บทที่ 113 - การพบกันของสองสาว
ผมตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าสาง แล้วเริ่มออกมาขยับตัวเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฝึก วันนี้ผมเลือกที่จะโคจรพลังการพิพากษาของมังกรทะยานที่พี่ใหญ่จ้านหู่เคยสอนเอาไว้เป็นหลัก จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผมพัฒนาขึ้นมากโดยที่ผมก็ไม่ได้สังเกตุมาก่อน หลังจากฝึกฝนอย่างหนักจนถึงเช้า ผมตัดสินใจกระโดดขึ้นกลางอากาศ และลองใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เพื่อเสริมพลังการกระโดดดู ผลที่ได้ออกมาทำให้ผมประหลาดใจเล็กน้อย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ส่งออกมาทางปลายเท้าของผมมันมากพอแล้ว มันทำให้ผมลอยตัวได้แล้ว ถึงแม้ว่าผมจะทำให้ตัวเองลอยอยู่ได้แค่ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น แต่นี่ก็สุดยอดแล้ว!
ตอนนี้ผมอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว หลังจากผมเข้ามาในห้องเรียน ผมเข้ามานั่งประจำที่โดยไม่ได้มองไปที่มู่จือเลย! ส่วนวิชาเรียนในวันนี้ วิชาแรกเป็นนักเวทย์ชราที่เป็นคนสอน
นักเวทย์เฒ่าเข้ามาในห้อง แล้วกล่าวขึ้น “อาจารย์จะประกาศผลการทดสอบของเมื่อวานก่อน ผลการทดสอบออกมาแล้ว ส่วนใหญ่แล้วทุกคนทำได้ไม่เลว และผ่านการทดสอบได้ แต่ยังมีนักศึกษาบางคนที่ใช้วิธีที่ไม่ซื่อสัตย์ และไร้เกียรติ อาจารย์หวังว่าทุกคนควรจะรู้นะว่า การขี้เกียจไม่ทำให้ประสบความสำเร็จอะไรได้หรอก เอาล่ะ วันนี้อาจารย์จะสอนเรื่อง....”
ดูเหมือนว่าเขาจะพูดถึงผม แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจอะไรที่เขาพูดหรอก ยังไงเสียการทดสอบก็ผ่านไปแล้ว
มู่จือสะกิดผมจากด้านข้าง แล้วกระซิบถาม “นายยังโกรธอยู่เหรอ?”
ผมตอบกลับด้วยเสียงที่ราบเรียบ “ฉันไม่ได้โกรธอะไรนี่ ทำไมฉันต้องโกรธด้วย เธอพูดถูกแล้ว! ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเสียหน่อย มีสิทธิอะไรไปโกรธเธอได้?”
มู่จือสวนกลับมา “นายมันใจแคบ!”
ผมหันไปตอบกลับอย่างโมโห “ใจแคบ? ฉันนี่นะใจแคบ? เธอเพิ่งใช้เงินของฉัน 80 เหรียญเพชรเพื่อกินข้าวไปเมื่อวานนี้เองนะ!”
มู่จือหน้าแดงแล้วกล่าวออกมาอย่างอาย ๆ “ถ้านายไม่ได้ใจแคบ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พวกเราไปกินข้าวกลางวันกันที่นั่นอีกมั้ย?” กินที่นั่นอีกรอบ? ผมหมดตัวแน่ ไม่เกินเดือนผมหมดตัวแน่นอน!
ผมโมโหกว่าเดิมอีก “ฉันไม่รู้สึกอยากกินแล้ว วันนี้ฉันไม่ไป!”
