ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 287 ปีนภูเขาเพื่อค้นหาเต๋า (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 287 ปีนภูเขาเพื่อค้นหาเต๋า (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ฝูงนกบินข้ามทะเลสาบ อาทิตย์อัสดงย้อมระลอกคลื่นของทะเลสาบมังกรอสรพิษให้เป็นสีเหลืองอมแดง
บนเกาะสงคราม การทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว
จอมยุทธ์พลังปราณไม่จำเป็นต้องกินหรือนอนตามเวลาที่กำหนดเหมือนคนทั่วไป การอดนอนทั้งคืนไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา อาหารกลางวันเป็นเพียงการมอบสวัสดิการเพิ่มเติมให้ศิษย์เท่านั้น
ทุกคนขึ้นเรืออีกครั้ง มันแล่นไปยังเกาะเล็กๆทางทิศตะวันออก เกาะนี้ไม่ใหญ่เท่าเกาะสงครามแต่ยังใหญ่กว่าเกาะอื่นๆ
ท่ามกลางสายหมอกยามเย็น วัดนิกายเต๋าอันเคร่งขรึมตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาของเกาะ มันไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความเงียบสงบแต่มันเหมือนกำลังดูแคลนสำนักอื่นๆ
มีข่าวลือว่าผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในยุคโบราณล้วนเป็นนักพรตเต๋า พวกเขาเป็นเหมือนต้นกำเนิดของทักษะและเคล็ดวิชาทั้งหมดบนโลกใบนี้ วิธีการบ่มเพาะส่วนใหญ่ของสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ก็มีต้นกำเนิดมาจากนิกายเต๋าเช่นกัน
ในยุคปัจจุบัน นิกายเต๋าไม่ใช่ทางเลือกเดียวสำหรับผู้ฝึกตนอีกต่อไป แต่นิกายเต๋ายังถือเป็นสำนักที่ทรงอิทธิพลที่สุดสำนักหนึ่งในสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์
การทดสอบจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนจะเดินทางไปยังสนามสอบของสำนักที่พวกเขาเลือกทีละแห่งและใช้โอกาสนี้ทำความคุ้นเคยกับสถานที่ต่างๆ
ไม่ว่าพวกเขาจะลงเอยที่สำนักใด พวกเขาล้วนต้องไปเยี่ยมเยือนเกาะทั้งหมด ในความเป็นจริงแก่นแท้ของสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์คือการรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ศิษย์ของสำนักศึกษาสามารถเรียนรู้บางอย่างจากทุกสำนัก
แน่นอนว่าหากพวกเขาต้องการเรียนรู้ทักษะลับหรือแก่นแท้ของสำนักอื่น พวกเขาต้องใช้ความพยายามและหินวิญญาณมากพอสมควรแต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
นี่เป็นแง่มุมที่หลี่ฉิงซานรู้สึกชื่นชมมากที่สุดและเป็นเหตุผลที่ทำให้จักรวรรดิต้าเซี่ยสามารถยืนหยัดอยู่ได้
เด็กหนุ่มสาวทั้งหมดลงจากเรือและข้ามผ่านป่าไปตามเส้นทางเล็กๆก่อนจะบรรลุถึงภูเขา
อาจารย์กล่าว “คนที่เลือกนิกายเต๋า จงปีนขึ้นไปบนภูเขา ผู้ใดไม่ได้เลือกก็รออยู่ที่นี่ อย่าเตล็ดแตร่ไปไกลนัก”
หลี่ฉิงซานค้นพบว่ามีจอมยุทธ์เกือบพันคนปีนขึ้นภูเขา
นิกายเต๋าไม่เพียงเป็นสำนักใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองจากสำนักใด แต่มันยังไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของธาตุอีกด้วย
