บทที่ 112 – ไม่สมกับฉายาตัวเอง
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ข้างหน้าผมก็เหลือแต่จานว่าง ๆ อยู่ไม่กี่ใบ อาหารของที่นี่รสชาติดีจริง ๆ นี่เป็นมื้อที่ดีที่สุดมื้อหนึ่งในชีวิตของผมเลย ผมตบท้องด้วยความพึงพอใจ แต่แล้วก็ต้องสูดหายใจเมื่อมองไปที่มู่จือ
ว้าว! นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย เธอยังไม่หยุดกินเลย เธอนี่ชอบการกินของอร่อยจริง ๆ ผมได้แต่อุทานอยู่ในใจ ข้างหน้าเธอก็วางอยู่ด้วยจานที่ว่างเปล่าหลายใบ แล้วผมยังจำได้ว่าเธอยังแอบดึงบางจานจากทางผมไปด้วยนะ!
ผมได้แต่พยายามส่งผ้าเช็ดปากให้เธอ ก่อนจะเตือนเบา ๆ “ค่อย ๆ กิน ไม่ต้องรีบ ระวังจะติดคอ!”
มู่จือรับผ้าไปเช็ดปากของเธอ ก่อนจะอ้อมแอ้มพูดออกมา “นายก็กินด้วยสิ! อิ่มแล้วเหรอ? ฉันยังอร่อยอยู่เลย!” หลังจากพูดจบ ปากเธอก็ไม่ว่างอีกแล้ว เธอยังกินต่อได้อีก!
ผมได้แต่นั่งอึ้งมองดูเธอกินไปเรื่อย ๆ จนเธอจัดการอาหารที่เธอสั่งมาจนหมดแล้ว
มู่จือระบายลมหายใจยาวออกมาด้วยความพอใจ แล้วเช็ดปาก “นี่มันเยี่ยมมากจริง ๆ! ฉันไม่ได้กินอย่างหนำใจอย่างนี้มานานมากแล้ว”
ผมถามอย่างสงสัย “เธอนี่กินได้อย่างน่ากลัวจริง ๆ! ฉันยอมแพ้ เธอไม่รู้สึกแน่นท้องบ้างเหรอ? กินเข้าไปตั้งมากขนาดนั้น?”
มู่จือแค่ตอบออกมาเหมือนไม่ได้คิดอะไร “ไม่เห็นจะแน่นอะไรเลย! ระบบย่อยอาหารของฉันดีมาก แล้วตามปกติ ฉันไม่ค่อยได้กินมากขนาดนี้หรอก พนักงาน! ขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย เอาเนื้อมังกรแดดเดียวทอดมาสองที่ หูวาฬน้ำเงินตุ๋นน้ำแดงชามหนึ่ง แล้วก็เอาของหวานมาด้วย ของหวานอะไรก็ได้ 2 อย่าง แล้วก็ไอศกรีม 2 ถ้วย!”
ได้ยินเธอสั่งอาหารเพิ่ม ผมต้องรีบบอก “ตอนนี้ฉันอิ่มแล้ว! ฉันกินอะไรเพิ่มไม่ได้แล้วล่ะ! ไม่ต้องสั่งมาเผื่อฉันหรอก!”
เธอหันมามองผมอย่างแปลกใจ “นายไม่กินแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ฉันยังไม่อิ่มนี่! แล้วที่สั่งไปเนี่ย มันของฉันคนเดียว!”
ผมได้แต่มองเธอจัดการกับอาหารของเธออยู่ตรงนั้นด้วยอาการหวาดกลัว จนเธอกวาดอาหารชุดใหม่จนเรียบร้อยในที่สุด แล้วเธอก็ตบท้องเบา ๆ “อืม! ค่อยยังชั่ว ไม่ได้กินจนจุใจมานานแล้ว! เอาล่ะ นายจ่ายเงินได้แล้ว ฉันอิ่มแล้ว! ไม่ต้องสั่งอะไรเพิ่มอีก!”
ผมแอบปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก ในที่สุดเธอก็หยุดจนได้
ผมเรียกพนักงานมาแล้วขอให้ทำการเก็บเงิน แน่นอนเธอใช้เวลาไม่นานในการคำนวณ “คุณชาย! ค่าอาหารทั้งหมดเป็นเงิน 103 เหรียญเพชร 4 เหรียญทอง และ8 เหรียญเงินค่ะ”
ผมถึงกับร้องออกมา “นี่ปล้นกันหรือยังไง? ทำไมมันแพงอย่างนี้?” ผมมองหน้าพนักงานอย่างไม่เชื่อ แต่เธออธิบายอย่างใจเย็น “คุณชาย! วัตถุดิบของทางร้านนั้นเป็นของหายาก ยกตัวอย่างเช่นเนื้อมังกรแดดเดียวทอดนี่จานละ 2 เหรียญเพชร....”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มู่จือบอกให้ผมเตรียมเงินมาเยอะ ๆ ผมรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้มาเลี้ยงข้าวเธอเลย
มู่จือส่งเสียงมาจากด้านข้าง “อา! ทำไมคราวนี้มันแพงจัง! ปกติเมื่อก่อนแต่ละมื้อ ฉันจะจ่ายแค่ประมาณ 70 เหรียญเพชรเอง ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายต้องจ่ายเยอะขนาดนี้”
ผมจะพูดอะไรได้อีก? ผมหยิบบัตรม่วงออกมาจากกระเป๋ามิติ แล้วส่งให้พนักงานสาว เธอรับไปด้วยความเคารพก่อนจะกล่าวกับผม “เราจะมีส่วนลดให้สองส่วน ถ้าท่านชำระค่าอาหารด้วยบัตรม่วง! โปรดรอสักครู่ค่ะ” ได้ยินคำว่าส่วนลดจากปากเธอ หัวใจของผมเจ็บน้อยลงนิดนึง!