มู่จือเบ้ปาก “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายไม่ไปที่นั่นอีกแน่ นายมันก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่คอยมาตามฉันนั่นแหละ” เธอคอตกก้มหน้าลงไป หลังจากพูดจบ
ผมได้แต่ยอมโดยดี “ก็ได้ ๆ พวกเราไปกันตอนเย็นแทนก็แล้วกัน”
ตาของมู่จือเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แต่แล้วก็กลับมาจิตตกอีกครั้ง “แต่ฉันว่าพวกเราไม่ควรไปอีกแล้วล่ะ นายต้องจ่ายเงินเยอะมาก ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันเป็นคนแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบกินมากขนาดนี้ได้”
ท่าทีที่น่าสงสารของมู่จือทำให้ผมใจสั่น จนต้องพูด “มันไม่ใช่นิสัยที่ไม่ดีอะไรหรอก ถ้าเธอไม่ได้ไปขโมย หรือไปปล้นใครกิน มันเป็นแค่ความชอบเท่านั้น เลิกก้มหน้าได้แล้ว แล้วเราค่อยไปกันตอนเย็น”
มู่จือเริ่มน้ำตาซึม “จางกง! นายเป็นคนดีมากเลย ขอบใจนายมาก แล้วกลางวันพวกเรากินอะไรกันดี?” หลังจากพูดจบ สายตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง
ผมได้แต่ยิ้มขื่นอยู่ในใจ ผมทำตัวขี้เหนียวไม่ได้ “แล้วแต่เธอเลย จะกินอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ”
เธอดีใจมากจริง ๆ “เย่!!” ถึงผมจะต้องเสียเหรียญเพชรอีกเป็นจำนวนมาก แต่อารมณ์ผมกลับดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
ผมกระซิบกับเธออีก “ถ้าเธอยอมคบกันฉัน ฉันจะยอมพาเธอออกไปกินทุกวันเลย!”
มู่จือมองผมเขม็ง ก่อนจะถาม “นายจะพาฉันออกไปกินข้างนอกทุกวันจริง ๆ?”
ผมตอนหนักแน่น “ใช่!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันยอมคบกับนายชั่วคราว! แต่นายต้องรักษาสัญญาของนายด้วย!” มู่จือตอบ
ผมยืนยันด้วยการทุบอกตัวเอง “แน่นอน! ฉันเป็นสุภาพบุรุษ! จะผิดคำพูดได้ยังไง?” ดูเหมือนว่าการพาเธอออกไปหาอะไรกิน จะได้ผลมากกว่าจดหมายรักแฮะ! แต่ตอนที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น ได้ยินเสียงลอยมาอีก “ยังมีเงื่อนไขอีกอย่างหนึ่ง ก่อนที่ฉันจะยอมคบกับนายจริง ๆ นายยังต้องเขียนจดหมายรักมาให้ฉันอ่านทุกวันด้วย”
อา!! ดูเหมือนว่าเธอจะเรื่องมากเหมือนผู้หญิงคนอื่นเหมือนกันนะเนี่ย “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเขียนให้อ่านก่อนฉบับหนึ่งเลย” ผมหยิบกระดาษออกมาแล้วเขียนตัวหนังสือลงไปอย่างรวดเร็ว พยายามบรรยายความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ และแน่นอน! ผมเขียนจดหมายเสร็จได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเนื้อหานะเหรอ? อืม! ก็ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อย่างที่มันควรจะเป็นนั่นแหละ!
มู่จือตั้งใจอ่านจดหมายรักอย่างมาก ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแดงขึ้นเป็นระยะ ๆ ตลอดระยะเวลาที่เธออ่านมัน ซึ่งก็กินเวลานานมากพอควร
หลังจากที่เธออ่านจนพอใจแล้ว เธอยื่นมือมาที่ผม ทำเอาผมตกใจทำอะไรไม่ถูกเลย “เธอจะทำอะไร?”