นั่นทำให้เกือบทุกคนเลือกนิกายเต๋าเป็นหนึ่งในห้าทางเลือกของพวกเขา หลี่ฉิงซานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในความเป็นจริงเป้าหมายหลักของเขาคือนิกายเต๋าหรือสำนักการทหาร แต่นิกายเต๋าดูเหมือนจะเหมาะกับเขามากกว่า
ทุกคนปีนขึ้นสู่ภูเขา ทันทีที่ขึ้นไป หมอกหนาทึบก็ลอยเข้ามาปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด
หลี่ฉิงซานพบว่าทุกคนหายไปจากวิสัยทัศน์ มีเพียงเขาที่ยังอยู่บนเส้นทางภูเขา เขารู้ว่านี่คือค่ายกล
“การทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว!” เสียงหนึ่งดังขึ้น
หลี่ฉิงซานรวบรวมสติและก้าวไปข้างหน้า ทันทีที่เขาออกเดิน ร่างกายของเขาก็หนักขึ้นหลายเท่า พลังปราณของเขาถูกกดไว้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถเปิดกระเป๋าร้อยสมบัติและไม่สามารถใช้ทักษะต่างๆ
ในเวลานี้จอมยุทธ์พลังปราณทั้งหมดที่ปีนขึ้นภูเขาไม่ต่างจากคนธรรมดา ค่ายกลของนิกายเต๋าเริ่มแสดงพลังอำนาจที่น่าตกใจออกมาทันที
หลี่ฉิงซานไม่สะทกสะท้าน เขาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว แต่ทันใดนั้นบันไดหินที่เคยกว้างก็กลายเป็นทางเท้าแคบๆและคดเคี้ยว สองข้างเป็นหน้าผาสูงชันที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง เขาสามารถจินตนาการได้ว่าหากเขาตกลงไป เขาจะไม่ตายจริงๆ แต่เขาจะเสียสิทธิ์ในการเข้านิกายเต๋า
เป็นเพียงเวลานี้ที่สายลมกรรโชกแรงพัดเข้ามา
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องของบางคนดังขึ้นเมื่อเขาตกลงจากหน้าผา แม้เขาจะรู้ว่าตนเองจะไม่เป็นไร แต่เขาก็ไม่สามารถสะกดข่มความหวาดกลัว เมื่อเขากำลังจะตกลงบนพื้น สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไป เขาพบว่าตนเองกลับมาที่ตีนเขาเรียบร้อยแล้ว เหล่าจอมยุทธ์ที่รออยู่มองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
เขาตะโกน “ข้าไม่ยอมรับสิ่งนี้! ข้าปลิวไปกับสายลม ด้วยการบ่มเพาะขั้นสามของข้า ข้าจะป้องกันการโจมตีจากค่ายกลของนิกายเต๋าได้อย่างไร?”
“ยิ่งเจ้ากระวนกระวายใจมากเท่าใด ลมก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น ขณะเดียวกันเส้นทางจะยิ่งแคบลง เจ้าไม่แม้แต่จะสามารถควบคุมความกลัวในใจแม้เจ้าจะรู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา เช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าสามารถฝึกฝนอยู่ในนิกายเต๋าได้อีกงั้นหรือ? ไปซะ!” เสียงหนึ่งดังขึ้น มันคือเสียงของนักพรตเต๋าขี้โมโหที่หยาบคายผู้นั้น
ฮัวเฉิงลู่เม้มริมฝีปาก “เห็นได้ชัดว่าเจ้าไร้ประโยชน์ พี่ชายของข้าบอกว่าหากเจ้าสามารถผ่อนคลายและควบคุมจิตใจ กระทั่งคนธรรมดาก็สามารถไปถึงจุดสูงสุด เห้อ...ข้าสงสัยว่าจื่อเจี้ยนจะเป็นอย่างไรบ้าง”
ในที่สุดจอมยุทธ์ผู้นั้นก็ยอมรับความพ่ายแพ้ เขามาจากกองกำลังเล็กๆ ด้วยการบ่มเพาะของเขา เขาถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะในกองกำลังของเขาและถูกปกป้องราวกับสมบัติล้ำค่า เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ นั่นเป็นสาเหตุที่เขาไม่สามารถระงับความหวาดกลัวและตกลงจากหน้าผาในที่สุด