มู่จือถามอย่างตื่นเต้น “บัตรนั่นคืออะไร? ทำไมมันดีจัง ใช้แล้วได้ส่วนสดด้วย? ฉันอยากได้บ้างสักใบจัง”
‘ผมจะไม่เสนอที่จะเลี้ยงข้าวมู่จืออีกแล้วในอนาคต แล้วฉายาถังใส่ข้าวธาตุแสงของผมน่าจะต้องยกให้เธอไปเลยด้วย’ ผมคิดอยู่ในใจ ไม่ได้สนใจเธอนัก
แต่! จู่ ๆ มู่จือก็ทำท่าทางน่าสงสารใส่ผม
ผมได้แต่ถาม “มีอะไรหรือเปล่า?”
เธอหน้าแดงแล้วเอ่ยอย่างอาย ๆ “ถ้าฉันจะสั่งหยกปริ่มน้ำเพิ่มอีกเหยือกนายจะว่าอะไรมั้ย? ฉันจะเอากลับไปกินตอนบ่าย มันอร่อยที่สุดตอนอากาศร้อน ๆ แล้วมันก็แค่ 5 เหรียญเพชรเอง!”
เฮ้อ!! นี่มันอะไรกันเนี่ย! ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมา พื้นดินหมุนกลับทิศทางไปหมด “ได้เลย! ถ้าเธออยากกินอีก ก็สั่งได้เลย!”
ผมแทบไม่รู้ตัวว่าผมกลับมาถึงสถาบันได้อย่างไร ตอนที่ผมได้สติกลับมา ผมก็นั่งอยู่ในห้องแล้ว กำลังรอให้คาบเรียนตอนบ่ายเริ่มขึ้น
มู่จือยื่นมือมาสะกิดผม “นายกำลังคิดอะไรอยู่? ฉันเรียกอยู่ไม่ได้ยินเลยเหรอ? นายอยากกินหยกปริ่มน้ำนี่บ้างมั้ย?”
ผมตอบกลับ “โอ้! ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ! อ้อ! หยกปริ่มน้ำ? ไม่เป็นไร เธอกินเลย!”
นักศึกษาสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าของมู่จือหันกลับมาถาม “เธอดื่มอะไรอยู่น่ะ? น้ำอะไร ทำไมกลิ่นมันหวานลอยออกมาอย่างนี้?”
มู่จือหันไปตอบ “มันคือ ‘หยกปริ่มน้ำ’ ลองชิมดูสิ!”
นักศึกษาสาวคนนั้นถึงกับหายใจแรงเชียว “หวา!! นี่มันหยกปริ่มน้ำจริง ๆ ด้วย อร่อยจริง ๆ แต่ฉันได้ยินมาว่ามันมีราคาแพงมากเลย เธอนี่ต้องมีเงินเยอะมากจริง ๆ”
“ไม่ใช่เงินของฉันหรอก! จางกงเป็นคนจ่ายให้น่ะ มา! มากินด้วยกัน เดี๋ยวฉันแบ่งให้!” มู่จือชี้มือตรงมาที่ผม
แม่สาวคนนั้นถึงกับมองจ้องมาที่มู่จืออย่างอิจฉา “เขาดูแลเธอดีมากเลย! หน้าตาก็ดี เวทย์มนต์ พลังเวทย์ของเขาก็แข็งแกร่งมาก เธอนี่โชคดีจริง ๆ!”
มู่จือเบ้ปาก “ถ้าเธอชอบเขา ก็เอาไปเลย!”
ผมที่นั่งฟังการสนทนาของพวกเขาอยู่เงียบ ๆ พอได้ยินประโยคสุดท้ายนั่น ผมก็ไม่เงียบแล้ว “มู่จือ เธอพูดว่าอะไรนะ?” ผมโกรธหน่อย ๆ แล้ว
“ทำไม!” มู่จือหันหน้ามาหาผม ก่อนจะพูดต่อ “ฉันยังไม่ได้ตกลงว่าจะคบกับนายสักหน่อย! ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วย?”
ผมหมดคำพูดทันที ใช่แล้ว! เธอไม่ได้ตอบตกลงที่จะคบกับผมเสียหน่อย ดูเหมือนว่าผมจะเสียเหรียญเพชรของผมไปเปล่า ๆ แล้ว เฮ้อ! ผมทิ้งตัวลงนอนบนโต๊ะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมว่าหัวใจของผมรู้สึกเจ็บอยู่หน่อย ๆ นะ
บางทีอาจจะเป็นเพราะหยกปริ่มน้ำที่เธอดื่มลงไปผมเป็นคนจ่ายเงิน นักศึกษาคนนั้นนิสัยไม่เลวเลย เพราะเธอรีบสนับสนุนผมทันที กล่าวกับมู่จือว่า “มู่จือ! ทำไมเธอพูดกับจางกงอย่างนั้นล่ะ? พูดอย่างนี้ไม่น่ารักเลย!” นั่นทำให้มู่จือเงียบไปเหมือนกัน
ในที่สุด! การเรียนในวันนี้ก็จบลงจนได้ ผมรีบออกจากห้องทันที่ อารมณ์ผมไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่!
แต่ผมเจอเข้ากับหม่าเคอหลังจากออกมาได้ไม่นาน หม่าเคอที่สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี เขาหยุดผมไว้ก่อนจะบอกด้วยเสียงสดใส “พี่ใหญ่! นี่มันเยี่ยมมาก พวกเราทำสำเร็จ!”
ผมถามเขาหน้าเครียด “สำเร็จ? อะไรสำเร็จ?”
หม่าเคอทำหน้าสงสัย แต่ยังตอบกลับมา “พี่ใหญ่! พี่เป็นอะไร? ทำไมอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้? ไม่ใช่ว่าพวกเรามีเรื่องใหญ่เรื่องเดียวเหรอ? เรื่องที่ผมบอกว่าสำเร็จแล้วนั่นแหละ พวกเราสร้างพันธมิตรได้สำเร็จแล้ว วันนี้! อาจารย์ตี้มาพบกับท่านพ่อที่วัง หลังจากสนทนากันอยู่ตลอดช่วงเช้า พวกเขาก็สร้างข้อตกลงได้สำเร็จ ตอนบ่ายนี้เอง พวกเขาพากันไปหาเมธีเวทย์ที่เหลืออีก 3 ท่าน อาจารย์หลงนะพวกเรารู้อยู่แล้ว แต่เมธีเวทย์อีก 2 ท่าน ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการของสถาบัน ทั้งคู่เห็นด้วยที่จะสนับสนุนท่านพ่อแล้ว”
“นี่เป็นข่าวดีจริง ๆ!” ผมตอบ “ยอดเยี่ยมมาก! แล้วพวกเราจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่?”
หม่าเคอรีบตอบ “ท่านพ่อบอกว่าเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่จำเป็นขึ้น พวกเราควรจะทำให้ปัญหานี้จบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจว่าจะไปหามหาเสนาบดีเต๋ออีก กับพวกสามตระกูลใหญ่พรุ่งนี้ คงจะมีการเจรจากันพรุ่งนี้เลย”
ผมออกจะคาดไม่ถึง “เร็วขนาดนั้นเลยหรือ?”
หม่าเคออธิบายให้ฟังต่อ “ตอนแรก! ท่านพ่อต้องการให้พี่เข้าร่วมการเจรจาด้วย แต่อาจารย์ตี้บอกว่าพี่เป็นอาวุธลับของพวกเรา พวกเราไม่ควรปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่เลย”
ผมสงสัย “ฉันจะไปเป็นอาวุธลับได้ยังไง? ช่างเถอะ เอาไว้รอฟังข่าวอีกทีพรุ่งนี้ ตอนนี้กลับไปที่หอกันก่อนเถอะ”
หม่าเคอถาม “พี่ใหญ่! ทำไมวันนี้พี่ดูหงุดหงิดจัง? พวกเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีกว่า”
ผมรีบโบกมือปฏิเสธเขา ตอนนี้ผมกลัวกับความคิดที่จะต้องกินอีกครั้ง “ยังไม่ต้องหรอก! รอจนทุกอย่างจัดการได้เรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยฉลองกันทีเดียว! ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก ฉันว่าจะรีบกลับไปพักผ่อนก่อน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้! ผมไม่กวนพี่แล้ว พรุ่งนี้พี่น่าจะรู้สึกดีขึ้น” หม่าเคอต้องยอมผมแบบไม่มีทางเลือก
หลังจากแยกจากหม่าเคอมาแล้ว ผมกลับไปที่ห้องพักแล้วนอนลงบนเตียง ตอนนี้ใจของผมไม่สงบเลย มันเหมือนกับทะเลที่มีคลื่นแรงมากซัดเขาฝั่งอยู่ตลอดเวลา ในหัวคิดอยู่แต่ว่า ทำไมมู่จือทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ตลอดเวลา? มันเจ็บที่หัวใจแปลก ๆ หรือว่าผมจะตกหลุมรักเธอจริง ๆ? ไม่น่าจะเป็นไปได้! เธอไม่เห็นจะมีอะไรดี สวยก็ไม่สวย อ่อนโยนก็ไม่มีสักนิด! แต่ทำไมมันเหมือนจะมีเงาของเธออยู่ตรงหน้าผมตลอดเวลา?