มู่จือบอกความต้องการออกมา “เอาจดหมายรักฉบับเก่า ๆ มาให้ฉันด้วย ฉันรู้ว่านายเก็บพวกมันไว้”
ผมได้แต่ยอมตามเธอ “มันอยู่ที่ห้องพัก เดี๋ยวตอนบ่ายฉันกลับไปเอามาให้”
หลังจากจบการเรียนในช่วงเช้า สรุปว่าผมต้องพาเธอไปที่ภัตตาคารหยกปริ่มน้ำอยู่ดี อ๊าก!! มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ถึงแม้ว่ามู่จือจะสั่งอาหารน้อยลงแล้ว แต่มันก็ยังมีราคามากกว่า 50 เหรียญเพชร นี่ขนาดได้ส่วนลดแล้วนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ผมต้องไปล้างจานใช้หนี้เข้าสักวันแน่
ตั้งแต่ที่มู่จือตกลงคบกับผม (แบบชั่วคราว) การวางตัวของเธอที่มีต่อผมก็เปลี่ยนไปไม่น้อย เธอจะขี้อายมากขึ้น แล้วก็ไม่ค่อยตำหนิผมมากเหมือนเมื่อก่อน เรื่องพวกนี้มันทำให้ผมอารมณ์ดีทีเดียว
ตอนที่พวกเรากลับเข้าไปที่ห้องเรียนในตอนบ่าย เป็นครั้งแรกที่มู่จือไม่ได้ตั้งใจเรียน แต่เธอกลับตั้งใจอ่านจดหมายรักฉบับเก่า ๆ ที่ผมไปหยิบมาให้เธอจากที่ห้องพัก ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของผมกับเธอจะเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มยอมรับผมแล้ว
ใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว มู่จือหันมาบอกผม “เย็นนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน!”
ผมตกลง “ได้! พวกเราไปกินที่นั่นก็ได้ พวกเราไม่เคยกินด้วยกันที่นั่นเลยนี่”
หลังเลิกเรียน พวกเราพากันไปที่โรงอาหารของสถาบัน ตอนเย็นจะไม่ค่อยมีนักศึกษามาใช้บริการมากนัก เพราะมีคนที่ไม่ได้พักในหอพักมักจะกลับไปกินข้าวที่บ้านตัวเอง พวกเราหาจุดที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก สั่งอาหารมาจำนวนหนึ่ง แล้วนั่งกินอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ตอนกำลังกินกันอยู่ ผมเอ่ยถามมู่จือ “ทำไมเธอถึงไม่อ้วนเลยทั้งที่กินมากขนาดนี้ทุกวัน?”
มู่จือจ้องผมเหมือนจะฆ่าให้ตาย “ทำไมจะไม่อ้วน? ตอนนี้ฉันอ้วนกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ”
“จริงสิ? ฉันไม่เห็นว่าเธออ้วนเลย! ยังคิดอยู่ว่าน่าจะดีกว่านี้ถ้าเธออ้วนขึ้นอีกสักหน่อย”
ตอนนั้นเองผมได้ยินเสียงนุ่มหูลอยมา “จางกง! นายกินข้าวอยู่ตรงนี้เอง!” ผมหันไปมองก็เห็นว่าเป็นไหสุ่ย!
“ไม่ใช่ว่าปกติเธอต้องกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้านเหรอ?” ผมถามด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้มากินที่โรงอาหารได้?”
เธอไม่ได้ตอบคำถามผม แต่เดินเข้ามาใกล้ ๆ คิ้วเธอขมวดเป็นปมตามองอยู่ที่มู่จือ “จางกง! ทำไมนายถึงอยู่กับมู่จือได้? มู่จือ! เธอเป็นยังไงบ้าง?”
มู่จือยิ้มให้อย่างสุภาพก่อนตอบ “ไหสุ่ยนี่เอง! มา! มากินข้าวด้วยกัน!” ผมประหลาดใจว่าทำไมเธอไม่สงสัยว่าผมกับไหสุ่ยรู้จักกันได้อย่างไร”
ไหสุ่ยวางมือของเธอลงบนไหล่ของผม และยิ้มให้กับมู่จือก่อนจะเอ่ยปากถาม “เธอกับจางกงสนิทกันมากเลยเหรอ? ทำไมถึงได้มานั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันได้?”
มู่จือตอบกลับอย่างอาย ๆ “ฉันจะไปสนิทอะไรกับเขามากมายนัก? พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องกันเท่านั้น!”
ผมหน้านิ่วเพราะความโกรธแล้ว “มู่จือ! ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้อีกแล้ว? ไม่ใช่ว่าเธอตกลงที่จะคบกับฉันตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้วเหรอ?”
มู่จือยิ้ม “ทำไมต้องโกรธอีกแล้ว? ตอนนี้ฉันแค่ตกลงคบกับนายชั่วคราวเท่านั้น! นายยังไม่ผ่านการทดสอบเลยนะ!”