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับหลี่ฉิงซาน
สายตาของเขาสงบนิ่งมากขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า หลังจากผ่านการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายมามากมาย เขายังต้องกลัวสิ่งใดอีก แต่ถึงกระนั้นเส้นทางก็ยังแคบลงเรื่อยๆขณะที่สายลมกรรโชกแรงขึ้นเช่นกัน
เขายังคงไม่สะทกสะท้านและยังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ในความเป็นจริงเขากระทั่งชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทางที่หาชมได้ยาก เขาทำตัวสบายๆเหมือนนักปีนเขาที่มาท่องเที่ยว
นักพรตเต๋าขี้โมโหมองเขาและหัวเราะ “เด็กเลว มาดูกันว่าเจ้าจะอยู่ได้นานเท่าใด”
จากนั้นฝนเม็ดใหญ่ก็เริ่มตกลงมา เส้นทางเริ่มลื่นและเดินยากขึ้น ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้น มันอยู่ใกล้ศีรษะของเขามาก หากเป็นคนทั่วไป พวกเขาคงตื่นตกใจแม้พวกเขาจะอยู่บนพื้นราบก็ตาม
นักพรตเต๋าขี้โมโหหัวเราะอย่างมีความสุขก่อนจะเบนสายตาไปที่อีกคน
เหงื่อไหลลงมาที่ปลายจมูกของอวี๋จื่อเจี้ยน นางนึกถึงคำเตือนของฮัวเฉิงลู่ขณะที่นางมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่กล้ามองย้อนกลับไปข้างหลัง
ทันใดนั้นสายลมกรรโชกแรงก็พัดเข้ามาหานาง นางแกว่งไปมา ด้วยการถือดาบไว้ในมือ นางจึงไม่สามารถรักษาสมดุล นางกำลังจะตกลงจากหน้าผา
นักพรตเต๋าขี้โมโหงอนิ้วและทำให้สายลมอ่อนๆพัดมาจากอีกด้านหนึ่ง มันช่วยพยุงนางขึ้นมาอย่างนุ่มนวล ด้วยเหตุนี้นางจึงกลับมาทรงตัวได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ นี่ไม่เหมาะสม!” นักพรตเต๋าหนุ่มที่มีดวงตาเล็กๆอดไม่ได้ที่จะพูดสิ่งนี้เมื่อเห็นการกระทำของนักพรตเต๋าขี้โมโห
เขาสวมชุดสีดำและทำผมทรงนักพรต มีเข็มขัดผ้าไหมคาดอยู่ที่เอวของเขาพร้อมกับป้ายที่สลักคำว่าหนึ่ง มันแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นศิษย์เอกของนิกายเต๋า การบ่มเพาะของเขาก็น่าประทับใจมาก เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นสิบ
ใบหน้าของนักพรตเต๋าขี้โมโหเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อศิษย์รักของเขาอย่างหยาบคายเหมือนที่เขาทำกับผู้นำสำนักคนอื่นๆ เขาอธิบายว่า “เจียเฉินซี นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิง มันเป็นเรื่องปกติที่นางจะกลัวความสูง มีผู้ใดบ้างที่เกิดมาโดยไม่กลัวสิ่งใด จิตใจเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้ สำหรับผู้ชายเช่นเจ้า พวกเจ้าต้องเข้มแข็งมากกว่า ดาบล้ำค่าต้องผ่านการเจียรนัยและลับคม...”
“ท่านอาจารย์ ดาบล้ำค่ายังอยู่ที่นั่น!” เจียเฉินซีชี้
นักพรตเต๋าขี้โมโหมองไปรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นลม น้ำแข็ง หรือฝนตกหนัก ไม่มีสิ่งใดส่งผลกระทบต่อหลี่ฉิงซาน ตรงข้าม ฝีเท้าของเขายิ่งเร็วขึ้น เขาวิ่งอย่างดุเดือดอยู่ท่ามกลางพายุฝน
เขาอาจไม่ฉลาดเป็นพิเศษ พรสวรรค์ของเขาอาจไม่โดดเด่นนัก แต่เขามีความทะเยอทะยานและความกล้าหาญที่แทบไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียง