ตอนที่แล้วบทที่ 113 - การพบกันของสองสาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 115 – การฝึกฝนก่อนร่วมประลอง

บทที่ 114 – การต่อสู้เพื่อราชบัลลังก์


ตอนที่ฟังบทสนทนาของพวกเราอยู่ สีหน้าของไหสุ่ยเริ่มซีดลงเรื่อย ๆ เริ่มยืนไม่มั่นคงและมีอาการเซ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ผมต้องรีบลุกขึ้นมาพยุงเธอไว้ “ไหสุ่ย! เธอเป็นอะไร?” ผมช่วยให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ ผม

หลังจากเธอนั่งลงแล้ว เธอฝืนยิ้มออกมาก่อนจะบอกผม “ฉันไม่เป็นไร! จางกง ยินดีกับนายด้วยที่ได้คบกับมู่จือ”

ผมกล่าวกับเธออย่างภูมิใจในตัวเองมาก “ขอบใจ! นี่เป็นผลมาจากความพยายามอย่างมากเลยนะ เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อก่อนเธอเย็นชากับฉันแค่ไหน”

หน้าของไหสุ่ยซีดลงมากกว่าเดิมหลังจากได้ยินผมพูด ผมถามอย่างเป็นห่วง “ไหสุ่ย! ดูท่าทางของเธอน่าจะไม่ค่อยดีแล้ว ให้ฉันช่วยพาเธอไปหาที่พักผ่อนก่อนมั้ย?”

ไหสุ่ยลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร! ไม่ต้องไปส่งหรอก ฉันกลับเองได้! อากาศวันนี้น่าจะร้อนเกินไป พวกนายกินกันต่อเถอะ ฉันกลับไปพักก่อน!”

“เธอแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร?” ผมยังถามด้วยความเป็นห่วง

ไหสุ่ยยิ้มทั้งที่หน้ายังซีดอยู่ “ไม่เป็นไร ฉันไปก่อนนะ”

ตอนที่ผมมองเธอเดินจากไป ผมหันมาถามมู่จือ “ไหสุ่ยเป็นอะไรไป? นักเวทย์ระดับสูงน้อยครั้งที่จะไม่สบาย?”

มู่จือหัวเราะคิกคัก ก่อนจะถามว่า “นายมันโง่จริง ๆ หรือว่าแกล้งโง่? ต่อให้เป็นคนตาบอดยังรู้เลยว่าที่เธอเป็นแบบนั้นก็เพราะนายนั่นแหละ อาการของเธอ ปฏิกิริยาของเธอตอนที่ได้ยินเรื่องของเรา ไม่ใช่อาการของเพื่อนธรรมดา ๆ”

ผมค่อย ๆ ถามอย่างไม่แน่ใจ “มันจะเป็นเพราะฉันได้ยังไง? แล้วยังไงที่บอกว่าไม่เหมือนเพื่อนธรรมดา ๆ?”

มู่จือบุ้ยปาก ก่อนตอบ “ก็เธอชอบนายไง! พอเธอเห็นเราอยู่ด้วยกัน และได้ยินว่าฉันตกลงคบกับนาย เธอก็อารมณ์เสียขึ้นมา!”

ผมต้องรีบปกป้องตัวเองทันที “มู่จือ อย่าเข้าใจฉันผิดนะ! ไหสุ่ยกับฉันเป็นแค่คนที่เคยเรียนที่เดียวกันเท่านั้น ที่โรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวงเท่านั้นจริง ๆ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน! ฉันคิดว่าเธอเป็นน้องสาวเสียด้วยซ้ำ!”

“ฉันไม่ได้เข้าใจผิดเสียหน่อย ไปถามใครดูก็ได้! ทุกคนดูออกหมดแหละว่าเธอชอบนาย” มู่จือกล่าว “อันที่จริง ไหสุ่ยก็ไม่เลวนะ เธอสวยออก  แถมมาจากตระกูลใหญ่ด้วย เธอเหมาะสมกับนายมากกว่าฉันเยอะ!”

ตอนนี้ผมเครียดจนหน้าดำแล้ว “เธอพูดอะไรน่ะ? ถ้าฉันชอบเธอ! ฉันก็ตามจีบเธอไปตั้งนานแล้ว แต่คนที่ฉันชอบคือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ต่างหาก!” หลังจากที่ผมพูดจบ ตัวผมเองถึงกับผงะ เมื่อกี้ที่ผมพูดไปเหมือนว่าผมจะตกหลุมรักมู่จือจริง ๆ มันเป็นไปได้หรือไม่ว่าผมตกหลุมรักเธอจริง ๆ?

