวก่อนหน้านี้หยุด เขากล่าวขึ้นและชี้ไปที่เซวียนห่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว... เราต้องถอยก่อน สถานการณ์ของเมืองอาทิตย์สาดส่องมิส่งผลต่อแผนการของเรามากนัก”
“ก็ได้... แต่หากพบกับเขาครั้นหน้าเราต้องสั่งสอนเขาเสีย ไม่มีใครที่กล้าต่อกรกับนิกายนวาระทมิฬของพวกเรา!”
เซวียนห่าวเฝ้าดูชายชุดดำทั้งสองที่หายตัวไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย การมาถึงของอีกคนนี้ส่งกลิ่นอายที่เป็นอันตรายอย่างชัดเจนและเซวียนห่าวไม่มีแผนที่จะโจมตีคนผู้นี้โดยประมาท
“…”
พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าได้ยินสิ่งที่พวกเจ้าคุยกัน...? ข้ารู้ด้วยซ้ำว่าพวกเจ้ามาจาก นิกายนวาระทมิฬ…
เซวียนห่าวมองไปยังทิศที่ชายชุดคลุมดำสองคนจากนิกายนวาระทมิฬออกไปโดยไม่พูดสิ่งใด เซวียนห่าวสงสัยว่าพวกเขารู้เรื่องนั้นหรือไม่
หรือว่าพวกเขาคิดว่าเซวียนห่าวจะมิสามารถหยุดยั้งแผนการของพวกเขาได้
เซวียนห่าวส่ายหัวเล็กน้อย เขาหันกลับและเดินทางกลับไปยังเมืองอาทิตย์สาดส่องโดยไม่คำนึงถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
วันนี้ช่างเหนื่อยล้าเสียจริง เขาไม่ต้องการจัดการกับแผนการใด ๆ ก็ตามที่คนจากนิกายนวาระทมิฬกล่าวถึง…