หลังจากที่มู่จือได้ยินผมพูด เธอก้มหน้าต่ำลง หน้าแดงด้วยความอาย “นายพูดเสียงเบา ๆ หน่อยได้มั้ย? พอแล้ว! ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว กินกันเถอะ”

หลังจากเสร็จมื้อเย็น ผมกับมู่จือพากันเถลไถลอยู่ในสถาบันอีกนานมาก พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก แต่มีเธอเดินอยู่ข้าง ๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและพึงพอใจมากแล้ว ผมเผลอไปจูงมือเธอ แน่นอนว่าเธอพยายามจะชักมือออก แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจมากนัก ความรู้สึกของการที่ได้จับมือเธอไว้มันยอดเยี่ยมจริง ๆ มือของเธอเล็กมาก มันทั้งเรียบและเนียนนุ่ม ราวกับว่ามือของเธอไม่มีกระดูกเลยทีเดียว พวกเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนฟ้ามืด ก่อนที่ผมจะส่งเธอกลับหอพักของเธอ ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าผมตกหลุมรักเธออย่างเต็มที่ ความคิดที่จะแก้แค้นในตอนแรกมันหายไปหมดแล้ว หลังจากส่งเธอเสร็จ ผมก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง หม่าเคอกำลังรอผมอยู่ข้างใน พอเห็นผมเขาก็บ่นทันที “พี่ใหญ่! พี่หายไปไหนมา? ผมรอพี่อยู่ตั้งนานแล้วเนี่ย!”

“โอ้! ฉันแค่เดินเล่นอยู่ในสถาบันนี่แหละ แล้วการเจรจาเป็นยังไงบ้าง?”

หม่าเคอตอบ “มันพูดยากครับ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสที่จะเป็นฝ่ายชนะ”

“ด้วยความแข็งแกร่งตอนนี้ พวกเรายังทำให้เขายอมแพ้ไม่ได้อีกเหรอ?” ผมถามด้วยความสงสัย

“ยอมแพ้? ทำไมพวกเขาถึงจะยอมแพ้? พวกเขาก็มีเมธีเวทย์ 4 คนเหมือนกับพวกเรา มันไม่ง่ายหรอกที่จะทำให้พวกเขายอมแพ้ หลังจากการเจรจากันมาครึ่งวัน พวกเราตกลงกันว่าจะมีการประลองระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายที่ชนะจะมีสิทธิปกครองอาณาจักรอ้ายเซี่ย”

ผมไม่ชอบใจกับผลลัพธ์นี้ “การประลอง? มันไม่เหมือนเด็กเล่นไปหน่อยเหรอ? การสืบทอด! การปกครองอาณาจักรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก! ทำไมพวกเขาต้องการใช้แค่การประลองเป็นตัวตัดสิน?”

หม่าเคอถอนหายใจ “บางที นี่อาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วก็ได้ อ้ายเซี่ยเป็นอาณาจักรแห่งเวทย์มนต์ ถ้าใครมีพลังเวทย์สูง คน ๆ นั้นจะได้รับความเคารพ และจะมีสถานะทางสังคมสูงขึ้นไปด้วย ถ้าทั้งสองฝ่ายเกิดการต่อสู้ มีการทำสงครามกันขึ้นมาจริง ๆ ฝ่ายที่มีพลังเวทย์มากกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะอยู่ดี มันยังเป็นการประลองกันของนักเวทย์อยู่ดี ดังนั้นการจัดเป็นการประลองขี้นมาน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า มันช่วยลดการบาดเจ็บและล้มตายที่ไม่จำเป็นลงได้”

ผมพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่หม่าเคอกล่าว และคิดอยู่ในใจว่า นั่นมันก็จริง! มันเป็นวิธีที่ดีสำหรับการลดความเสียหายโดยรวมลง เปลี่ยนจากสนามรบเป็นสนามประลอง ลดขนาดของการต่อสู้ลงมา “มันก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกันนะ!” ผมบอกหม่าเคอไป

“แน่นอนว่ามันมีเหตุผลของมัน นี่เป็นการเสนอของอาจารย์ตี้ และผู้อำนวยการเจิ้นก็เห็นด้วยกับเขา หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยเรื่องการประลองนี้ จนได้ผลสรุปออกมาว่า ผู้ชนะจะได้เป็นผู้ปกครองอาณาจักร ส่วนผู้แพ้จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่เข้ามาแย่งชิงอำนาจอีก แล้วยังมีข้อห้ามอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือในระหว่างการประลองห้ามไม่ให้ทำร้ายคู่ต่อสู้จนสาหัสเกินไป”

อ้อ! ที่แท้ก็เป็นความคิดของอาจารย์ตี้ ถ้าอย่างนั้นก็หมดกังวลไปเรื่องหนึ่ง ยังไงเสียอาจารย์ตี้ก็เป็นคนที่มีเกียรติ! ผมหยุดคิด แล้วหันไปถามหม่าเคอ “แล้วเราจะทำการประลองกันยังไง?”

“ตอนแรก! ฝ่ายเราเสนอว่าควรเป็นการแข่งแบบชนะสองในสาม แต่อีกฝ่ายบอกว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะฝ่ายเรามีอาจารย์ตี้ กับอาจารย์เจิ้น ที่มีอันดับสูงกว่าเมธีเวทย์ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเสนอให้เป็นการชนะสามในห้าแทน เพราะฝ่ายเราเป็นผู้เสนอเรื่องการประลองขึ้นมา ดังนั้นพอพวกเขาเสนอวิธีการ เราก็ได้แต่ทำตามความต้องการของพวกเขา หลังจากนี้อีก 3 วัน การประลองจะจัดขึ้นอย่างเป็นความลับในวังหลวง อาจารย์ตี้สั่งให้ผมมาบอกพี่ให้ยื่นใบลาพักกับสถาบันตั้งแต่วันพรุ่งนี้ แล้วกลับไปหาเขาที่โรงเรียน พี่จะได้ฝึกซ้อมเพิ่มเติมได้อย่างเต็มที่ โอกาสในการเอาชนะการประลองจะได้สูงขึ้น”

ผมถึงกับสะดุ้ง “ฉันต้องเข้าร่วมการประลองด้วย? ทั้งความสามารถและประสบการณ์ด้านเวทย์มนต์ของพวกเขาสูงลิ่ว ฉันจะไปประลองกับพวกเขาได้ยังไงกัน?”

หม่าเคอหัวเราะแห้ง ๆ “พี่ใหญ่! เรื่องนี้พี่พูดผิดแล้ว! พี่น่ะเป็นอาวุธลับของพวกเรา มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าพี่เป็นเมธีเวทย์ พี่ถูกเลือกให้สู้เป็นคู่สุดท้าย ดังนั้นพี่จะได้เปรียบคนที่ถูกส่งมาสู้กับพี่อยู่แล้ว ฮ่าฮ่า! นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำไมพวกเราถึงยอมรับการประลองห้าคู่”

นี่ถือว่าเป็นการวางแผนที่ดี อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความรู้สึกบางอย่างติดอยู่ในใจ เหมือนกับว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ แต่ในเมื่อเรื่องทั้งหมดถูกตัดสินใจไปแล้ว ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ผมแค่ต้องไปยื่นใบลากับสถาบัน!

ผมเดินเข้าไปตบไหล่หม่าเคอ “อือ! นายไม่ต้องกังวล ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด ฉันจะช่วยให้ท่านพ่อของนายได้รับการสืบทอดบัลลังก์อย่างแน่นอน”

หม่าเคอจับมือของผมแน่นอย่างตื้นตันใจ “พี่ใหญ่! ผมให้สัญญากับพี่เลยว่า ท่านพ่อจะเป็นราชาที่ดีอย่างแน่นอน!”

ผมยิ้ม “นายต้องจำคำสัญญาของนายเอาไว้ ฉันจะจับตาดูนายด้วย!”

“ผมทำได้แน่” หม่าเคอยืนยัน

ดูเหมือนว่าการต่อสู้ที่จะตัดสินชะตากรรมของอาณาจักรอ้ายเซี่ยกำลังจะเกิดขึ้น ผมหวังจริง ๆ เลยว่าถ้าเป็นไปได้ของให้มันจบตั้งแต่คู่ที่สี่เถอะ ให้รู้แพ้ชนะกันตั้งแต่จบคู่นั้น ผมจะได้ไม่ต้องขึ้นเวที!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด